‘คสป. – นักวิชาการ’ หนุน ‘อานันท์’ จี้รัฐบาลรับลูก


(บทสัมภาษณ์ลงใน  หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน  ฉบับวันที่  24  กรกฎาคม  2553)

นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม

คณะ กรรมการสมัชชาปฏิรูป (คสป.)

 

                โดยทั่วไปแล้ว พ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับนี้ควรเลิกใช้โดยเร็วก็ยิ่งดี เพราะเท่ากับว่าประเทศเข้าสู่สภาวะปกติ แต่รัฐบาลก็เกี่ยงว่าสถานการณ์ไม่ปกติ แต่ทุกคนอยากให้ปกติ อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสดีที่ควรใช้กระบวนการสันติวิธีหรือสันติเสวนาเพื่อให้ คู่กรณีได้พบปะหารือกันซึ่งเป็นศิลปะที่ต้องมีขั้นตอนและวิธีการเหมาะสม และต้องมีคนที่รู้วิธีการมาช่วยทำ จากเรื่องง่ายไปหาเรื่องยาก

 

                เช่น ขณะนี้เมื่อข้างหนึ่งเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ก็ทำสัญญาประชาคมกับอีกข้างหนึ่งว่าจะต้องไม่ใช้วิธีการรุนแรงที่ทำให้คน อื่นเดือดร้อน หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ทำอย่างที่ตกลงกันไว้ก็กลับไปสู่เงื่อนไขเดิม แต่เรื่องแบบนี้คิดข้างเดียวก็จะตอบตัวเองลำบากเพราะไม่ได้พูดจากับอีกฝ่าย หนึ่ง

 

                "ผมคิดว่ากระบวนการเช่นนี้ ควรเริ่มโดยรัฐบาลที่แสดงท่าทีเลิก พ.ร.ก.ฉบับนี้ แต่รัฐบาลก็อาจต้องการหลักประกันว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องพูดจากันโดยหาคนที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ อาจพูดเรื่องง่าย ๆ ก่อน อาจใช้คณะกรรมการชุดคุณคณิต ณ นคร ก็ได้ ถ้าเป็นที่ยอมของทั้งสองฝ่ายก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่เห็นด้วย ก็ให้เสนอคนมาใหม่จนได้คนซื่งเป็นที่ยอมรับร่วมกันแล้วให้เป็นคนกลางในการเจรจา  เริ่มต้นเราอาจเอาคนที่ไม่ต้องมีสถานะสูงนักก่อนแล้วค่อยขยับ ผมว่าเราต้องพยายามดีกว่าไม่พยายาม ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นชัดว่ามีความพยายาม และถ้าพยายามก็ควรให้สังคมได้รับรู้ เพราะเป็นเรื่องที่ดี"

 

                ในฐานะ ที่เป็นรัฐบาลก็ต้องเป็นฝ่ายริเริ่ม หรือทำงานเชิงรุกมากกว่าเป็นฝ่ายรับ แต่ต้องเป็นการรุกแบบสร้างสรรค์ คือแบบพี่ใหญ่ที่เข้าไปหาน้องเล็ก ไม่ใช่ให้น้องเล็กไปหา และต้องไปอย่างผู้ใหญาผู้มีสติปัญญา

ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้เหมาะสมกว่าเดือนพฤษภาคมเสียอีก เพราะช่วงนั้นเป็นหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่ตอนนี้สถานการณ์เย็นลงมาก แม้จะเชื่อกันว่ามีบางกลุ่มอยู่ใต้ดิน แต่การที่สังคมไทยจะเดินไปข้างหน้าได้ต้องมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน และช่วยกันคิดว่าทำอะไร หากใครไม่ร่วมด้วยก็ต้องชวนเขาเข้ามาให้ได้

หมายเลขบันทึก: 380883เขียนเมื่อ 2 สิงหาคม 2010 19:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 15:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีครับอาจารย์  ผมคิดว่าการมีความพร้อมที่จะแก้ปัญหามีอยู่ตลอดเวลาครับ  ขึ้นอยู่กับแต่ละฝ่ายก็มีทิฏฐิสูงด้วยกันทั้งสองฝ่ายนั่นเอง  ผมชอบความคิดของอาจารย์ที่ว่า"ในฐานะ ที่เป็นรัฐบาลก็ต้องเป็นฝ่ายริเริ่ม หรือทำงานเชิงรุกมากกว่าเป็นฝ่ายรับ แต่ต้องเป็นการรุกแบบสร้างสรรค์ คือแบบพี่ใหญ่ที่เข้าไปหาน้องเล็ก ไม่ใช่ให้น้องเล็กไปหา และต้องไปอย่างผู้ใหญ่ผู้มีสติปัญญา"

        ปัญญาถ้านำมาใช้อย่างสร้างสรรค์ก็แก้ปัญหาได้  แต่การที่มันอึมครึมอยู่อย่างนี้ขณะนี้  เขากำลังใช้ปัญญาหรือใช้อะไรกันอยู่  สงสารประเทศไทยจริง ๆ ครับ

สวัสดีครับท่านอาจารย์ครับ

อยากเห็นบ้านเมืองเที่ยงธรรม นักการเมืองไม่โกงกินครับ

ทำอย่างไรดี

   "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก และการลดอัตตา เป็นหนทางหนึ่งเพื่อสันติสุข"

มีเรื่องเล่าจากงานเปิดสวนโมกข์ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคมนี้ มาฝากค่ะ :

http://gotoknow.org/blog/nongnarts/380790

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท