วันนี้ลองเปิดอ่านข่าวผลการยื่นแผนจัดการพื้นที่รอบตัวประสาทเขาวิหาร มรดกโลกของกัมพูชา ซึ่งทางฝ่ายไทยคัดค้านอย่างแข็งแรงและแข็งกร้าว ซึ่งผลก็ออกมาตามที่ตัวแทนไทยเสนอคือ เลื่อนการพิจารณาแผนออกไปก่อนอีกหนึ่งปี ก็คงเพื่อให้ไทย-กัมพูชา มาตกลงเรื่องเขตแดนกันก่อนให้เรียบร้อย
อ่านดูความเห็นของคนต่อข่าวดังกล่าว ส่วนใหญ่ก็มาร่วมแสดงความยินดี แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่รู้สึกว่าน่ายินดี เพราะรู้สึกว่าเรากำลังไปแย่งของๆ กัมพูชา ซึ่ง นักการเมืองบางคนยังให้สัมภาษณ์ตำหนิว่าคนไทยว่าคลั่งชาติเสียด้วยซ้ำ
ซึ่งจริงๆ แล้วเท่าที่ดูปัญหาก็คือ เราคัดค้านการจัดการพื้นที่รอบปราสาท 4.6 ตร.กม. ซึ่งแผนที่ของกัมพูชาบอกว่า อยู่ในเขตแดนกัมพูชา แต่แผนที่ของไทยที่ยึดสันปันน้ำ พื้นที่ดังกล่าว อยู่ในเขตไทย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีการปักปันเขตแดน แต่กัมพูชา ก็ยื่นเป็นผู้จัดการพื้นที่ดังกล่าว
จริงๆ ไม่ต้องให้ใครบอกแค่สามัญสำนึกธรรมดาก็บอกได้ว่า ถ้าเรายินดีให้กัมพูชายื่นแผนจัดการพื้นที่ดังกล่าวได้ ก็เท่ากับไทยยอมรับโดยปริยายว่า พื้นที่ 4.6 ตร.กม. รอบตัวปราสาทเป็นเขตที่กัมพูชาสามารถเสนอให้องค์กร ต่างๆ เข้ามาจัดการพื้นที่ได้ แล้วพื้นที่ซึ่งกัมพูชาสามารถให้ชาติต่างๆ เข้ามาจัดการบริหารได้ ควรเป็นพื้นที่ของใคร ?
ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร หรือหลังการปักปันเขตแดนแล้วพื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นของใคร ผมถือว่าครั้งนี้ถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตยของไทยอย่างแยบยลของกัมพูชา ณ วันนี้ จึงก็ขอชื่นชมทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการทำให้เสียงจากประเทศไทยดังก้องจนยูเนสโกและกัมพูชาต้องหยุดทบทวนความถูกต้อง ถือว่าเป็นการป้องกันอธิปไตยของชาติเอาไว้ได้โดยไม่มีการใช้ความรุนแรงและไม่มีการสูญเสีย
จริงอยู่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงทำให้ชาวกัมพูชาคั่งแค้นชาวไทยอีกวาระ แต่ว่า ใครที่รู้ภาษากัมพูชา ก็ช่วยฝากบอกทีเถอะว่า รอให้ปักปันเขตแดนเสร็จแล้วกัมพูชาจะบริหารที่ดินของตัวเองยังไง ก็คงไม่มีคนไทยคนไหนไปยุงวุ่นวายหรอก แค่ทำมาหากินไปแต่ละวันก็ปวดหัวจะแย่
ยินดีครับ....................
โค้งคำนับนั่งอ่านช่วยสานฝัน
สาระดีมีจุดเด่นเป็นสำคัญ
ชอบสร้างสรรค์เสพหาวิชาการ
ขยันเขียนเวียนหามาบันทึก
เริ่องไม่นึกก็ได้เห็นเป็นแก่นสาร
เกิดความคิดติดปัญญาพาเชี่ยวชาญ
ประสบการณ์พบเห็นเป็นบทเรียน
ธนา นนทพุทธ
จักสานอักษรกลอนคิดเห็น
ได้คืบจะเอาศอก