โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

วิญญาณหลอน-2


ฟังเรื่องราวแล้วน่าสนใจจึงเรียกเพื่อนคนที่เห็นเหตุการณ์มาพบ “เพื่อนเธอเห็นอะไร” ผมเริ่มสอบถามโดยไม่อ้อมค้อม “นิดเห็นผีคะ”
วิญญาณหลอน-2
โสภณ  เปียสนิท
.........................................
 
                วันต่อมาจากวันนั้นยังมีเรื่องตื่นเต้นให้ติดตาม นักเรียนที่มาพักในหอพักด้านใน คนหนึ่งขณะกำลังโทรศัพท์คุยกับเพื่อนที่โคนต้นไม้ใหญ่หน้าหอพักตอนเข้าใต้เข้าไฟ วิ่งหน้าตื่นขึ้นไปข้างบน ฟังเรื่องราวแล้วน่าสนใจจึงเรียกเพื่อนคนที่เห็นเหตุการณ์มาพบ “เพื่อนเธอเห็นอะไร” ผมเริ่มสอบถามโดยไม่อ้อมค้อม “นิดเห็นผีคะ” “เห็นอย่างไร” ผมซักไชร้ไล่เรียง “ก็ตอนยืนคุยโทรศัพท์เพลินๆ ตอนนั้นเพิ่งจะมัวๆหน้าเอง เธอบอกว่าเห็นคนยืนอยู่หลังใกล้ต้นไม้ใหญ่นั่น” “ชายหรือหญิง” “ผู้ชายแต่งกายเหมือนทหารโบราณ ผิวดำ” “เห็นอยู่นานไหม” “เพื่อนบอกว่าซักนาทีหนึ่ง” “แล้วยังไงต่อ” “เธอบอกว่ามองไปคุยไป คิดในใจว่า เอ๊ะใคร แค่นั้นแหละ เดินหลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่นั่นทันที” “พวกเราคนใดคนหนึ่งหรือเปล่า” “ไม่ใช่แน่ ไม่มีผู้ชาย เพื่อนมันกลับไปหมดแล้ว” “ต่อจากนั้นหล่ะ” “เพื่อนมันก็วิ่งขึ้นไปคลุมโปงนอนสั่นเป็นเจ้าเข้า เรียกไม่ขาน ถามไม่ตอบเลย ครางฮือๆ อยู่อย่างนั้น พอจะพูดขึ้น น้ำเสียงใหญ่เหมือนผู้ชาย หน้าตาดุ ขอบุหรี่สูบ พวกเราไม่มีใครมีสักมวน” “แล้วอาการมันดีขึ้นอย่างไร” ผมถามให้ละเอียด เธอตอบเร็วบนแขนขนตั้ง แถมมีตุ่มเล็กๆ อย่างเห็นได้ชัด “เพื่อนอีกคนไปจุดธูป 9 ดอกไปปักกลางแจ้งบอกกล่าว มันก็ดีขึ้น แต่ดูมันมึนๆ งงๆ ไม่ค่อยพูดจา”
                บ่ายวันต่อมา เด็กนักเรียน 3 คนพากันมาหาแล้วบอกว่า “ผมขอกลับบ้าน 3 วัน” “ไปทำไมกัน” ผมถามตามหน้าที่ นักเรียนมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าพูด “คือ....” “บอกมาก่อน ไม่อย่างนั้นไม่อนุญาต กลับบ้านไม่ได้แน่” “บอกแล้วครูให้ผมกลับบ้านนะ” “ได้ แต่ต้องรีบกลับมา ห้ามนานเกิน ขาดเรียนไม่ดี” “พวกผมกลัวห้องน้ำครับ” ผมงงหนัก “อ้าว แล้วไปกลัวมันทำไม” “เมื่อวานตอนเย็นพวกผมเดินไปเข้าห้องน้ำบนอาคารเก่านั่น มีผู้แต่งตัวคล้ายทหารยุคเก่าเดินหลบแวบเข้าห้องน้ำไปก่อน” “คนงานก่อสร้างศาลพระภูมิมั้ง” ผมว่าไปตามเรื่อง “พวกผมอยากรู้วิ่งตามไปติดๆ” ผมชักเริ่มหูผึ่งขึ้นมาบ้าง “แล้วเจอไหม” “ไม่เห็นมีใคร นึกขึ้นได้ว่า น่าจะเป็น...ผมเลยวิ่งแน่บกลับ” ผมนึกในใจ เด็กนะเด็กนึกคิดไปเรื่อย “อย่างนั้นกลับบ้านได้ วันจันทร์หน้ากลับมาเรียนนะ” “ครับ” เด็กสามคนดีใจที่ได้กลับบ้านรีบตอบพร้อมกัน
                18.30 น. ฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าเปิดเครื่องเสียง มีเสียงเชิญชวนเข้าร่วมงาน แจ้งขั้นตอนพิธีการ เปิดเพลงสนุกสนาน นักเรียน เจ้าหน้าที่ คณาจารย์ แขกเหรื่อเริ่มทยอยเข้าสู่โรงอาหารขนาดใหญ่ของโรงเรียน 19.00 น. พิธีการประกาศเชิญผู้อำนวยการคนเก่าขึ้นบนเวทีกล่าวคำอำลาและขอบคุณ ผู้อำนวยการคนใหม่ขึ้นเวทีกล่าวคำยินดีที่ได้มาช่วยงาน กล่าวคำมั่นว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
