ภาพเขียนผาแต้ม ภูผาจารึก ความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาว 2


ขั้นตอนในการสร้าง ปลาบึก โดยการ นำยีนส์ ของ ช้าง มาผสมกับ ยีนส์ของปลา

ภาพมนุษย์ผู้มากับยานบิน ที่ผาแต้ม


       เริ่มด้วยภาพ ของผาแต้ม ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบ ในภาพเป็นบรรยากาศ เมื่อ 1 เมษายน 2553

 
ซึ่งถ้าเป็นหน้าฝน บรรยากาศก็จะชุ่มฉ่ำกว่านี้  อุทยานจะทำหอชมภาพเขียน ไว้ให้พร้อมสรรพ ถ้าเป็นหน้าฝนก็จะมีหลังคาไว้กันฝน   กลุ่มภาพผาแต้ม ก็จะเริ่มจากจุดนี้ครับ ซึ่งระยะทางประมาณ 1,500 เมตร จากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ควรมีขวดน้ำดื่ม แก้กระหาย เวลาลงเขา ขึ้นเขา ครับ
อย่าลืมนำขยะกลับไปทิ้ง ที่ถังรองรับขยะบริเวณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ฝากด้วยนะครับ

    ผมเริ่มจับภาพตั้งแต่ช่วงต้น จะไล่เรียงไปตามลำดับ 

 
ภาพ 1

ภาพ 2  
    ภาพ 1 ภาพ 2 เป็นภาพเดียวกัน  ในภาพที่สอง ลงเส้นให้ง่ายต่อการสังเกต  ภาพนี้ยังอยู่ระหว่างการแปลความหมายครับผม

ภาพที่ 3 กับ 4 เป็นภาพเดียวกัน ภาพที่ 4 จะลงเส้น เพื่อให้ท่านเปรียบเทียบกัน



จากภาพจะเห็นว่า ก่อนที่ยานจะลงจอด ยานนี้ได้ลอยมาจากอากาศ หรือมาจากที่สูง ซึ่งอยู่ห่างจากที่แห่งนี้ แต่อยู่บนดาวโลก  ดังที่เขาได้แสดงเส้นทางเริ่มต้น ของการเดินทางอยู่ที่พื้น  นั่นแสดงว่า การมาปรากฎตัวที่ผาแต้ม ไม่ใช่การมาครั้งแรกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาว  และพวกเขาก็คงมีจำนวนไม่น้อย เพราะต้องกระจายตัวอยู่กับชุมชนมนุษย์ถ้ำ  ที่มีอยู่ทั่วโลก 
           ซึ่งเราจะเห็นศิลปะถ้ำ จากแหล่งอารยะธรรมโบราณต่างๆทั่วโลก มีลักษณะการใช้ สี การวาด คล้ายๆกัน 
 


ภาพที่ 5 กับ 6

ภาพที่ 5 ให้เทียบกับภาพที่ 6 ครับ


ภาพที่ 5 แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เป็นภาพยานพาหนะ และมีรูปร่างมนุษย์ ยืนชูสองแขนอยู่ในยาน จากภาพส่วนที่โผล่ข้างหลังน่าจะเป็นหาง !!  (รูปศีรษะ ให้ดูภาพที่ 4 จะมีลักษณะเป็นกลมแป้น )

ประตูยาน มีสองบาน เป็นลักษณะบานพับ เปิดจากด้านในออกมาข้างนอก โดยผลักจากกึ่งกลาง และประตูมีรูปโค้ง มีเหลี่ยมมุม รับไปกับตัวยาน  แสดงให้เห็นว่า ผู้วาดจะต้องรู้จัก ยานพาหนะนี้เป็นอย่างดี จึงจดจำและถ่ายทอดออกมาได้อย่างใกล้เคียง ที่สุด 

ท่านอย่าลืมว่า ในยุคมนุษย์ถ้ำ จะมียานพาหนะไปให้เห็นเหรอ !! เทียบเคียงดูอย่างเด็กๆ อนุบาล ที่เห็นรถยนต์อยู่ทุกวัน เวลาที่เขาวาดรถยนต์ ประตูก็จะทำเป็นบานสี่เหลี่ยม ง่ายๆ พอให้รู้ว่าเป็นประตู
ผู้ที่กำกับการวาดภาพนี้ ต้องเป็นผู้ที่มากับยาน อย่างแน่นอนครับ

 ภาพที่ 7 ลักษณะมนุษย์ที่อยู่บนยาน

มีศีรษะกลมแป้น ซึ่งอาจจะมองว่าเป็น หมวก ก็ได้ จะยังไม่สรุปลงในตอนนี้ครับ ใครคิดยังไง เดี๋ยวตอนท้ายเรามีเฉลย  มี 2 แขน 2 ขา และ 1 หาง !!  มีหางลักษณะพิเศษ 1 หางครับ  บางท่านอาจจะคิดว่าเป็นเสื้อผ้ารึเปล่า ?  อันนี้ก็มีหลักฐานอื่นๆประกอบเช่นกัน  ครับ  ผมวิเคราะห์ภาพหลายๆรอบ มันบ่งชี้ว่า เขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีหาง  เป็นหางชนิดพิเศษด้วยครับ เพราะบางครั้งทำหน้าที่เป็นเท้า หรือ มือ  ก็ได้ 

ยังจำสัญลักษณ์พิเศษ ที่ปรากฎอยู่ บริเวณผาขาม ได้ใช่ไหมครับ 
 

สัญลักษณ์นี้ บ่งชี้ว่า สิ่งมีหางขับไล่สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ซึ่งมีรูปร่างดังรูป และคล้ายจะมีปีก ซึ่งอาจจะเกี่ยวพัน กับ ผู้มาเยือนของเราก็เป็นได้

ยังไม่พบหลักฐานเพิ่มเติม เกี่ยวกับ สัญลักษณ์พิเศษ ดังกล่าว จึงขอแสดงความเห็นไว้เพียงเท่านี้ก่อน



เดี๋ยวมาอีกครับ .... กลุ่มภาพผาแต้ม มีอะไรที่สนุกๆ เยอะ ....ครับ    (ยังมีต่อ..) 

 ขอบคุณครับ


หมายเหตุ  เมื่อพบข้อมูลใหม่ที่ชัดเจนกว่านี้ การแปลความหมาย จะเปลี่ยนไป ทีมวิจัยต้องกราบขออภัย ท่านผู้อ่านที่เคารพไว้ ณ โอกาสนี้  เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง เนื้อหา   

  

การผ่าตัดหัวใจช้าง ที่ผาแต้ม เพื่อคัดเลือกเนื้อเยื่อ

                     ภาพนี้แสดงการเตรียมเนื้อเยื่อสัตว์เพื่อ ทำอะไรซักอย่าง ของนักวิทยาศาสตร์ มีสัตว์ 2 ประเภทที่เข้ามาเกี่ยวข้อง คือ ช้าง และ ปลา  สองภาพข้างล่างเป็นภาพเดียวกัน





ในภาพจะเห็นลักษณะของช้างนอนตะแคง ขาคู่หน้า คู่หลัง เหยียดตรง  และถูกดึงแยกออกให้ห่างจากช่วงท้อง หมายเลข 1 คือ ช้าง    หมายเลข 4 เป็น เส้นวงกลมใหญ่ ไม่ลงสีทึบ อาจจะหมายถึง ถาดแก้วใส  หมายเลข 2 เป็นรูปหัวใจ(ในภาพเส้นสีเขียว ยังมีความคลาดเคลื่อนครับ จะไม่ปรากฎเป็นรูปหัวใจดังเส้นที่เขียน เนื่องจากจะมีรูปมือ อยู่ในภาพดังกล่าวด้วย) มีบางส่วนวางทับ บนวงกลมใหญ่  จึงสนับสนุนความเห็นที่ว่า น่าจะเป็นถาดแก้ว  และ หมายเลข 3 วงกลมเล็ก น่าจะเป็น จานแก้วเพื่อนำมาเก็บเนื้อเยื่อ ชิ้นเล็กๆ  ส่วนที่ต้องการ จากหัวใจ เพื่อนำไป ศึกษา ทดลอง ในห้องปฏิบัติการ

หมายเลข 6 และ หมายเลข 7 เป็นปลาคนละชนิดกัน น่าคิด ทำไมไม่ไปวางอยู่ที่เดียวกัน  เพราะถ้า เราไม่นำภาพ หัวใจ และ จานแก้วที่อยู่ใต้ท้องช้างมาพิจารณา  ภาพนี้จะบอกว่า ช้างกำลังว่ายน้ำ อย่างแน่นอน  เพราะมี ปลา อยู่ข้างหน้าและข้างหลัง

