Human Talk FM.96.5 MHz.(UPDATE)


ถึงลูกศิษย์และ ชาว Blog ทุกท่าน

ขอให้ท่านผู้อ่านติดตามวิทยุ FM. 96.5 MHz. กับพิธีกรหญิง คนล่าสุด คือ คุณณัฐปภัสร์ พงษ์ประดิษฐ์  (เขม) ซึ่งจากการทำงานที่ผ่านมา

  • จะเน้น ประโยชน์ต่อผู้ฟัง
  • จะเน้นการต่อยอดมากกว่าการทำเป็นครั้งๆ
  • จะเน้น Theme ใหม่ๆ เสมอ

 

รายการ Human Talk  FM. 96.5 MHz. ทุกวันอาทิตย์ เวลา 6.00 - 7.00 น.

ติดตาม รับฟังรายการย้อนหลังได้ที่นี่

http://radio.mcot.net/fm965/programView.php?cliptype=158

 

                                              จีระ หงส์ลดารมภ์

 

หมายเลขบันทึก: 372147เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2010 10:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 15:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ณัฐปภัสภ์ พงษ์ประดิษฐ์

ถึง ชาว blog ทุกท่าน

ทิศทางการพลิกฟื้นประเทศจากคนทั้งสังคม

หลายคนในสังคมไทยกำลังช่วยกันหาทางออกให้กับบ้านเมือง หลังบ้านเมืองเกิด ความแตกแยกทางความคิดมีทั้งกลุ่มที่ไม่ยอมรับทักษิณและกลุ่มที่ต้องการทักษิณ และต้องยอมรับว่าปัญหาเชิงระบบโครงสร้างของสังคมไทย เป็นตัวกระตุ้นซ้ำเติมวิกฤตการเมืองในช่วง4-5ปีที่ผ่านมา วิกฤตการเมืองที่ผ่านมานั้นก็ทำให้สังคมไทยตื่นตัวกับกระแสการปฎิรูปแก้ไขปัญหาสำคัญๆขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมในสังคม ที่น่าสนใจก็คือเมื่อวันอาทิตย์

3ก.ค.ที่ผ่านมาในรายการ HUMAN TALK กับศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ในช่วง6.00-700 น.

ดิฉันอยากเล่าให้ชาว blog ได้ทราบถึงวิธีคิดและมุมมองของศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์และดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ที่คนในสังคมและรัฐบาลได้สะดุดและหยุดคิดถึงความจริงได้บ้างนำไปต่อยอดคิดอย่างสร้างสรรค์รับฟังและนำไปปฏิบัติก็จะเกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองอย่างเช่นอจ.จีระพูดถึงว่ารัฐบาลต้องมีแนวร่วมในทุกๆกลุ่มโดยเฉพาะรากหญ้าและเยาวชนมารวมอย่างเต็มที่ อจ.จีระเชื่อว่าบทเรียนความรุนแรงที่มีมา 2 ครั้ง จะสอนให้คนไทยหันมาใช้การแก้หรือปฏิรูปแบบประนีประนอมและสร้างความสงบให้ได้ กลุ่มไหน ยังใช้ความรุนแรง ขอให้สังคมเป็นผู้สร้างแรงต่อต้านและขอให้สังคมไทยมีภูมิคุ้มกัน

ดิฉันเห็นด้วยกับอจ.จีระต้องถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันอจ.จีระพูดถึงคุณนพดล ปัทมะ ที่ได้ไปคุยกับวุฒิสมาชิกพรรคคองเกรส ในสหรัฐ ให้นักการเมืองของสหรัฐ มองบทบาทของรัฐบาล คุณอภิสิทธิ์ในทางลบ อาจจะถึงสหรัฐฯเข้ามาแทรกแซงในที่สุด อจ.จีระขอให้คนไทยที่อ่านข่าวนี้ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งว่าเป็นข่าวจริงหรือปล่อยข่าว? ข้อแรก ก็คือ เราจะไว้ใจ หรือเชื่อถือคุณนพดล ได้มากน้อยแค่ไหน คุณนพดล เป็นบุคคลที่มีปัญญาและมีความรู้ดี แต่ที่อจ.จีระไม่ค่อยจะแน่ใจก็คือ ใช้ปัญญาเพื่ออะไร เพราะทุกๆอย่างที่พูดหรือแสดงออกนั้นเป็นเรื่องที่พอจะรู้กันว่าทำไปเพื่อใคร? และข่าวที่ออกมาก็มาจากผลของการจ้างล็อบบี้ยิสต์ ซึ่งในอเมริกาถือว่าเป็นวิธีการที่ถูกกฎหมาย ถึงแม้ว่าล็อบบี้ยิสต์ จะทำงานได้ระดับหนึ่ง แต่ความถูกต้องและความชอบธรรมต้องมาก่อน เปลี่ยนจากผิดมาเป็นถูกไม่ได้ แต่ขอให้มีการพิจารณาเสนอแนะได้

ล่าสุดสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐก็ตบหน้า นายนพดล เมื่อมีมติด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 411 ต่อ 4 เสียงสนับสนุนแผนปรองดอง 5 ข้อของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของไทย) อจ.จีระท่านมีแนวคิดว่าทางรัฐบาลไทยและโดยเฉพาะท่านนายกฯกรุณาอย่าประมาท อย่าตั้งรับ ต้องวางแผนที่จะโต้ตอบในนามรัฐบาลไทยรัฐบาลก็ต้องรวดเร็วในการใช้ระบบเกลือจิ้มเกลือ ถ้าคุณทักษิณมีเงินจ้างล็อบบี้ยิสต์ รัฐบาลไทยก็ต้องจ้างได้และทำให้เร็วกว่า

ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอุปสรรคของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ คือยังบริหารงานแบบราชการและตั้งรับมากเกินไป บางเรื่องท่านนายกก็ต้องมีผู้แทนหรือทีมเคลื่อนที่เร็ว ที่ท่านไว้ใจทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจวันนั้นอจ.จีระ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองกับอจ.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ในเรื่องการปฏิรูปและการปรองดองเป็นคนละเรื่องกัน ขณะที่ล่าสุด ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลัก การร่างระเบียบว่าด้วยการปฏิรูป ตามแผนปรองดองเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้น 2 ชุด ชุดหนึ่งคือคณะกรรมการ ยุทธศาสตร์การปฏิรูป มี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน อีกชุดคือคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ที่มี น.พ.ประเวศ วะสี เป็นประธานเดิน หน้าขับเคลื่อนประเทศโดยการปฏิรูป และลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น ขณะ เดียวกันรัฐบาลได้เทงบประมาณให้ถึงปีละ 200 ล้านบาท ดำเนินการ 3 ปี รวม 600 ล้านบาท ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากบุคคลในแวดวงการเมือง นักวิชาการถึงแนวทางการทำงานที่กว้างเกินไปและการทุ่มงบฯให้มากถึง 600 ล้านบาท รวมถึงความไม่มั่นใจว่าแนวทางปรองดองจะสำเร็จหรือไม่

อจ.สมชายบอกว่าในขั้นแรกคณะกรรม การได้เสนอแนว ทางในการแก้ปัญหา แต่การเสนอขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะทำได้อย่างไรและจะทำได้ขนาดไหนปัญหา ความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ฝังรากลึกมานาน ต้องใช้เวลานานในการแก้ไขปัญหา เบื้องต้นคิดว่ามีปัจจัยสำคัญคือ

1.คณะกรรมการทั้งสองชุดจะต้องเสนอ แนวทางปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลจะทำได้หรือไม่ ต้องดูในอนาคตเพราะบางเรื่องเกี่ยวข้องกับงบประมาณ

2.ระบบโครงสร้างของสังคมไทย /ปัญหาการเมืองอาจกระทบผลประโยชน์ของนักการเมืองได้ เช่น การเก็บภาษีที่ดินทำกิน การเก็บภาษีมรดก (ดิฉันตั้งถามกลับไปที่รัฐบาลว่า หากเป็นเช่นนี้รัฐบาลจะอยู่ในวิสัยที่กล้าทำหรือไม่ หากผลประโยชน์อันนั้นไปกระทบกับนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล)

3.หากมีการปฏิรูปก็ต้อง มีหน่วยงานทางราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง คือกระทรวง ทบวง กรมแล้วระบบราชการของไทย ก็ทราบกันอยู่ว่าจะต้องพบกับอุปสรรคอะไรบ้างยาก คณะกรรมการทั้งสองชุดจะต้องเสนอ แนวทางปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลจะทำได้หรือไม่ ต้องดูในอนาคตเพราะบางเรื่องเกี่ยวข้องกับงบประมาณ

อจ.สมชาคิดว่าสิ่งที่พอทำ ได้คือแค่เสนอแนวทางเป็นข้อสรุปว่าทำได้แค่ไหน เพราะดูแล้วมีขอบเขตที่จำกัด ต้องปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมด

อจ.จีระ เคยแสดงความยินดีกับนายกฯอภิสิทธิ์ในการริเริ่มการปรองดองของชาติ ว่าถึงแม้จะมีกระแสค้านบ้างก็ให้กำลังใจกัน เพราะอจ.จีระยังมั่นใจในความหวังดีต่อประเทศชาติและความโปร่งใสของนายกฯคนนี้ แต่ที่ยังไม่มั่นใจก็คือ ประสบการณ์ วิธีการ อาจมองอะไรที่แคบไปหน่อย แต่อจ.จีระเชื่อว่ารัฐบาลคงเปิดใจกว้างรับฟังทุกฝ่าย และที่สำคัญที่สุดคือกรรมการปฏิรูปประเทศไทยต้องมีคนที่ทำงานให้เกิดผล เอาชนะอุปสรรค ไม่ใช่ฝันไปเรื่อยๆ ว่าฉันมีความรู้สึกดี มีปัญญา ฉลาด ฉันรักชาติ สำเร็จแน่ๆ แต่จะต้องเอาชนะความเจ็บปวด เอาชนะอุปสรรคให้ได้ อจ.จีระ ให้เน้น

Reality ความจริง

Relevance เลือกประเด็นที่ปฏิบัติได้ก่อน

ขอให้มีคนประเภท ทำ มากกว่า พูด มากหน่อย และยกย่อง ให้เกียรติคนที่ทำเป็นด้วย ไม่ใช่คิดเป็น ฝันเป็นเท่านั้น แต่ปฏิบัติไม่สำเ

ดิฉันคิดว่า แนวทางขับเคลื่อนการปรองดองและปฏิรูประบบต่างๆ ของประเทศที่จะให้เป็นรูปธรรมจริงๆ นั้นจะเป็นไปได้ขึ้นอยู่กับว่าความจริงใจของบรรดานักการเมืองบางกลุ่มบางคนที่ยังอยากมีอยากเป็นอยากได้ด้วยกิเลสทั้งหลายที่เกาะเป็นสนิมในใจ ไม่ต้องอะไรมากตอนนี้ขอให้นักการเมืองหมึกดำเหล่านี้ยังไม่ต้องใช้จิตสำนึกหรอกเพียงแค่นักการเมืองหมึกดำใช้แค่สามัญสำนึกธรรมดาเพื่อชาติไทยให้ได้เสียก่อนเถอะ ทิศทางการพลิกฟื้นประเทศจากคนทั้งสังคมนั้นเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน

หากเปรียบประชาชนเป็นน้ำรัฐบาลคือเรือ การสร้างความปรองให้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติรัฐบาลเองในฐานะรัฐฐาปัตย์จะต้องทำความจริงให้ปรากฎ รัฐบาลต้องไม่ลืมว่าน้ำทำให้เรือลอยได้น้ำก็ทำให้เรือจมได้

(เบญ) ณัฐปภัสภ์ พงษ์ประดิษฐ์

4 ก.ค.53

ช่วย ๆ กันนะครับ ประเทศไทยจะได้พ้นวิกฤต คนยากจนจะได้น้อยลง ไพร่ฟ้าจะได้หน้าใส

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท