"ชินวรณ์"ฝันไกลดันตั้งธนาคารครู ดอกเบี้ย3%แก้หนี้ครูทั้งระบบ บิ๊กศธ.ชงสูตรสางปัญหาครบวงจร

ความคืบหน้ากรณี นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีนโยบายให้ชะลอการเริ่มดำเนินโครงการเงินกู้สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด ศธ. เพื่อรอผลสรุปแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ ซึ่งนายชินวรณ์ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาวิเคราะห์การดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตครูทั้งระบบ มีนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัด ศธ. เป็นประธาน เพื่อศึกษาและจัดทำข้อเสนอในแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ ก่อนนำไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลังในการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างครบวงจร โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะประชุมนัดแรกในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปกลางเดือนกรกฎาคมเพื่อนำเสนอนายชินวรณ์นั้น

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน แหล่งข่าวในคณะกรรมการศึกษาวิเคราะห์การดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตครูทั้งระบบ กล่าวว่า มีผู้บริหารระดับสูงใน ศธ.ได้เสนอแนวทางเบื้องต้นการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างครบวงจรว่า ในปัจจุบันครูมีหนี้สินหลักๆ อยู่กับ 1.สหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั่วประเทศ ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ประมาณ 6 บาท 2.โครงการเงินกู้สมาชิกกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) โครงการที่ 1-5 คิดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 5 บาท และ 3.โครงการพัฒนาชีวิตครู คิดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 5 บาท ในขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากประเภทต่างๆ ของสถาบันการเงินจะเฉลี่ยอยู่ที่ไม่ถึง 1 บาท ดังนั้น น่าจะเจรจากับกระทรวงการคลังเพื่อหาสถาบันการเงินมาร่วมปล่อยเงินกู้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในโครงการแก้ปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบดังกล่าวนี้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยระหว่างร้อยละ 2.50-3 บาท ซึ่งมีความเป็นไปได้ และเชื่อว่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาหนี้สินครูได้อย่างครบวงจร เพราะสถาบันการเงินก็ยังได้ประโยชน์ส่วนต่างจากดอกเบี้ยเงินฝาก ขณะเดียวกันครูหลายแสนคนก็จะได้ปรับโครงสร้างหนี้รวมเป็นหนี้เดียว โดยนำเงินกู้ไปชำระคืนในโครงการเงินกู้ต่างๆ ที่ดอกเบี้ยแพงกว่า และยังมีเงินเดือนเหลือพอใช้จ่าย เนื่องจากส่งชำระคืนน้อยลง ซึ่งจะส่งผลทำให้ครูมีขวัญกำลังใจในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้นด้วย

ด้านนายชินวรณ์กล่าวว่า ตนไม่สนใจทั้งโครงการเงินกู้สมาชิก ช.พ.ค.6 หรือโครงการเงินกู้พัฒนาชีวิตครู ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กับธนาคารออมสิน เพราะไม่ได้ตอบโจทย์อะไร ดังนั้น ตนจะไม่ขอพูดถึงแล้ว จะพูดแต่เรื่องการพัฒนาครูทั้งระบบ ซึ่งตนมีนโยบายที่จะดูแลช่วยเหลือครูทั้งระบบ ไม่เฉพาะแต่การช่วยแก้ปัญหาหนี้สินเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเรื่องของการผลิต การพัฒนา การใช้ครู และการได้รับสวัสดิการของครู ซึ่งขณะนี้ได้มอบให้คณะทำงานชุดนายเฉลียวเป็นประธาน เดินหน้าศึกษาแนวทางดำเนินการอยู่ โดย ศธ.ต้องร่วมมือกับกระทรวงการคลัง ที่วันนี้กระทรวงการคลังกำลังคิดจะทำธนาคารคนจน ฉะนั้น ศธ.อาจจะผลักดันตั้งเป็นธนาคารครูขึ้นมาเลยก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ต้องรอข้อมูลและข้อสรุปทั้งหมดจากคณะทำงานชุดดังกล่าวก่อน แต่เชื่อว่าจะเป็นคำตอบที่ดีในอนาคตอันใกล้

"ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำที่จะร่วมกับทางกระทรวงการคลัง เพื่อออกเป็นโครงการเงินกู้ช่วยแก้ปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบนั้น ผมยังตอบอะไรไม่ได้ในตอนนี้ ยังต้องรอหารือกับทางกระทรวงการคลังให้ได้ข้อสรุปก่อน" รัฐมนตรีว่าการ ศธ.กล่าว

นายเฉลียวกล่าวว่า ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ จะประชุมคณะทำงานพัฒนาชีวิตครูครั้งแรก โดยจะนำข้อมูลโครงการปล่อยเงินกู้ให้ครูที่ได้ดำเนินการมาในหลายโครงการมาประกอบการพิจารณาว่าส่งผลในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูได้มากน้อยแค่ไหน

รายงานข่าวจาก ศธ.แจ้งด้วยว่า ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ จะมีการจัดประชุมสมัชชาผู้นำครู 4 ภูมิภาค ในโครงการประชุมสัมมนาคณะกรรมการ สกสค.จังหวัดและองค์กรเครือข่าย จำนวน 1,200 คน ที่หอประชุมคุรุสภา โดยเชิญนายชินวรณ์ไปเป็นประธาน ซึ่งในงานนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะมีการให้ผู้มาร่วมประชุมได้ลงมติเรื่องการปรับเพิ่มการเก็บเงินค่าสงเคราะห์ศพสมาชิก ช.พ.ค.จากศพละ 1 บาท เป็น 1.50 บาท และเรื่องเดินหน้าโครงการเงินกู้สมาชิก ช.พ.ค.6 ด้วย

ด้านนายชินวรณ์ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด เรื่องนี้ทราบเพียงว่ามีการเชิญตนไปเป็นประธานในโครงการประชุมสัมมนาดังกล่าวเท่านั้น ตนขอไปตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากเป็นตามกระแสข่าวจริง คงไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่จะให้ตนไปแล้วมีการโหวตในเรื่องดังกล่าวกัน อีกทั้งเรื่องการปล่อยเงินกู้ให้แก่ครูก็เป็นเรื่องในระดับนโยบาย

วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 13:39:27 น.  มติชนออนไลน์