เที่ยววัดบนเกาะรัตนโกสินทร์


อีกกับการใช้เวลาว่าง 1 วันกับมรดกของชาติบนเกาะรัตนโกสินทร์

พูดได้เลยว่า มีเหตุทำให้ได้ไปไหว้พระแก้วมรกตปีละครั้ง และไปทีไรก็ไม่เบื่อ เคยบันทึกไว้ในฉบับเก่าๆ

จากบันทึกฉบับเดิมเล่าว่า พาคุณหลานปาปามาเตรียมตัวเรียน ระหว่างที่เค้าจัดการตัวเอง ป้าๆ อย่างเราก็บริหารเวลาด้วยการท่องเที่ยว...ที่ไหนดีหล่ะ

 

 

จริงๆ มีหลายที่นะ แต่วันนี้ ลุงอ้อน กูรูที่รู้เรื่องราวของวัดพระแก้วดีมาด้วย ก็ไปไหว้พระแก้วมรกตก็แล้วกัน

 

  • ดอกบัวในวัดพระแก้ว

งานนี้เราเริ่มแต่เช้า ด้วยการไปไหว้หลักเมืองกันก่อน แล้วจึงเดินไปวัดพระแก้ว...แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หาอะไรๆ กินก่อน...แถวนั้นมีที่กินเยอะมาก...เราก็ได้ก๋วยเตี๋ยวแคะ ในบรรยากาศโต๊ะไม้แบบเก่าๆ... ทำให้ต้องสั่งข้าวกะหรี่เนื้อเพิ่ม...ริมถนนหน้าพระลาน กับท่าช้าง มีของกินที่น่ากินเยอะแยะเลย...ทำท้องให้ว่างก้อแล้วกัน

2 ชม.กว่าๆ ที่เราใช้เวลากับวัดพระแก้ว เป็นครั้งแรกของหลานหนุ่มที่ไหว้พระแก้วมรกต เรารู้สึกดีที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสำนึกความภาคภูมิใจในมรดกไทยให้กับลูกหลาน

 

  • พระบรมมหาราชวัง

ขนาดเตรียมการมาดี เรายังเดินจนขาฉิ่ง...จะไปวัดโพธิ์กันต่อ...ขออนุญาตเรียกแท๊กซี่นะ...เดินไม่ไหว...ลุงอ้อนรีบอนุญาต เพราะตัวเองก็ดมยาแล้ว...สังขารหรอสังขาร

 

แดดเริ่มแรง หลังจากกราบพระนอนองค์ใหญ่แล้ว เราจึงใช้การนั่งมองเครื่องเคลือบดินเผาที่ประดับที่องค์เจดีย์ต่างๆ ส่วนการเดินชมยกให้ลุงกับหลานเค้าไป

ที่ท่าเตียน เสียงแว่วจากท่าเรือ ว่า ไปวัดอรุณ 2 บาท คำนวณแล้ว ไป-กลับ 3 คนเป็น 6 บาท คุ้มๆ  ลงเรือที่ท่าเตียนข้ามไปวัดอรุณ หรือวัดแจ้งดีกว่า วัดนี้เคยมาเมื่อ 20 ปีก่อน แล้วขึ้นไปบนพระปรางค์รู้สึกขาสั่น งานนี้นอกจากแก่แล้วโรคกลัวความสูงทำให้ป้าตุ่น ขอนั่งรอที่ศาลาริมน้ำดีกว่า แต่ไม่คิดว่าลุงอ้อนจะเอาอย่าง แอบพักเหมือนกัน...อิอิ

 

เห็นรถขายผลไม้ผ่านมา อยากกินจังอ่ะ ถามใครก็ไม่มีใครอยากกิน...เพราะจะให้ลุงหรือหลานเป็นคนซื้อ รับมุขนู๋ตุ่นไม่ทันเหรอ...แบบว่ามีเงินแบ๊งค์พันอ่ะนะ กลัวเค้าไม่มีเงินทอน

 

โอ๊ย...หิวๆ พลังงานหมด แวะหาของกินที่ราชนาวีสโมสร...(แผนที่ที่ Scan เก็บนี่ ก็มาจากกระดาษรองจานของราชนาวีสโมสร) ระหว่างทางริมถนนมหาราชมีของให้ช้อปเยอะแยะ...อันนี้แหละถูกใจป้าตุ่น...เดินเยอะๆ ไม่เห็นขาฉิ่งเลย

และแล้วเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็มา คุณหลานปาปาแจ้งมาตามสายว่า ...ปาเสร็จแล้วจ้า...เราไปอัมพวากันเถอะเดี๋ยวจะค่ำ...ว่าแล้วก็จบทริป BKK ไว้ก่อน

สำหรับอัมพวาแรงจูงใจคือ อาหารทะเลโดยเฉพาะเมนูปลาทูที่ดอนหอยหลอดเป็นสิ่งดึงดูดเราไป  ยังไม่ได้จองที่พักด้วย แถมยังต้องการพื้นที่สำหรับเก็บ "คิตตี้" อีกด้วย จึงต้องหาบ้านที่มีระเบียง สรุปก็นอนที่เดิม เรือนเม่ลำพู...มีทั้งระเบียงหน้าบ้านและหลังบ้าน สามารถให้เจ้าคิตตี้นอนเล่นได้...ไม่งั้นคิตตี้คงไม่ได้มาเที่ยวอั้มพวาแน่นอน

อัมพวาก็เป็นทริปเดิมๆ กินข้าวเย็นที่เรือนแม่ลำพู คราวก่อนเรานั่งเรือ คราวนี้ไปน้อย ขับรถไปช้อปดีกว่า ซึ่งอัมพวาวันนี้คนยังเยอะเหมือนเดิม อาจจะเป็นทริปซ้ำทำให้เบื่อกับการหาที่จอดรถ...แต่อย่างน้อยเสื้ออัมพวาที่ออกลายใหม่ๆ ก็ทำให้หายเบื่อไปได้ (คนขายบอกขอร้องนะครับ...อย่างก็อบ..อ้าวงัยว่างั้น)

เช้าวันรุ่งขึ้นเราจึงหา location ใหม่ๆ ที่คราวก่อนไม่ได้ไป คือ โบสถ์พระแม่...แต่วันนี้จะเข้าชมโบสถ์ได้ต้องหลังจาก 11.00 น. เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ที่ต้องใช้โบสถ์ในการทำพิธี...จึงได้ชมแต่ภายนอกเท่านั้น...น่าเสียดายเน๊อะ

 

 

คำถามถอดบทเรียน...อิอิ

พระปรางค์ กับเจดีย์ ต่างกันตรงไหนฮึ

 

 

หมายเลขบันทึก: 375939เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2010 21:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

การเดินทางทำให้เห็นการเติบโตของชีวิต..และบ้านเมือง
และการเดินทาง ทำให้เรารักบ้านเมืองของเรา...

ผมรู้สึกเช่นนั้นเสมอ...

ขอบคุณครับ

 

วัดพระแก้ว วิจิตร งดงาม นิรันดร์นะคะพี่ ... เมืองไทย ใครๆ ก็รัก การเดินทางสู่โลกกว้าง ยิ่งทำให้หลงรักบ้านเรา ขอบคุณค่ะพี่

  • เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณแผ่นดินและคุณ POO นะคะ
  • "รักเมืองไทย ชูชาติไทยค่ะ"

Pagoda คือ พระปรางค์ ส่วน Stupa คือ สถูปหรือเจดีย์นั่นเอง อิอิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท