บันทึกจากเมืองปาย


ปายที่ว่าสวย

          ที่เคยได้ยินว่า เมืองปาย เป็นเมืองที่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งปี ไม่เคยจะเชื่อหรอก พอเอาเข้าจริง เมื่อได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อว่า เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ที่เป็นเมืองในฝันของใครหลาย ๆ คน จะเป็นดังที่หลาย ๆ คนเคยกล่าวไว้จริง ๆ ทั้งบรรยากาศ มิตรภาพ รวมไปถึงรอยยิ้มที่สวยงาม

               เมืองปายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของจังหวัดแม่ฮ่องสอน คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว ขนาดผู้เขียนไปเยือนเมืองปายในช่วง เดือนพฤษภาคม แท้ ๆ ซึ่งเดือนพฤษภาคมน่าจะเป็นเดือนที่อยู่ในหน้าฝน แต่สำหรับปี 2553 นับครั้งได้เลยสำหรับฝนที่ตกลงมาในแถบภาคเหนือ อาจจะเป็นเพราะว่า เพิ่งย่างเข้าสู้ต้นฤดูก็ได้ฝนเลยมาน้อย ทำให้ช่วงเวลาที่เยือนเมืองปายได้บรรยากาศที่ดีอีกแบบหนึ่ง ถึงแม้กลางวันจะร้อนมากจนแทบจะไหม้กลางถนนได้ แต่พอตกกลางคืนละก็ เพียงแค่ออกมารับลมที่ระเบียงห้องพักของโรงแรม กลับชื่นใจ อากาศเย็นสบายต่างจากช่วงกลางวันยิ่งนัก แม้เพียงใช้เวลาสองวันกับอีกหนึ่งคืนที่นั่น ก็สามารถเก็บเอาความทรงจำดี ดี ต่าง ๆไว้ได้โดยมิลืมเลยทีเดียว

            กว่าจะเดินทางไปถึงสถานที่เป้าหมายก็เที่ยงวันพอดี ลูกทริป ลงความเห็นกันว่าต้องไปรองท้องมือกลางวันกันก่อน เลยตรงดิ่งไปที่ ขาหมูยูนนาน

ที่หมู่บ้านสันติชล ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวจีนที่อพยพถิ่นฐานมาอยู่ที่นี่ ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ทั้งภาษา การแต่งกายและอาหารจีนยูนนานที่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว การตกแต่งภายในร้านบ่งบอกถึงวัฒธรรมของหมู่บ้านได้ดีเลยทีเดียว สำหรับมื้อนี้ นอกจากขาหมูแล้ว ยังมีผัดเห็ดหูหนู

แล้วก็ผัดเต้าหู้สามรส(มั้งถ้าจำชื่อเมนูไม่ผิดนะ)

เพิ่งรู้ว่ารสชาติแบบชาวจีนที่เค้ารับประทานกันเป้นยังไง เข้าถึงคำว่าลิ้มรสได้เป็นอย่างดี หลังจากทานเสร็จ ก็เดินเที่ยวภายในหมู่บ้าน ซึ่งมีเกสท์เฮาส์ที่รองรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะพักที่ด้วย ตกแต่งให้เข้ากับวัฒธรรมจีนเป็นอย่างมาก ที่สำคัญหลังอาหารมื้อนี้หากไม่ได้ชาน้ำค้าง  

 

ขอบอกว่า รสชาติของขาหมูจะเลี่ยนติดคออยู่ไม่หาย เพิ่งได้เห็นวิธีการชงชาที่ทำให้ได้กลิ่นชา ทำให้หอมน่าดื่มยิ่งนัก  ได้ของฝากติดมือคือ กีวีเชื่อม นั่งทานไปในรถแก้เหงาปากไปได้พักหนึ่ง พอถ่ายรูปกับบรรยากาศที่นี่หนำใจกันแล้วก็ขับรถไปแวะสักการะพระที่ วัดน้ำฮู ป็นที่ประดิษฐานของพระอุ่นเมือง พระพุทธรูปสิงห์สามอายุประมาณ 500 ปี  พระพุทธรูปองค์นี้พระเศียรกลวง ส่วนบนเปิดปิดได้ และมีน้ำซึมออกมาอยู่เสมอ   โดยทางวัดได้นำมาผสมเป็นน้ำมนต์ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันได้อัญเชิญพระอุ่นเมืองไว้เป็นพระประธานในโบสถ์ ปกติหากไม่ใช่หน้าหนาวซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยว ทางวัดจะปิดประตูโบสถ์ นักท่องเที่ยวที่ต้องการนมัสการพระอุ่นเมือง จึงต้องขออนุญาตจากเจ้าอาวาสเพื่อเปิดโบสถ์เสียก่อน นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจดีย์อนุสรณ์สถานพระนางสุพรรณกลัยา พระเชษฐภคินีของสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช ในบริเวณวัดด้วยที่ประทับใจก็เป็นศาลากลางน้ำที่เลี้ยงปลานิลด้านหน้าวัดตกแต่งได้สวยงาม บางคนอาจจะบอกว่าธรรมดา แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว มันน่าดึงดูดเอามาก ๆ   และเราหาทางเข้าโรงแรมที่จองไว้ ขอบอกว่าถนนซอกซอย ซับซ้อนน่าดู แต่จริง ๆ แล้วมันก็ทะลุถึงกันหมด

พอถึงโรงแรมสิ่งแรกที่ทำคือ เปิดแอร์ให้ฉ่ำ อาบน้ำ ล้างไอร้อนออกจากตัว นอนพัก สบายที่สุด  เย็นจนไม่อยากจะไปไหนแต่ก็มาแล้วไม่อยากเสียโอกาส พอตื่นในช่วงเย็น ๆ (แต่แดดก็ไม่เย็น)) ก็ใช้บริการรถของโรงแรมให้มาส่งที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ คัน 100 -150 แล้วแต่เราจะเลือก ได้มอเตอร์ไซค์พาหนะที่จะนำพาเราท่องทะยานไปในเมืองปาย ก็มุ่งตรงไปที่ร้าน ปายหวาน เป็นร้านนมสีชมพู

ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยุ่ริมทางเส้นหลักเข้าเมืองปาย ที่ทราบมาว่าเจ้าของเป็นคนลำพูนด้วย ที่สำคัญเค้าสั่งซื้อโต๊ะเก้าอี้จากแหล่ง บ้านม้าลำพูน เพื่อนำมาประกอบเป็นร้านถึงเมืองปายเลยทีเดียว เก้าอี้ลายน่ารัก ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นมีที่พักให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย เสียดายที่เราจองโรงแรมไว้แล้ว ไม่งั้นคงไม่พลาดที่นี่แน่ ๆ ช่วงที่เราไปเยือนไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากมายเหมือกับช่วงหน้าหนาว ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยทีเดียวที่เราไม่ต้องรู้สึกว่าต้องแย่งอากาศหายใจกับใคร ถือว่าเป็นทริปที่สบาย ๆ โล่ง ๆ เราตระเวณถ่ายรูปกับบรรยากาศรอบๆ เมืองปาย และมื้อเย็น เราทานกันที่ข้างชายทุ่ง ร้านตายาย ตามที่จนท.โรงแรมแนะนำ เป็นร้านอาหารธรรมดา แต่ว่าเจ้าของสองคนตายายทำเองเสริฟเอง ถือว่ารสชาติใช้ได้เช่นกัน กว่าจะทานเสร็จพลบค่ำพอดีประจวบเหมาะกับเวลาที่ถนนคนเดินกำลังเริ่มขึ้น ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวมากนัก พ่อค้าแม่ค้าเลยดูไม่คึกคักเท่าไหร่ แต่ที่น่าประทับใจอีกอย่างคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่มาร้องเพลงโฟล์คซองช่วยหารายได้ให้กับเด็กด้อยโอกาส ทั้ง ๆที่ยังอยู่ในชุดเครื่องแบบ น้ำใจแท้ๆ เดินดูของไปมาไม่มีอะไรติดมือ เพียงแค่ได้ไปเห็นบรรยากาศให้สมใจอยาก กลับโรงแรมอาบน้ำ แต่เวลายังดูไม่ดึกเท่าไหร่ ก็เลยใช้พาหนะที่เช่ามาตระเวณกินบรรยากศยามดึกในเมืองปายอีกครั้ง ช่างเงียบสงบ เสียงหริ่งเรไร ได้ยินชัดเจน อากาศเย็นเอาการ สามารถสูดอากาศเข้าได้เต็มปอดเลยทีเดียว

               จริง ๆ แล้วตอนเช้าเรานัดกันไว้ว่าจะออกไปใส่บาตร แต่ไหงไม่มีใครเรียกกันเลยซะงั้น หลับกันอุตุทุกคน ทานอาหารเช้าแบบอะลาคาร์ทที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ หรือจะเป็นข้างต้มร้อน ๆ ก็มี ผู้เขียนสั่งไข่ดาวสองแถมข้าวต้มอีกหนึ่งถ้วยเต็ม ๆ พออิ่มก็ง่วงอีก..แต่ไม่ได้ ต้องออกไปเก็บบรยากาศต่อ ตรงไปกันที่ วัดพระธาตุแม่เย็น อยู่บนดอยที่สามารถมองเห็นวิวของเมืองปายได้อย่างทั่วถึง นั่งอยู่ที่นั่นปล่อยอารมณ์ไปเรื่อย ๆ ทำให้ไม่อยากกลับ แต่ก็ต้องรีบกลับโรงแรมก่อนเพื่อน เพราะผู้เขียนดันปวดท้องซะได้..กลับมาที่โณงแรมก็เลยแอบงีบสีกพัก ก็ได้เวลากลับบ้านแล้ว คืนรถเช่า เช็คเอาท์ สิบเอ็ดโมง เด็ดสุดคือ เราไปแวะทานกลางวันที่ ร้านเบญจรงค์ ที่ขึ้นชื่ออีกแห่ง เดินเข้าร้านก็เจอป้ายที่อ่านแล้วสะดุดตา คือ ร้านนี้ไม่บริการให้กับลูกค้าที่ใจร้อน เอเพราะอะไรหว่าสงสัยว่าต้องทำอาหารช้าแน่ ๆ เลย คงเป็นอย่างนั้นจริง ๆ โชคดีที่เราไปทานช่วงที่ไม่มีแขกไม่งั้นโมโหหิวกันตายแน่ๆ เลย เมนูที่เราทานกัน เด็ด ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น กระดูกอ่อนผัดระเบิด กุ้งผัดซอสมะขาม ยำหัวปลี แกงส้มชะอมกุ้ง และหมี่กรอบเบญจรงค์ ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งนำหูน้ำตา เพราะรสเผ็ดจากผัดระเบิดนั่นเอง ร้านนี้เสริฟข้าวกล้องนะค่ะ เพื่อสุขภาพจริง ๆ อิ่มแปร้กันเลยทีเดียว ขากลับแวะถ่ายรูปที่ คอฟฟี่อินเลิฟ กันเต็มที่  แต่แดดแรงเลยทีเดียว หลังจากนั้นนั่งรถยาวถึงเชียงใหม่เลยทีเดียว ทริปนี้ไม่เหนื่อยเท่าไหร่นัก((เพราะมีคนขับรถให้มั้ง))อิอิ  จบไปหนึ่งทริป พบกับทริปหน้านะค่ะ

เพิ่มเติมอีกนิดนะค่ะ..ลืมเอ่ยถึงร้านไอติมที่ตกแต่งร้านได้สุดเก๋ ชื่อว่า FRIT FACTORY ผู้เขียนชอบไอเดียร้านนี้เอามาก ยังเก็บเอาแบบมาเพื่อจะปรับปรุงบ้านให้เป็นอย่างที่ร้านด้วย

หมายเลขบันทึก: 379543เขียนเมื่อ 29 กรกฎาคม 2010 16:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีครับ   เล่าได้ดีมากครับ เห็นภาพพจน์ชัดเจน

คงจะน่าสนุกน่ะค่ะ..................อยากไปเที่ยวด้วยจังเลยค่ะ

ปายหน้าฝน ... คงอากาศดีนะครับ ;)

บรรยายซะเห็นภาพเลยครับ น่าเอารูปลงดูด้วยนะครับจะได้เห็นบรรยากาศจริงๆ

ผมเคยไปมาแล้ว.........สวยมากครับอยากไปอีกจัง.........

ที่ไม่ได้ลงรูป เพราะรูปช่างมากมายเหลือเกิน จนเลือกไม่ไหว

นี่ขนาดใส่รายละเอียดยังไม่หมด คราวหน้า...ทริปใหม่จะแจ้งแถลงไขถึงรสชาติให้ทราบกันนะค่

ขอบคุณทุกคนมากนะค่ะที่เข้ามาติดตาม

อัพรูปให้ดูกันบ้างแล้วนะค่ะบางส่วน...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท