พระเจ้า ๕ พระองค์
“นะ โม พุท ธา ยะ สิทธัง” สมัยก่อนเด็กวัดทุกคนจะต้องได้ท่อง และหัดเขียนคาถานี้ให้ได้ ก่อนที่จะเรียนอักขระตัวเมือง( ตัวอักษรลานนา ในภาษาถิ่นเรียกว่า “ตั๋วเมือง” ) ครูบาจะอธิบายให้ฟังว่า คาถา ๕ คำนี้ เรียกว่า พระเจ้า ๕ พระองค์ เป็นคำไหว้ครู ห้ามเด็กวัดเอาแผ่นกระดานที่ให้วางไว้กับพื้นที่นั่ง เมื่อเรียนเสร็จแล้วต้องวางไว้บูชาบน หัวนอน หากใครไม่ทำตามจะถูกทำโทษโดยการกราบแผ่นกระดาน ๑๐๘ ครั้ง หากประมาททำให้แตกหักเสียหาย ต้องชดใช้เป็น 2 เท่า
เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวต่าง ๆ ก็เริ่มจะเลือนหายไปเพราะเราไม่ได้เรียนแบบเดิมอีกต่อไป จนกระทั่งไม่นานมานี้ผมไปเที่ยวที่อำเภอแม่แตง ได้ยิน ครูบาเทือง นาถสีโล วัดบ้านเด่น ใช้คำว่า “นะโมพุทธายะ” มาเป็นคำนำในการให้พร พร้อมกับอธิบายถึงความหมายของคำต่าง ๆ ให้พวกเราฟัง ผมจึงกลับมาหาอ่านเพิ่มเติมจากที่ท่านเล่า ทำให้ทราบว่าคาถาดังกล่าวมีความหมายเป็นหลายนัยยะ ค่อย ๆ ติดตามนะครับ
นัยยะที่ ๑ เป็นเรื่องพระเจ้า ๕ พระองค์ หรือพระพุทธเจ้าที่เสด็จอุบัติขึ้นในภัทกัปป์นี้ ๕ พระองค์ คือ กัสสปะ กกุสันโธ วิปัสสี โคตมะ(องค์ปัจจุบัน) และอริยะเมตไตย์(จะเสด็จมาในอนาคต)
มีเรื่องเล่าว่า อดีตกาลนานมามีพญากาเผือกตัวหนึ่งมีทำรังอยู่บนต้นมะเดื่อ ริมฝั่งน้ำคงคามีไข่ออกมา 5 ฟอง อยู่มาวันหนึ่งขณะที่แม่กาเผือกออกไปหากิน ปรากฏว่าเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง พัดเอาต้นมะเดื่อโค่นลง รังของนางตกลงสู่แม่น้ำ ไข่ทั้ง 5 ฟองถูกกระแสน้ำพัดลอยไปอย่างไร้จุดหมาย
นางกาเผือกกลับจากหาอาหาร เห็นรังนอนของตนอยู่ในสภาพดังกล่าว ก็เสียใจรีบบินเสาะหาไข่น้อยทั้ง ๕ ของตน ที่ใดที่นางคิดว่าไข่ของตนจักไปติดอยู่ก็บินไปผลก็คือไม่พบ เวลาผ่านไปหลายวันนางยังคงเที่ยวบินหาอยู่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อาหารก็ไม่ยอมกิน จนในที่สุดนางก็ขาดใจตายไป และด้วยอานิสงส์จากความรักลูกในไข่ทั้ง ๕ ใบซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดจึงทำให้นางได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นพรหมสุทธาวาส นามว่า ฆติกามหาพรหม มีอายุ 16,000 กัปป์ [1]