                ขณะนั้นเอง นุชจรีย์ เจ้าหน้าที่พิมพ์ดีดนั่งรับประทานอาหารอยู่ดีๆ เกิดอาการตัวเกร็ง แข็งทื่อ แขนขาค้าง จนเพื่อน “นิด” ที่นั่งข้างๆ เห็นผิดสังเกตจึงสะกิด แต่เพื่อนกลับมองตาขวาง แข็งทื่อ จนนิดหนาวสะท้านจับจิต ขนลุกซู่เมื่อสำนึกเตือนว่า นี่ไม่ใช่สายตาของเพื่อนรักนี่นา แล้วไอ้หมอนี่มันใครกัน “เฮ้ย เป็นอะไร” นุชยกมือชี้หน้าตาขวาง “มีงานทำไมไม่บอกกู” เพื่อนๆ ในวงโต๊ะจีนลุกพรึบยืนขึ้นพร้อมกันเหมือนได้ยินเพลงชาติตอนหกโมงเช้า ว่าดังนั้นแล้ว นุชหงายหลังคอพับกับเก้าอี้ เพื่อนอีกสองคนประคองพาไปที่มายาวตัวหนึ่ง นอนลงนิ่งตาค้างเหลือกลาน น้ำลายฟูมปาก “นุช เป็นอะไร” นุชยังตาค้างแต่ไม่ตอบอะไร คราวนี้ยุ่งยิ่งโกลาหล บางคนหายาดม บางคนท่องสวดมนต์ปากหมุบหมิบ คาดว่าเป็นคาถาไล่ภูตผีวิญญาณ บางคนวิ่งไปแจ้งผู้สันทัดกรณีด้านวิญญาณ บางคนหาธูปเทียน กัญญา รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ คว้าธูป 19 ดอกพร้อมเทียน 2 เล่ม เดินเร็วไปที่ศาลพระภูมิหน้าโรงเรียน ยามสองคน ยืนมองเหตุการณ์อย่างงุนงง ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ผู้อำนวยการคนใหม่ มองเหตุการณ์อย่างงุนงง แต่ยังแข็งใจหันไปเจรจากับผู้อำนวยการคนเก่าเหมือนเป็นปกติ ตลอดเวลาเหล่านี้ นุชยังคงนอนนิ่งตาแข็งอยู่อย่างนั้น
                จากเหตุการณ์ที่เกิดทำให้ 3 โต๊ะจีน รอบๆ วุ่นวาย แต่โต๊ะอื่นยังคงนึกว่ามีคนเป็นลมธรรมดา มองเห็นแล้วก็ดื่มกินกันต่อตามปกติ คนนอนตาแข็งก็นอนต่อไป แต่ดูว่าจะสงบนิ่งอยู่ในอาการที่น่าพอใจ คนช่วยเหลือก็ยังคงหาวิธีการกันต่อไป “นิ่งไปแล้ว ฉันจุดธูปเทียนบอกเจ้าที่เรียบร้อยแล้ว” รองฝ่ายวิชาการบอกด้วยอาการเหนื่อยหอบ นิดบอกว่า “ให้ดมยาดมแล้วก็สงบไป”
                ความบันเทิงกำลังดำเนินต่อไป เด็กชายนุ่น วัย12 ปี เดินบ้างวิ่งบ้างอยู่ข้างหลังสุด โดยที่ไม่มีใครตั้งตัว เกิดอาการจุกเสียดแน่นปวดมวนจนตัวงอ ไม่มีใครสังเกตเห็น จนร้องออกมาเสียงดัง “โอ๊ย..” พร้อมเอามือปิดปาก เสียงต่อมาทำให้ทุกคนตะลึง “อ๊วกกกก” นุ่นหันหน้าลงข้างเก้าอี้ อาหารนานาชนิด น้ำดื่มบ้าง น้ำหวานบ้าง พุ่งพรวดออกจากปากลงใต้โต๊ะจีน เปื้อนกางเกงขายาว ของพ่อที่นั่งข้างๆ ทุกคนในโต๊ะแตกฮือลุกยืนพร้อมกันอีกครั้ง ต่างแยกย้ายกันออกไปหาที่นั่งโต๊ะอื่นที่ไกลออกไป
                การณ์ดำเนินไปแบบลุ่มๆดอนๆ ผู้ใหญ่ด้านหน้าเวที เจรจาความเมืองกันเบาๆ พอเป็นพิธี ด้านหลังเริ่มทยอยกลับ ที่ละคนสองคน วันต่อมาเรื่องอาถรรพ์เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว เสียงร่ำลือกระพือเหมือนไฟลามทุ่ง หลายคนถามหาหนังสือสวดมนต์แบบเร่งด่วน
ผมเองเก็บความสงสัยไว้เงียบๆ จนอาทิตย์ต่อมา พบนิดเพื่อนของนุช โดยบังเอิญ จึงถามว่า “คืนวันงานนั้น นุชเป็นอย่างไรบ้าง” นิดตอบเบาๆ “มันเป็นลมบ้าหมูค่ะ เป็นประจำเลย เบื่อจริงๆ” ว่าแล้วเดินไปทำงานเหมือนเคย บ่ายวันเดียวกันเจอพ่อของเด็กชายนุ่นจึงถามว่า “นุ่น ผีเข้าหรือเปล่า คืนนั้น” พ่อนุ่นทำหน้างง “เปล่า มันกินมากจนอ๊วก”

            

หมายเลขบันทึก: 380891เขียนเมื่อ 2 สิงหาคม 2010 20:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2014 21:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับ สรุปได้ว่าเรื่องที่เห็นไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด  มันเป็นวิปริตทางความรู้สึกหรืออารมณ์ระดับหนึ่ง  นี่คือบทเรียนการตัดสินใจที่ต้องทบทวน

จริงอย่างที่ว่าครับคุณธนา

บรรยากาศภายนอกมันพาไป

ตามความเชื่อต่างๆนานา ครับ

มีเพื่อนเป็นผีดีกว่าอยู่กับคนผีๆ ว่าเข้านั่น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท