ค่ำคืนนี้ดูเหมือนว่าจะวังเวงผิดปกติ แม้แต่จางฟงเองยังรู้สึกหวาดๆ ... หลายวันที่ผ่านมา มันเหน็ดเหนื่อยจากภาระกิจคุ้มกันสินค้ารายนี้ ถ้าไม่ติดว่าคนว่าจ้างต้องการให้มันคุ้มกันด้วยตัวเอง มันคงนอนหลับสบายอยู่ในเตียงอุ่นๆ พร้อมกับสตรีสองสามนาง ฤดูหนาวปีนี้มาเร็วกว่าที่คาดไว้ หิมะโปรยปรายตลายรายทางที่มันผ่านมา มันร้องสั่งให้ลิ่วล้อรีบเดินทางเพราะไม่ต้องการเผชิญกับความหนาวเหน็บตลอดทั้งคืน มันคาดว่าอีกสองชั่วยามจะถึงหมู่บ้านชิวเหลียง จะได้หาที่พักให้กับตัวเองและลูกน้องอีกยี่สิบกว่าชีวิต
ม้าสีน้ำตาลเข้มของจางฟง เร่งฝีเท้าขึ้นตามจังหวะที่มันได้รับคำสั่งจากนาย แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักกระทันหัน บรรดาพี่น้อง และลิ่วล้อของมันต่างรีบรั้งม้าให้หยุดตามไปด้วย จางฟงมองไปยังชายหนุ่มชุดสีเทาที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ มันรู้สึกถึงลางไม่ดีอย่างรุนแรง
"น้องชาย... ไม่ทราบว่าท่านจะช่วยหลีกทางให้เราได้่หรือไม่"
"โสม..." ชายหนุ่มชุดเทา พูดพลางยื่นมือรอรับ
"..." จางฟง พลันสีหน้าแปรเปลี่ยน เนื่องเพราะมีแต่มันเท่านั้นที่รู้ว่า ในรายการสินค้ารอบนี้มีหัวโสมจักพรรดิ์ที่มีราคาหลายแสนตำลึงทอง บรรดาพี่น้องมันและลิ่วล้อไม่มีใครล่วงรู้เรื่องโสมเลย หนำซ้ำมันยังเก็บโสมไว้ที่ตัวมันเองตลอดเวลา
"น้องชายล้อเล่นแล้ว เรามีแต่ผ้าไหม และหนังสัตว์ ซึ่งคงไม่สามารถมอบให้ใครได้ เพราะสำนักคุ้มภัยฮวงน้ำ ไม่เคยทำให้ผู้ว่าจ้างผิดหวังมาก่อน" จางฟง จงใจกล่าววาจาให้ชายหนุ่มชุดเทารู้ว่า คิดแย่งชิงสิ่งใดจากมันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
"โสม" อาคันตุกะ ยังคงย้ำคำเดิม มันพูดพลางขยับกระบี่เล่มเขื่องกระชับในมือ
"สั่งสอนมัน" สิ้นเสียงคำสั่ง ลิ่วล้อของจางฟง กรูกันมารายล้อมชายหนุ่มชุดเทาไว้ หิมะยังคงโปรยปรายถี่มากขึ้น บรรดาลิ่วล้อรีบลงมือด้วยเชื่อมั่นว่าคนมากย่อมกำชัยชนะได้แน่นอน ไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็นว่ากระบี่เล่มเขื่องนั้นถูกชักออกอย่างไร กระบี่แรกแทงเข้าที่คอหอยของลิ่วล้อคนหนึ่ง กระบี่ที่สองวกเข้าหาชายโครงและแทงทะลุจากด้านล่างย้อนขึ้นไปที่หัวใจ ชายหนุ่มพลันรั้งกระบี่ที่สามไว้ พลิ้วตัวตีลังกาเข้าหาจางฟงอย่างรวดเร็ว
"นายท่านระวัง " บรรดาลิ่วล้อต่างร้องเตือนจางฟง ด้วยความตะหนก เพราะพวกมันไม่เคยพบกระบี่ที่พิสดาร และรวดเร็วเช่นนี้มาก่อน
จางฟง พลันขยับดาบไวของมัน ยี่สิบกว่าปีที่มันผาดโผนในยุทธจักร ดาบไวเล่มนี้ของมันไม่เคยทำให้มันผิดหวังมาก่อน ดาบไวจางฟงไม่เสียที ที่เป็นมือเก่าดาบไวก็ไวสมชื่อ ขยับหนึ่งครา ดาบมันก็พลันจี้ใส่จุดตายที่หว่างคิ้วของชายหนุ่ม ใครจะคาดคิดว่าชายหนุ่มชุดเทามิเพียงหลบพ้น หากแต่ยังสะบัดกระบี่เล่มเขื่องจี้ใส่คอหอยของจางฟง จางฟงใจหายวาบมันไม่เพียงมองไม่ออกว่านี่เป็นกระบวนท่าของสำนักใด แม้กระทั่งเวลาคิดแก้ไขกระบวนท่านี้ก็ยังไม่ทันกับปลายกระบี่ที่จี้เข้ามาใกล้คอหอย
ปลายกระบี่เล่มเขื่องพลันหยุด ชายหนุ่มตวัดกระบี่กลับเข้าฝัก ก่อนกล่าวกับจางฟง
"คืนพรุ่งนี้ต้องมีโสม"
ขณะที่ลิ่วล้อพุ่งเข้าใสชายหนุ่มพลันโยนก้อนอสุนีบาตรใส่พวกมัน เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมควันดำ เมื่อควันจากลง ชายหนุ่มก็จากไปแล้ว มีเพียงเสียงที่แฝงพลังลมปราน ดังขึ้น
"ถ้าไม่มี... ฆ่าให้หมดสิ้น"
...........
ไว้ต่อกันคราวหน้านะครับ
มีความสุขมากมายครับ
vrt
แวะมาตั้งใจอ่าน อ่านจนต้องหาโสมมากินล่ะ
vrt สำนวนใช้ได้ คงอ่านกำลังภายในสำนวน น.นพรัตน์หรือไม่ก็ ว.ณ เมืองลุง มาพอสมควร เอาดีได้ครับ เพราะหนุ่มจากมาเลเซีย"อุยเลี้ยงเง็ก" ก็เขียนได้จนโด่งดังไปทั่วแล้ว ของไทยเราเอง อ่านแล้ว น่าจะไปได้ไกลเหมือนกันครับ เอาใจช่วยนะครับ
สวัสดีค่ะ
ตามครูหยุยมาอ่าน
เอาใจช่วยเช่นกันค่ะ
...ฆ่า..ความสุข.เหยอ..ใน.เสียงเพลง..ระวัง..หันหลังกลับ..ความทุกข์..ลุกล้ำ..ตวัดปลายกระบี่..เหินตัวลิ่วๆสู่ยอดไผ่..ที่ต้านลม..อ้ะ...(เพลงกระบี่..อั้งยี่..เยาวราช..อิอิ..ยายธี..)