สวัสดีค่ะ
คิดเช่นเดียวกับอาจารย์ค่ะ หมู่บ้านที่โรงเรียนตั้งอยู่เดิมชื่อ "ซำลู่" หมายถึงบริเวณที่มีน้ำซำ เมื่อหน้าน้ำหลากต้นไผ่ที่อยู่ริมคลองก็ลู่ไปตามน้ำ ตามที่สองตายายเข้ามาเลือกสถานที่ทำมาหากินเป็นคนแรก และตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณน้ำซำนั้นค่ะ
ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น "ซำรู้" แต่ชาวนครไทยก็ยังเรียกว่า "วำลู่" อยู่ดีค่ะ
อาจารย์จะให้ส่งเสื้อไปที่ไหนคะ หรือว่าที่อยู่ในหน้าประวัติคะ
ขอบคุณครับน้อง ครูคิม
โอโหพี่บ่าว มันเปลี่ยนไปขนาดนั้นเลยนะครับ...
ขนาดไม่ได้เปลี่ยนครับน้องบ่าว ยังคงเท่าเดิม แต่ชื่อเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าให้อภัย .. โดยเฉพาะรายการที่ 6
อิ อิ อิ
เห็นด้วยอย่างแรงเลยค่ะอาจารย์ แม้ชื่อ สะพาน ห้วย หนอง คลอง บึง ถนน ภูเขา แถวบ้านเรา จะมีที่มาที่ไป ว่าทำไมต้องชื่อนี้ ได้สอบทานกลับแบบบอกได้ ทีสำคัญว่า ได้เป็นเอกลักษณ์ และดึงดูด น่าสนใจ ให้ผู้ผ่านไปมา ได้เตะตาหาความหมาย หลาว
คิดว่าน่าจะทำได้นะคะ เอาชื่อเดิมกลับ มาเชียร์ มาหนับหนุน ขอบคุณค่ะที่จุดประกาย
เพิ่งเข้าใจคำว่า "ดจร"
:)
ต้องใช้ครูภาษาไทยละมั้งค่ะอาจารย์
สวัสดีค่ะ
มาแจ้งบัญชีค่ะ อาจารย์สั่งเบอร์ L สองตัวค่ะ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเทสโก้โลตัสท็อปแลนด์พิษณุโลก 9372091684 นพวรรณ พงษ์เจริญ ค่ะ
ขอขอบพระคุณค่ะ
สวัสดี ท่าน handy ครับ
ชื่ออาจจะเพี้ยนได้ตามกาล
ถ้าชุมชาต้องการอนุรักษ์ชื่อเก่าที่ถูกต้อง
ก็น่าจะสมควรทำนะครับ...
แวะมาทักทายอาจารย์คะ
ที่หมู่บ้านก็เหมือนกันคะ แต่ก่อนชื่อหมู่บ้านใต้เชี่ยว(ซึ่งหมายถึงชุมชนหรือหมู่บ้านตั้งอยู่ใต้ลงมาจากที่มีน้ำเชี่ยวมาก)
แต่ปัจจุบันเพี้ยนเป็นท้ายเชี่ยว ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความหมายก็จะเพี้ยนไปจากเดิมคะ
แต่ก็มีการทำแผนพัฒนาหมู่บ้าน โดยจะมีการบันทึกไว้ว่าแต่ชื่อนี้ ที่มาจากไหน และปัจจุบันทำไมเป็นชื่อนี้
ซึ่งจะทำให้คนรุ่นหลังได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านคะอาจารย์
ชื่อหมู่บ้าน หมู่บ้านท้ายเชี่ยว หมู่ที่ 7 ต.พะแสง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี
วิสัยทัศน์ของหมู่บ้าน
หมู่บ้านปลอดภัย วัฒนธรรมล้ำเลิศ ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง
สวัสดี ค่ะ อาจารย์ พินิจ
หนูเห็นด้วยค่ะที่ตอนน้ี การพูดหรือการออกเสียงนั้น
ได้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมมาก รวมไปถึงภาษาเขียนด้วยค่ะ
เช่น ทำไม ก็เป็น ทามมาย เธอ ก็เป็น เทอ รู้แล้ว ก็เป็น รู้แระ
เป็นคนไทยน่าจะรักภาษาไทยของเรา