แต่ถ้าศึกษาเข้าจริงๆ จะรู้ว่า นี่ไม่ใช่ อากัปกิริยา ของช้างที่กำลังว่ายน้ำ เพราะรูปร่างที่ใหญ่ อุ้ยอ้าย ช้างจะไม่แยกขา เหมือนม้าวิ่ง อย่างนี้   ดูลักษณะของงวง เมื่อช้างว่ายน้ำ งวงควรจะชูขึ้น เพราะต้องหายใจ ครับ 

บางคนอาจจะแย้งว่า ก็นี่อาจจะเป็น ช้างกำลังดำน้ำ หรืออยู่ ในใต้น้ำ เห็นไหม ดูที่มีปลาว่ายอยู่รอบๆ ทั้งหน้าและหลัง   ก็ขอให้ไปดูที่ ปลายงวงช้าง ครับ ลักษณะที่เนื้อที่ทำหน้าที่ปิดรูจมูก ถูกอ้าเปิดออก บ่งบอกชัดเจนว่า ไม่ได้อยู่ใต้น้ำอย่างแน่นอน 

ในหน้าที่ผ่านมา ผมได้ชี้ประเด็น เรื่อง ความมีแบบแผนในการวางแผน เพื่อที่จะ เขียนภาพเหล่านี้เอาไว้แล้วหนหนึ่ง ก็ขอกล่าวถึงอีก อย่างภาพช้าง เขาวาดออกมา แล้วสามารถมีเหตุผล หักล้าง ความเห็นที่ไม่ตรงกับ จุดมุ่งหมายที่เขาอยากนำเสนอ ได้อย่างแยบยล   เช่นดังตัวอย่างที่มีข้อถกเถียง เรื่อง ช้างว่ายน้ำ  ช้างดำน้ำ  ซึ่งผมก็ได้ชี้เหตุผล โดยนำลักษณะจากภาพมาเป็นตัวอ้างอิงคำตอบ

ในส่วนของเหตุผลว่า ทำไมไม่เอา ปลาสองตัวไป อยู่ข้างกัน ก็น่าจะเป็นเพราะ ต้องการสื่อว่า มันเป็นคนละชนิดกัน  อีกอย่างถ้าเอาไปวางใกล้ๆกัน จะทำให้เข้าใจว่า ช้างอยู่ในน้ำ ได้ง่าย  จึงต้องแยกเขียน  และเมื่อดูลักษณะของปลา ในหมายเลข 6 บริเวณปากช้าง  เขาวาดให้เหมือนปลากลับหัว เพื่อสื่อว่า ปลาตายแล้ว และวางอยู่บนพื้นดิน ข้างๆช้าง ฉะนั้นช้างตัวนี้ก็ต้องตายแล้ว และไม่ได้อยู่ในน้ำ

หมายเลข 5 รูปฝ่ามือ 1 รูป   ขอทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปฝ่ามือ จะมี 2 รูปแบบหลักๆ คือ

 1 รูปแบบโปร่ง                  2 รูปแบบทึบ

รูปฝ่ามือเป็นสัญลักษณ์แทน มนุษย์ถ้ำ หรือ มนุษย์โลก  หนึ่งฝ่ามือ อาจจะหมายถึง หนึ่งคน หรือ
หนึ่งกลุ่ม   

ในภาพการผ่าตัดเอาหัวใจช้าง เพื่อคัดเลือกเนื้อเยื่อ ครั้งนี้ มีมนุษย์เข้าร่วมด้วย


แล้วเขาเตรียมเนื้อเยื่อ ไปเพื่อทำอะไร ?? น่าสนใจครับ ภาพต่อไป จะตอบคำถามนี้ !!
แม้แต่ผมผู้ศึกษาเรื่องนี้ ก็ไม่อยากจะเชื่อ ... ว่า นี่คือ

            เป็นขั้นตอนในการสร้าง ปลาบึก  โดยการ นำยีนส์ ของ ช้าง มาผสมกับ ยีนส์ของปลา 

   การตัดต่อพันธุกรรม เพื่อสร้าง ปลาบึก  ของมนุษย์ต่างดาว

..ยังมีต่อ ครับ..

ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
 

 หมายเหตุ  เมื่อพบข้อมูลใหม่ที่ชัดเจนกว่านี้ การแปลความหมาย จะเปลี่ยนไป ทีมวิจัยต้องกราบขออภัย ท่านผู้อ่านที่เคารพไว้ ณ โอกาสนี้  เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง เนื้อหา   
  

 

         
ปลาบึก ตัวแรกของโลก ถือกำเนิดขึ้น พร้อมกับความขัดแย้ง !!

             ใน
หน้านี้ จะแนะนำให้ท่านได้พบกับ ปลาบึก ตัวแรกของโลก ครับ แต่จั่วหัวเรื่องไว้ ไม่น่าฟังซักเท่าไหร่ แต่ทำไงได้ล่ะครับ ภาพเขียนไว้อย่างนั้น ผมก็อ่านไปตามนั้น


ภาพนี้แหละครับ ปลาบึก ตัวแรก ของโลกมนุษย์  ถ้าท่านกลับไปดูภาพก่อนหน้านี้ จะเห็นว่า ปลาตัวใหญ่กว่า จะมี ขาโผล่มา สองขา   ส่วนปลาตัวนี้ มีขนาดเล็กกว่า แต่ มีความสมบูรณ์ มากกว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์จากนอกโลก ยอมรับ ผลการทดลองครั้งนี้ 

ที่ กล่าวว่า มีการยอมรับ ให้ท่านสังเกตดู ว่า ไม่มีการไปแตะต้อง เสียบแทง ที่ตัวปลา ดังกล่าว  นั่นแสดงว่า ไม่มีการทดลองใดๆ อีกแล้ว หรือ การทดลองได้สิ้นสุดลงแล้ว   แม้จะได้ปลาที่มีขนาดเล็กกว่ากันบ้าง แต่ดูแล้วน่าจะมีความเหมาะสม ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และสามารถดำรงพันธุ์อยู่ได้ อย่างยาวนาน 

       นักวิทยาศาสตร์จากต่างดาว มีภูมิปัญญาหยั่งรู้ความเปลี่ยนแปลง ของสภาพดวงดาวต่างๆเป็นอย่างดี จึงตัดสินใจเลือก เอาปลาที่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อใช้เป็นต้นแบบ ของสายพันธุ์ ปลาบึก เพื่อปล่อยลงสายน้ำแห่งนี้  

       ความขัดแย้ง เกิดขึ้น ได้อย่างไร ?

      การมีส่วนร่วมในการทำงานครั้งนี้ ระหว่าง มนุษย์ต่างดาวและมนุษย์โลก คงจะเริ่มจาก การหาตัวอย่างของเนื้อเยื่อ ของสัตว์สองประเภท ที่เหมาะสมที่สุด สัตว์ ดังกล่าว ก็คือ ช้าง และ ปลา  ซึ่งกว่าที่พวกเขาจะหาปลา มาได้ จนคัดเลือกให้เหลือ เพียง 2 ชนิด  คงต้องใช้เวลาและความทุ่มเทเป็นอย่างมาก 

การหาช้างก็เช่นกัน ไม่ใช่ว่า จับมาตัวเดียว แล้วก็ใช้ได้ กว่าจะพบว่า ช้าง ลักษณะแบบไหน อายุเท่าไหร่ จะใช้เนื้อเยื่อจากส่วนไหน นี่ก็ ต้อง ใช้ความพยายามสูง และมีความเสี่ยงสูง ซึ่งก็น่าจะมี มนุษย์โลก บาดเจ็บล้มตาย กันไปพอสมควร ในระหว่างการจัดเตรียมเนื้อเยื่อสัตว์ทดลอง  

แหมผมเล่นบรรยาย เหมือนได้ไปอยู่ในยุคนั้นซะเอง  ก็ว่าไปตามลักษณะของงานล่ะครับ มันน่าจะออกมารูปนั้น  ที่มนุษย์ทะเลาะกันเพราะ คำสัญญา  หรือคำโฆษณา ของผู้มาเยือน เรื่อง การจะสร้างแหล่งอาหาร ในลำน้ำ  ที่มนุษย์ทุกคนจะได้ประโยชน์ จากลำน้ำร่วมกัน เมื่อเรามี ปลาพันธุ์ใหม่ ตัวใหญ่ และมีจำนวนมาก  คำสัญญา ในช่วงแรกของการทำงาน น่าจะเป็นการสร้างแรงจูงใจ ในการทำงาน เช่น ถ้าเนื้อเยื่อปลาของใคร ถูกเลือก คนกลุ่มผู้หาปลามาได้นั้น จะได้รับรางวัล อาจจะเป็นสิ่งของ หรือ ตำแหน่ง ในชุมชน 
  คำสัญญาในช่วงหลัง น่าจะเกี่ยวพันถึง ผลของการทดลอง มนุษย์ต่างดาว อาจจะกล่าวว่า ถ้าปลาพันธุ์ใหม่ จากสองกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มไหนมีขนาดใหญ่กว่ากัน กลุ่มนั้น คือ ผู้ชนะ และจะได้รับรางวัล