กล่าวถึงไข่ทั้ง 5 ฟอง ไข่ใบที่ 1 พญาไก่ขาว(กกุสันโธ)เก็บไปเลี้ยงไว้ ไข่ใบที่ 2 ไหลไปตามน้ำ ไปติดอยู่ที่เกาะทราย ได้มีนางพญาวัว(โกนาคมนโคโณ)เอาไปเลี้ยง ใบที่ 3 ไหลไปอยู่ที่เกาะทราย แม่เต่าตัวหนึ่งมาพบเข้าจึงเก็บเอาไปเลี้ยงไว้ ใบที่ 4 พญานาค(งู)เก็บเอาไปเลี้ยง ส่วน ใบ ที่ 5 พญาราชสีห์เป็นผู้นำไปดูแล (ในธรรมเทศนาพื้นเมืองเหนือบอกว่าเป็นแม่จ่าง(หมอตำแย)เป็นผู้เก็บไปดูแล) ต่อมาไม่นานไข่ทั้งหมดก็ฟักออกมาเป็นเด็กผู้ชายในวันและเวลาเดียวกัน
ด้วยเดชแห่งบุญเก่าในอดีตชาติ เด็กทั้ง 5 คน เมื่ออายุได้ 12 ขวบ ต่างมีใจปรารถนาจะบวชเป็นฤาษี จึงเข้าไปเล่าความประสงค์ให้แม่เลี้ยงของตนฟัง ซึ่งแม่เลี้ยงทั้ง 5 ต่างมีจิตอนุโมทนายินดีในเจตนาของลูก ๆ และขอฝากลูกทุกคนว่า เมื่อได้สำเร็จโพธิญาณ ขอฝากชื่อวงค์ตระกูลของแม่ด้วย อย่าให้เสื่อมสูญ ลูกทุกคนต่างรับปาก และเข้าไปสู่ป่าเพื่อปฏิบัติธรรม ด้วยความผูกพันธ์ในสายเลือดจึงทำให้ฤาษีทั้งห้าองค์เดินทางเข้าไปสู่ป่าแห่งเดียวกัน วันหนึ่งเมื่อมาพบกันต่างก็เล่าเรื่องราวของตนสู่กันฟังจึงได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน จึงปรารถนาจะทราบว่าแม่ของตนคือใครกันแน่ จึงบำเพ็ญฌานอธิษฐานจิตจนฆติการพรหมรับทราบวาระจิตนั้นจึงลงมาพบ ฤาษีทั้ง 5 เพื่อตอบข้อสงสัย และนี่คือจุดเริ่มต้นที่มาของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ หรือ พระเจ้า 5 พระองค์
[1] หลวงพ่อพระครูสุวัตถิ์ปัญญาโสภิต(ครูบาปัญญาวชิระ) บอกว่า ฆติการะพรหมนี้เองคือ ผู้ที่ทำหน้าที่นำบาตร ผ้าไตรมาถวายพระโพธิสัตว์เมื่อครั้งออกบวช และเป็นที่มาของการรักษาบาตรพระพุทธเจ้าในอดีต และพระพุทธองค์นำบาตรทั้งสี่ใบที่พรหมนำมาถวาย เพื่อให้ดูว่า นี่คือของพระกกุสันโธ ของพระโกนาคมโน พระกัสสโป และของพระโคตมะ พระองค์จึงนำบาตรทั้งสี่มาผสานรวนเป็นใบเดียว และใช้เป็บริขารของพระองค์มาโดยตลอด หากจะแบ่งกันคิดก็ขอถามละครับว่า การผสานบาตรก็ดี การที่พระพรหมนำบาตรมาถวายน่าจะสื่อให้มองเห็นอะไร ทราบแล้วบอกกันบ้างนะครับ
นมัสการ พระคุณเจ้า ครับ
คาถา ๕ คำนี้ เรียกว่า พระเจ้า ๕ พระองค์
“นะโมพุทธายะ”
กราบนมัสการ ด้วยความเคารพ ครับ
เจริญพร คุณแสงแห่งความดี อย่าลืมนำไปใช้ภาวนาเป็นพุทธานสติเน้อ