ทำให้เด็กรุ่นใหม่ใช้ภาษาผิดกันไปหมดเลย
เห็นด้วยครับท่าน
โหมไท้ เคยไปเมื่อสามสิบปีก่อน ไปขอพยาบาลมาทำหลานสะไภ้ คุณ อามีน๊ะ ยาหลี ครับ
ชื่อเพี้ยน หาประวัติความเป็นมาไม่ถูกมีมาก
บ้านทุ่งขมิ้น เดิมชื่อทุ่งขี้เหม็น (หมิน) เมื่อสมัยสงครามโลกทหารตั้งค่ายแล้วไปขั้ที่ทุ่ง นี้ ชาวบ้านผ่านไปมา เลยบอกมาจากท๋องขี้หมิน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับขมิ้นเลย
บ้านควนแหวง ตามประวัตอศาสตร์ชุมชน เกิดน้ำท่วมใหญ่ ควนดินพังแหว่งลง ห้วย น้ำพาลากไปเป็นดอนเป็นโคก
คือที่มาของบ้าน ควนแหวง บ้านควนทรุด บ้านห้วยเหยอ (ห้วยถูกดินถมสูงขึ้น ) บ้านโคกทราย บ้านดอนทราย ผลพวงจากควนแหวง ...ปัจจุบันชื่อบ้านเพี้ยนมาเป็น ควรแสวง ......ด้วยประการะฉะนี้
หากไม่สืบโยด สาวย่าน ขุดเอาราก ถากเอาโคน เหมือนคนรุ่นก่อน คงกลับคืนรากเหง้าได้ยากแน่.....
บ่นต่อครับท่าน
มาฟังพี่บังบ่นต่อ ค่ะอาจารย์แฮนดี้แมน ชอบๆ ฟังเรื่องราวจากพี่บังเล่า หนุกหนานได้สาระ
เดี๋ยวปูว่าจะได้เอากลอนป๋า ลงเกี่ยวกับ ชื่อเสียงเรียงนาม อำเภอแถวบ้านด้วยหลาว ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
ถึงแม้ว่าชื่อสถานที่จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ถ้าหากคนในท้องถิ่นยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น หรือยังคงรักษาประเพณีอันดีงาม และที่สำคัญ คือ ยึดหลักการดำเนินชีวิตของพ่อเป็นหลัก ผู้คนในท้องถิ่นก็จะอยู่กันอย่างมีความสุขค่ะ
อารมณ์เดียวกับอาจารย์ค่ะ เพราะทางอิสานก็เป็นแนวเดียวกัน เคยหยิบยกไปสอนลูกศิษย์บ่อยๆ
ขอบคุณครับ
ผมคิดถึงท่านอาจารย์อยู่คับแต่ไม่ได้เข้ามาเลย เพราะช่วงนี้ งานที่ทำประจำ"มีงานเข้า"มากมายคับ ผมดีใจที่ท่านอาจารย์ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับชื่อใหม่ของสถานที่ที่ไม่ควรจะเป็น แต่ที่ผมเห็นคือชื่อหมู่บ้านหนึ่งในตำบลตตะกรบบ้านผมเองที่คงภาษาสำเนียงไชยาไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยนคือ "บ้านห้วยพุน"เป็นลำห้วยที่แบ่งแนวเขตหว่างตำบลทุ่ง กับตำบลตะกรบ จริงๆถ้าเรียกออกเสียงตามหลักภาษาไทยก็คือ "บ้านห้วยพล" โดยมีประวัติว่า...ไพร่พลสมัยสงครามเก้าทัพ เมื่อเดินทางมาถึงห้วยแห่งนี้เห็นน้ำใสสะอาด จึงพักไพร่พล(ทหาร) เพื่อดื่มและใช้น้ำ...ชาวบ้านในละแวกนี้จึงเรียกห้วยนี้ว่า"ห้วยพุน"(ห้วยพล) ตั้งแต่นั้นมาตามสำเนียงชาวไชยาขนานแท้ และปัจจุบันยังไม่มีใคร(ดจร.ตามที่ท่านอาจารย์มีความเห็น)หรือนำ"วัฒนธรรมกระแดะ"มาเปลี่ยนชื่อบ้านแห่งนี้ได้เลยครับ อาจเป็นเพราะว่าคนแถวนั้น "เป็น "คนจุนๆ" เขาจึงมีความ"อดทุน"ทำให้เขาเป็นคนที่มี"เหตุผุน"" จะเกี่ยวกันหรือเปล่าครับท่านอาจารย์ ครับบบบ