การใช้พจนานุกรม.....ยาดำหม้อใหญ่ของคนไทย
เราใช้ภาษาไทยมาทุกวัน เราเรียนเก่งอะไร ๆ ก็รู้ไปหมด และยิ่งซ้ำร้ายจบปริญญาตรี เอกภาษาไทยแต่ตอบปัญหาที่เกี่ยวกับการใช้พจนานุกรมภาษาไทยไม่ได้ อะไรเกิดขึ้นกับภาษาไทย เด็กในปัจจุบันมีจำนวนมากที่อ่านไม่คล่องแถมอ่านไม่ได้อีกต่างหาก ค่อย ๆ ทวีจำนวนสูงขึ้นอย่างน่าใจหาย เราจะไปโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเราเอง เพราะเราที่จบระดับความรู้มาชั้นโน้นบ้างชั้นนี้บ้าง กลับไม่มีความรู้การใช้พจนานุกรมเลยแม้แต่น้อยในบางคน
มีอยู่คราวหนึ่งประมาณปี 2549-2550 ผมได้รับเชิญให้ไปบรรยายเรื่องคุณธรรมจริยธรรมแก่ครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สงขลา เขต 2 ตามหลักสูตรเตรียมจัดทำผลงานจะปรับเปลี่ยนวิทยฐานะ เป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ประมาณ 120 คน ขณะบรรยายได้มีครูสุภาพสตรีท่านหนึ่งได้ยกมือขึ้น ผมก็เลยอนุญาตให้แสดงความคิดเห็นหรือจะช่วยเสริมเติมแต่งก็จะเป็นการดี ครูสตรีท่านนั้นกล่าวอารัมภบทให้ฟังว่าที่วิทยากรมาพูดนั้นเป็นเรื่องปกติทุกคนรู้อยู่แล้วไม่ควรพูดให้เสียเวลา ผมก็อธิบายให้ฟังว่าผมต้องบรรยายไปตามเนื้อหาหลักสูตรที่คณะทำงานเขามอบหมายมาให้พูดเรื่องดังกล่าว ท่านรู้แล้วนั่นเป็นเรื่องดี แต่บางท่านก็ยังไม่รู้ ก็ต้องว่าไปตามนั้น
ผมก็เลยยกตัวอย่างว่าบางเรื่องเราบอกว่าเรารู้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงเราอาจจะรู้ไม่จริงหรือไม่รู้เลยก็ได้ เหมือนตัวอย่างเช่นภาษาไทย ครูที่สอนภาษาไทยก็ไม่ใช่จะรู้หมดละเอียด จำเป็นจะต้องหาความรู้เพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ และถามครูท่านนั้นว่าท่านสอนวิชาอะไร คุณครูตอบว่าวิชาภาษาไทย ก็เลยถามว่าผมจะถามปัญหาภาษาไทยสักข้อได้หรือไม่ คุณครูท่านนั้นก็ไม่แสดงอาการว่าจะให้ถามได้หรือไม่ได้ แต่ครูผู้ที่ร่วมฟังแสดงอาการเงียบกริบ ผมเลยตัดบทไปว่า ผมจะถามคำถามง่าย ๆ ในเมื่อครูสอนภาษาไทยไม่อนุญาตให้ถามคือเฉยอยู่ ผมก็ลองให้ทุกคนในที่ประชุมช่วยตอบผมด้วย โดยให้คิดว่าร่วมเสวนาก็แล้วกัน
ผมถามว่า คำ “ผัวะ”กับ “ผัว”เมื่อเปิดหาในพจนานุกรมจะพบคำไหนก่อน ครูเอกภาษาไทยไม่ได้ตอบ แต่ครูอื่น ๆ ช่วยกันตอบ แต่ส่วนใหญ่ตอบผิดตอบถูกไม่ถึง 10 คน นับเฉพาะคนที่กล้าตอบ หลาย ๆ คนนั่งแสดงท่าทางงงๆอย่างเห็นได้ชัดว่า เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้ก็อาจเป็นได้
ผมเลยขออีกคำถาม ว่า “นิ่ม”กับ “น้ำ” ระหว่าง 2 คำนี้เมื่อเปิดหาในพจนานุกรมภาษาไทยจะพบคำไหนก่อน ก็พบว่าตอบผิดเช่นเดิมเป็นส่วนใหญ่อีก
หลังจากนั้นผมก็เฉลยคำตอบให้ฟังว่า เราจะต้องพบคำว่า “ผัว”ก่อน “ผัวะ” และจะพบคำว่า “น้ำ” ก่อน “นิ่ม”
ปรากฏว่าพอฟังคำเฉลยเสร็จก็มีเสียงของคณะครูทั้งหมดดังอื้ออึงไปทั้งห้องประชุมเป็นการบ่งบอกให้ผมทราบว่าผมน่าจะเฉลยผิด วิทยากรอีกหลายท่านที่กำลังมาเตรียมงานบรรยายในชั่วโมงถัดไปซึ่งสนใจฟังอยู่ด้วยก็แสดงอาการไม่ผิดแผกแตกต่างกัน
ผมเลยตัดบทไปว่าหลายคนอาจจะมีความสงสัยว่าผมเฉลยผิดพลาด ไม่ถูกต้องหรือเปล่าและมีประมาณ 10 กว่าท่านเท่านั้นที่เชื่อว่าผมเฉลยถูก แต่เรื่องที่จะบรรยายในชั่วโมงนี้ไม่ใช่เรื่องภาษาไทย ผมก็เลยฝากให้เป็นการบ้านไปว่าให้ทุกคนไปค้นหาโดยการไปเปิดดูพจนานุกรม หากพบว่าผมเฉลยผิด ผมจะรับผิดชอบ คณะครูที่ประชุมจะตำหนิอย่างไรผมจะยอมรับทุกประการ และผมก็เริ่มบรรยายตามเนื้อหาที่ได้รับมอบหมายไปจนจบเนื้อหาและตามเวลากำหนด
วันเสาร์ถัดมา ผมพบปรากฏการณ์ใหม่ ก่อนเข้าสู่รายการรับฟังการบรรยายหลายคนเข้าทักทายผมและบอกว่าเขาตาสว่างขึ้นในเรื่องที่ไม่เห็นความสำคัญของพจนานุกรมและมีความเข้าใจว่าเขาจะเรียง สระตามลำดับที่เคยเรียน แต่มันไม่ใช่ พอตกเย็นผมได้รับบันทึกขอบคุณจาก 60 กว่าคน เขียนมาในลักษณะบอกว่าเขาเข้าใจผิดในการเรียงคำในพจนานุกรมมาตลอดตั้งแต่เรียนหนังสือมาแม้กระทั่งเป็นครูแล้วจะเกษียณอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ก็ยังเข้าใจผิด นับเป็นโชคดีที่ได้รับเสริมเติมความรู้ในเรื่องนี้จากผม
ท่านผู้อ่านละครับ ท่านคิดอย่างไร ท่านมีข้อเสนอแนะอย่างไรเพื่อพัฒนาในเรื่องภาษาไทย ก็มาร่วมกันเขียนบันทึกให้มวลสมาชิกได้อ่านกันบ้าง ก็น่าจะดีไม่น้อย...หรือว่ายังงงกับคำถามและคำตอบ พจนานุกรมจะตอบได้ชัดเจนที่สุด และคำถามฝากในชีวิตของท่าน เคยเปิดพจนานุกรมค้นหาคำหรือความหมายของคำแล้วกี่ครั้ง ไม่ต้องตอบผมแต่ให้ท่านตอบตัวท่านแล้วท่านจะหายงงไปเองเอง
ไม่มีความเห็น