คนเราส่วนใหญ่ รวมทั้งตัวผม ที่อาศัยร่มเงาตะวันดวงโตๆ ของโลกใบนี้ มักใช้เวลาไปในการมองสิ่งของรอบข้าง มองคนอื่น อ่านข่าวและเรื่องราวของคนอื่น แล้วสรุป (เอง) ว่า ...สิ่งนี้สวย สิ่งนี้ไม่สวย คนนี้ทำถูก คนนี้ทำผิด คนนี้รวย คนนี้จน แต่มักจะลืมมองตัวเอง ลืมที่จะศึกษาตัวเอง ผมสรุป (เอง) ว่า ... คนเราศึกษาแต่เรื่องนอกตัวทั้งสิ้นก็แล้วกัน
ผมได้ Forward mail จากเพื่อนหมออนามัย (เป็น-หมอโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล-ไปแล้ว) ด้วยกันส่งให้ ไม่รู้เหมือนกันว่า คนเขียนเรื่องราวเป็นใคร แต่ก็ขอขอบคุณมากมายครับ สำหรับบทเรียนเรื่อง “ ความโกธร “ ที่ทำให้ผม ได้เรียนรู้ และเริ่มศึกษาตัวเอง นับตั้งแต่ลืมตามองดูโลก...
FW : คนรักรถ และความโกธร
ขณะที่ชายคนหนึ่งกำลังขัดล้างรถอย่างขะมักเขม้น ลูกชายวัย 4 ขวบ ก้มลงเก็บก้อนหินขึ้นมา แล้วบรรจงขูดขีดไปบนด้านข้างของตัวรถ
พักใหญ่ต่อมา... เมื่อพ่อได้ยินเสียงครูดของหิน ก็เกิดความฉุนเฉียว โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เขากระชากมือลูกมา ตีลงบนมือน้อย ๆ นับครั้งไม่ถ้วน โดยไม่ทันนึกว่าตนได้ถืออะไรอยู่ในมือ
ณ โรงพยาบาล.. นิ้วลูกชายถูกตัดออก เพราะกระดูกแตก จนหมอไม่สามารถเชื่อมต่อได้
ขณะที่พ่อเข้ามาดูลูกในห้อง ลูกมองพ่อด้วยสายตาปวดร้าว แล้วถามพ่อว่า " เมื่อไร นิ้วหนูจึงจะยาวเหมือนเดิม ? "
คำถามนั้น... เหมือนคมมีดกรีดลึกลงไปในหัวใจผู้เป็นพ่อ เขารู้สึกละอายใจ รู้สึกผิด
และเสียใจในการกระทำตนอย่างไม่อาจให้อภัย
เขาจึงกลับไปที่รถ เตะมันสุดแรงเกิดโดยไม่ยั้งจนเหนื่อยหอบ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างรถอย่างเศร้าใจ สายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยขูดขีด
เขาเบิกตากว้าง ! จ้องมองคำว่า " รักพ่อ " น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อ แล้วไหลอาบแก้ม เขาเอามือปิดหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับใจจะขาด
รุ่งขึ้น... ชายคนนั้นได้ฆ่าตัวตาย
อารมณ์โกรธ มีโทษมหันต์
ปัญหาของโลกในทุกวันนี้ คือ
คนบางคน.. รักรถ หวงรถ หรือสิ่งของอื่น ยิ่งกว่ารักและห่วงใยลูก หรือ เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
จำไว้เสมอว่า สิ่งของมีไว้ให้ใช้ และ คนมีไว้ให้รัก
***********
อย่างนี้แหละไม่คิดก่อนทำเหมือนภาษิตของคนอีสาน ความโมโหพาโตตกต่ำ
คุณฉัตรติมา ขอบคุณมากครับ ที่ติดตามอ่านครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