ติดพนันบอล ภัยร้ายที่ป้องกันได้


การพนนันไม่ทำให้ใครรวยขึ้น

 

ติดพนันบอล ภัยร้ายที่ยังป้องกันได้

กระแสการแข่งขันบอลโลกที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ชักจะหวั่นว่าลูกหลาน คนใกล้ชิดจะเกาะติดกระแสนี้ในทางที่ผิด จนเป็น “โรคติดพนันบอล”

ในทางจิตวิทยาเรียกว่า Pathological Gambling ถึงแม้รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นสิ่งไม่ดีเป็นสิ่งที่ผิด หรือส่งผลร้ายต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น การเงิน การเรียน สุขภาพ หรือสังคมของตัวเองจะเกิดปัญหา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะไม่ทำ คล้ายการติดสารเสพติดมีจิตใจจดจ่ออยู่กับการพนันตลอดเวลา ไม่สามารถคิด หรือทำอย่างอื่นมีแต่ความโหยหาที่อยากจะเล่น ยากที่จะควบคุม ในที่สุดก็จะเล่นการพนันต่อโดยไม่มีการยั้งคิด



“พฤติกรรมพวกนี้จะคล้ายพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งต้องได้รับการบำบัดรักษาโดยในรายที่มีอาการมาก อาจต้องให้ยาลดการย้ำคิดย้ำทำ จากนั้นต้องพาไปทำกิจกรรมอื่นๆ

ไม่ให้มีการเล่นพนันบอล เช่น จัดค่ายให้เล่นกีฬา อย่างเต็มที่ 1-2 สัปดาห์ รวมถึงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการควบคุมตัวเอง หางานอดิเรกให้ทำ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับครอบครัว”

สาเหตุการติดการพนันบอลของวัยรุ่นนั้น นายแพทย์วศิน ระบุว่า มี 2 สาเหตุใหญ่ คือ ประการแรก เกิดมาจากตัวของวัยรุ่นเอง เนื่องจากวัยรุ่นมักจะมีปัญหาในการควบคุมตัวเอง (Self Control) เพราะโดยปกติแล้วคนเราต้องมีการควบคุมตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงิน การใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้อินเทอร์เน็ต และการใช้เวลาไปกับความบันเทิงเริงใจหรือกิจกรรมที่ไม่มีประโยชน์ แต่วัยรุ่นในปัจจุบันมีปัญหาในเรื่องของการควบคุมตัวเองอย่างมาก โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมกับวัยของตน

สาเหตุประการที่สองคือ กระแสสังคมและการโฆษณา วัยรุ่นมักจะหลงใหลไปกับคำโฆษณาชวนเชื่อได้ง่าย โดยเฉพาะขณะนี้มีกระแสของการแข่งกีฬาฟุตบอลโลก โฆษณาจะชักชวนให้ร่วมชมการแข่งขัน แต่การชักชวนไม่ได้มุ่งไปในเรื่องของการเล่นกีฬาสักเท่าไหร่ แต่จะมุ่งไปในทางที่ชักชวนเล่นการพนันมากกว่าการออกกำลังกาย”

สำหรับแนวทางในการป้องกันลูกหลานจากการติดพนันบอล นายแพทย์วศิน บำรุงชีพ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุราและยาเสพติด แนะนำว่าต้องให้ความรู้ และเตือนให้เด็กรู้จักป้องกันตนเอง

1. ตัววัยรุ่นเองจะต้องพยายามควบคุมตัวเองและครองตนให้ดี ซึ่งหากชอบกีฬาก็ควรศึกษาเกี่ยวกับการแข่งขันฟุตบอล ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งจริงๆ เกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้จากการชมกีฬาที่แท้จริง

2. ต้องศึกษาเพื่อที่จะเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้หลงกลของเกมการตลาดและคำโฆษณาชวนเชื่อ

3. ต้องรู้จักพิจารณาไตร่ตรองว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องของการพนันนั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลร้ายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

4.ครชักชวนหรือท้าทาย เราต้องกล้าที่จะปฏิเสธ ไม่หลงไปเป็นเหยื่อของพวกที่มาชักชวน

 5. ต้องเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ไม่เห็นแก่เงิน



6. อย่าใช้ข้ออ้างกับตัวเองว่าแค่พนันเล่นๆ เท่านั้น เพราะมันจะเกิดเป็นพฤติกรรมที่เคยชิน ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการทำซ้ำ

7. หากเจอผู้ที่ตกอยู่ในภาวะติดการพนันไปแล้ว ให้บอกพ่อแม่หรือคนใกล้ชิดของเพื่อน และพยายามดึงเขาออกมาจากพฤติกรรมนั้น

8. หากพบว่าตนเองเข้าข่ายติดพนันบอล ก็ต้องกล้าหาญยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และบอกคนใกล้ชิดให้ช่วยเหลือ

“โดยเฉพาะในช่วงนี้ ต้องป้องกันโอกาสเสี่ยงไว้ก่อน ซึ่งครอบครัว ครูอาจารย์ คนรอบข้างก็ต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของลูกหลานและลูกศิษย์ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า การเรียนเสียไปไหม แยกตัวออกไปจากกลุ่มหรือเปล่า หรือมีพฤติกรรมหมกมุ่นอยู่กับอะไรหรือเปล่า และตักเตือนให้เขารู้จักเตือนตัวเองและควบคุมตัวเอง ในการเสพสื่อที่เหมาะสม เพราะปัจจุบันมีสิ่งต่างๆ มากมายที่จะเข้ามายั่วยุและในทางชวนเชื่อ สามารถครอบงำกลุ่มเด็กและวัยรุ่นได้ง่าย เพราะเป็นกลุ่มที่ไม่เท่าทันสื่อ วิจารณญาณยังไม่ค่อยดี มีการป้องกันตัวเองได้น้อย มีวิธีการปฏิเสธผู้อื่นได้น้อย มีความอยากรู้อยากลองค่อนข้างมาก

ดังนั้น คนรอบข้างก็ต้องช่วยกันระมัดระวัง สื่อเองหรือผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสื่อก็ควรพูดถึงการเล่นกีฬาฟุตบอลอย่างสร้างสรรค์ เลือกส่งเสริมในด้านของการเล่นกีฬาเพื่อจะเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียง การเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ การเล่นกีฬาเพื่อฝึกฝนการมีวินัยในตัวเองและการเคารพในผู้อื่น มากกว่าที่จะนำเสนอในเชิงการพนันว่าทีมใครจะชนะทีมใดจะแพ้ เพื่อให้คนหันมาเล่นกีฬาเพิ่มมากขึ้น”

ส่วนในกรณีที่พบว่าลูกหลานมีพฤติกรรมติดพนันบอลแล้ว นายแพทย์วศิน บำรุงชีพ ได้ให้แนวทางในการช่วยเหลือก่อนจะสายเกินไปว่า “อันดับแรกต้องสื่อสารให้เขาตระหนักรู้ว่าตัวเองมีความผิดปกติ และมีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษาและพบแพทย์ก่อนจะมีปัญหาร้ายแรง ขณะเดียวกันก็ควรจะต้องให้การดูแลด้านจิตใจและสังคมให้เขาเป็นพิเศษ โดยหากิจกรรมช่วยให้เขาได้ระบายความเครียด ความก้าวร้าวในตัวเองออกไป

ซึ่งวิธีที่ดีและได้ผลก็คือ การให้เล่นกีฬา เพื่อให้เขาได้ออกกำลังกายมากๆ รวมถึงการจัดตารางเวลาการตื่นนอน การดูทีวีอย่างเหมาะสม ไม่ให้ถือเงินโดยตรง ซึ่งพ่อแม่ครูต้องให้ความสำคัญต่อการช่วยเหลือ โดยจะต้องติดตามผล ว่าเขามีปัญหาทางด้านอารมณ์ไหม ในรายที่ไม่ได้เล่นการพนัน แล้วมีอาการหงุดหงิด ก้าวร้าว ซึมเศร้า ต้องรีบปรึกษาแพทย์

ทั้งนี้ ผู้ปกครองและครูที่สังเกตเห็นบุตรหลานหรือนักเรียน มีพฤติกรรมหงุดหงิด ก้าวร้าว ซึมเศร้า หมกมุ่นอยู่กับการชมฟุตบอลโลกที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจเข้าข่ายติดพนันบอลได้

ที่มา : โรงพยายาบาลมนารมย์

 

 

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ข้อคิด#ปรัชญา
หมายเลขบันทึก: 368164เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2010 21:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • การพนันไม่ทำให้ใครรวยยกเว้นเจ้ามือ
  • การรวยจากการพนัน ทำให้คนไม่รู้ถึงความยากลำบากในการหาหาเงิน ได้มาง่าย ใช้ไปง่าย เข้าทำนอง รวยไม่ทน จนไม่นาน
  • คนไทยมีนิสัยเล่นการพนันอยู่ในสายเลือด ชอบลุ้น ชอบเสี่ยง ถ้าจะให้เลิกการพนันนั้นยาก ไม่เชื่อพนันกับผมมั้ย(ล้อเล่นครับ)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท