คือกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองของมนุษย์เพื่อพัฒนาปรับปรุงไปในทาที่ดีขึ้นหรือในทางที่ตนต้องการมากกว่า แต่กระบวนการนี้ไม่ง่ายเพราะพฤติกรรมมนุษย์เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก มีทั้งองค์ประกอบและปัจจัยต่างๆเกี่ยวข้องกันมากมาย ดังนั้นในการเป็นครูจึงต้องมีการเรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อช่วยในการจัดการหรือให้มีอธิพลในเชิงบวกและหลีกเลี่ยงให้เกิดพฤติกรรมในเชิงลบในการพัฒนาตนเอง และเรียนรู้ปัจจัยพื้นฐานของพฤติกรรมมนุษย์ จะช่วยให้เข้าใจมนุษย์ได้ดีในการพัฒนาผู้อื่น
พฤติกรรม(Behavior) คือการแสดงออกต่อสิ่งเร้าหรือการแสดงออกต่อการเกิดเหตุการต่างๆที่เข้ามา การแสดงออกต่างๆนั้นอาจเป็นการแสดงออกที่สังเกตุหรือวัดได้ เช่น การเดิน การพูด การเขียน การเต้นของหัวใจ เป็นต้น โดยการแสดงออกที่สิ่งเร้าทำให้มีคือกระทบแล้วเกิดพฤติกรรมอาจจะเป็นสิ่งเร้าภายใน(Internal Stimulus) หรือสิ่งเร้าภายนอก(External Stimulus)
สิ่งเร้าภายใน(Internal Stimulus) ได้แก่ สิ่งที่ทำให้เกิดความต้องการทางกายภาพ เช่น ความหิว ความกระหาย เป็นสิ่งเร้าที่มีอิทธิพลกับการแสดงพฤติกรรมของเด็กสูงแต่เมื่อเด็กโตขึ้นในสังคมสิ่งเร้าภายในจะลดลงและกลายเป็นสิ่งเร้าภายนองทางสังคมที่เข้ามากำหนดให้เด็กเกิดการแสดงออกทางสังคมอย่างไรต่อไป
สิ่งเร้าภายนออก(External Stimulus) ได้แก่ สิ่งเร้าต่างๆทางสิ่งแวดล้อม สังคม ที่สัมผัสได้ด้วยประสาทต่างๆของร่างกายทั้ง 5 คือ หู ตา คอ จมูก การสัมผัส
สิ่งเร้าที่จูงใจทำให้แสดงออกทางพฤติกรรมของคนได้แก่ สิ่งเร้าที่ทำให้เกิดความพึงพอใจหรือการเสริมแรง(Reinforcement) โดยแบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ การเสริมแรงทางบวก(Positive Reinforcement) เช่น คำชมเชยจะเพิ่มความพอใจทำให้แสดงออกมากขึ้น อีกอย่างคือ การเสริมแรงทางลบ(Negative Reinforcement) คือสิ่งเร้าที่ไม่พอใจหรือไม่พึงนำมาใช้เพื่อลดพฤติกรรมที่ไม่พึงปราถนาให้ลดลง เช่น การลงโทษเด็กเมื่อทำผิด การปรับเงินจากการไม่ปฏิบัติตามกฏจราจร เป็นต้น
มนุษย์โดยทั่วไปจะพึงพอใจกับการเสริมแรงทางบวกมากกว่าทางลบ โดยวิธีการเสริมแรงทางบวก กระทำได้ดังนี้
ไม่มีความเห็น