   ซึ่งในจุดนี้แหละ ที่เป็นจุดแตกหัก ทางความคิด ของกลุ่มมนุษย์ถ้ำ เมื่อปลา ที่ตัวใหญ่กว่า ไม่ได้รับเลือก ให้ใช้เป็นแม่พันธุ์ พวกเขา ก็เป็นผู้แพ้ และไม่ได้รับรางวัล ตามที่สัญญาไว้ จึงเกิดการทะเลาะ ต่อสู้กัน ของมนุษย์โลกด้วยกันเอง

ดังจะเห็นได้จากภาพต่อไปนี้ 

 
ภาพวงกลม ขาวและเขียว จะเป็นรูปฝ่ามือแบบโปร่ง ซึ่งหมายถึง มนุษย์ถ้ำ 
ในส่วนบริเวณ หางปลา จะพบรูปฝ่ามือ กดทับกัน นั่นคือการต่อสู้ กันเอง ของ มนุษย์ถ้ำ !!




ลูกศรสีขาว ในภาพ ชี้ไปที่วัตถุ ชนิดหนึ่ง ซึ่งผมจะยังไม่บอก ว่า  สิ่งนี้ คืออะไร

 นี่เป็นภาพเต็มตัวของ วัตถุดังกล่าว  อะไรเอ่ย ??

 

 

 

 

 

 

 

 

การจราจล ระหว่างคนถ้ำ กับ มนุษย์ต่างดาว

           ดูภาพนี้แล้วช่างเหมือนกับ เหตุการณ์เมืองไทย ในตอนนี้ (11 เมษายน 2553 ) เป็นภาพที่เริ่มต้น จากความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย จาก มนุษย์ถ้ำ ทำร้ายกันเอง  จนเกิดการตะลุมบอล แบ่งเป็นสองฝ่าย เข้าต่อสู้กัน ลุกลามเป็นการ จราจล  พอมนุษย์ต่างดาว เข้าห้ามปราม กลับรุมทำร้าย จนมนุษย์ ต่างดาว ได้รับบาดเจ็บ  เมื่อสถานการณ์ ไม่อาจควบคุมได้ อันเนื่องมาจาก จำนวนมนุษย์ถ้ำมีมาก มนุษย์ต่างดาวจึงใช้ขั้นเด็ดขาด เรียก หน่วยสนับสนุน จากที่อื่นให้มาช่วย ขณะเดียวกันผู้อยู่ในเหตุการณ์ ก็ตัดสินใจใช้อาวุธ กับ มนุษย์ถ้ำ ที่เป็นต้นเหตุ และที่ยังไม่ยอม ยุติการกระทำที่รุนแรง ต่อผู้อื่น 
           มนุษย์ต่างดาว ใช้ปืนลำแสง ยิงใส่ผู้ที่ยังไม่หยุดทำร้ายผู้อื่น  ดูภาพด้านล่างประกอบ คำอธิบายครับ

ใครๆ ที่ดูภาพนี้ แล้ว จะมีความเข้าใจ ว่า หมายเลข 1 คือ อุปกรณ์ใส่ปลา ที่สานด้วยไม้ไผ่ มีชื่อเรียกว่า ข้อง    เห็นภาพหมายเลข 2 ก็เข้าใจว่า เป็นปลากระเบนน้ำจืด  และพอเห็น หมายเลข 3 ฟันธงทันที เป็นภาพ เต่า !! 

  ผิด !! ทั้งหมด ครับ 
หมายเลข 1 และ หมายเลข 2 เป็น หุ่นยนต์ !! ที่มีผู้ขับขี่ อยู่ข้างใน 1 คน

ส่วนหมายเลข 3 คือ จานบิน !! รูปกลมแบน เป็นการเขียนภาพแบบ top view จึงทำให้เราเห็นภาพด้านบน เหมือนเราก้มมอง หลังเท้าของเรา แหละครับ เราเห็นขาตั้งของยาน จึงทำให้เราด่วนสรุปว่าเป็น เต่า


ในภาพ จะเห็นเส้น ซึ่งผมได้ลงสีให้ท่านเห็นความแตกต่าง มนุษย์ต่างดาว ใช้อาวุธลำแสงหรือไม่ก็ เป็นคลื่นอะไรซักอย่าง  เพราะเส้นที่วาดเป็นเหมือนรูปคลื่น บางคนอาจคิดว่า น่าจะเป็น แสงเรเซอร์ ก็คงไม่ใช่ เพราะ คุณสมบัติของเรเซอร์ คือ มีความร้อนสูง  สำหรับผมมองว่า น่าจะเป็น ลำแสงอนุภาคที่ไม่ใช่เรเซอร์  เพราะดูจาก สภาพร่างกายของผู้ที่ถูกยิงด้วยคลื่นชนิดนี้แล้ว จะทำให้ร่างกายขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ลักษณะเหมือนเราสูบลมเข้าลูกโป่ง แต่ร่างกายคนไม่ใช่ ยางยืด อวัยวะภายในจึงฉีกขาด และเสียชีวิตด้วยความทรมาน ในเวลาต่อมา



 



ภาพมือ(แทน มนุษย์ถ้ำ) ที่ถูกลำแสงอนุภาคดังกล่าว จะมีขนาดโต และเสียรูป เมื่อเทียบกับ ภาพมือปกติ 


สองภาพข้างล่าง จะเป็นภาพหุ่นยนต์




ในการจราจลครั้งนี้ มนุษย์ต่างดาวเองก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน ในภาพ หมายเลข 1 คือ หุ่นยนต์ ปฏิบัติการภาคสนามชนิดหนึ่ง ที่ต้องมี คนบังคับ อยู่ข้างใน 1 คน หรือ จะเรียกว่า หุ่นยนต์รูปข้อง ก็ได้ครับ   หมายเลข 2 เส้นสีขาว บอกว่าเป็นสิ่งก่อสร้าง อาคาร    หมายเลข 3 จุดสีแดง สองจุด คือจุดซุ่มยิง    หมายเลข 4 สีเขียวที่เห็น คือแนวกระสุน ครับ ตรงเข้า หัวหุ่นยนต์   หมายเลข 5 เลือดพุ่งกระฉูด

แสดงว่าผู้ที่บังคับหุ่นตัวนี้ก็ไม่รอดเช่นกัน  ประวัติศาสตร์ชาวโลก บอกว่า มนุษย์ถ้ำไม่ฉลาด ผมว่า คงเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนแล้วล่ะ  เพราะจากภาพนี้ เห็นได้ชัดว่า เขาใช้ เครื่องยิงกระสุน ของมนุษย์ต่างดาว ได้อย่างแม่นยำ

สอดคล้องกันไหมครับ ว่า ทำไม? มนุษย์ต่างดาว จึงต้องระดมกำลังเสริม ทั้ง หุ่นปลากระเบน ทั้งจานบิน ก็เพราะ มนุษย์ถ้ำ ใช้เทคโนโลยีอาวุธ ของ มนุษย์ต่างดาว ในการก่อจราจล ครั้งนี้

ภาพต่อไปนี้ เป็นการยิงกระสุนเข้าใส่กัน ของมนุษย์ถ้ำ   ภาพแรกนำมาให้ดูเพื่อเปรียบเทียบ
 


ภาพนี้ ลงลายเส้น ให้ดู ประกอบคำอธิบาย หมายเลข 1 คือ กลุ่มที่ถูกทำร้าย หรือ ถูกยิงด้วย กระสุน
หมายเลข 2 เป็น กลุ่มผู้ทำร้าย หรือ ผู้ยิง 
ดังที่กล่าวมา บรรพบุรุษมนุษย์ถ้ำ ของเรา หาได้ไร้ปัญญา อย่างที่มนุษย์ปัจจุบันเข้าใจกัน แม้ว่า พวกเขาอาจจะผลิตอาวุธปืนไม่ได้ แต่พวกเขา ก็สามารถเรียนรู้ การใช้งานมันได้ ก็ไม่แตกต่างกับ เราๆท่านๆ ฝึกยิงปืนเป็น และก็ผลิตปืน ไม่ได้ เรายุคปัจจุบัน ก็ฉลาดพอๆกับบรรพบุรุษ ยุคถ้ำ นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งข้อมูล ว่า แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป มนุษย์เราก็ไม่ได้ฉลาดเกินกว่าบรรพบุรุษซักเท่าไหร่

        ยุคถ้ำ มี จราจล ยุคปัจจุบัน ก็มี จราจล มีม็อบ เช่นกัน แสดงว่า หลายพันปีที่ผ่าน มนุษยชาติ ยังมีความคิดเฉกเช่น เดียวกับบรรพบุรุษ  ...น่าคิด ครับ


ยังมีต่อครับ ....
 
 หน้าประวัติศาสตร์ แผ่นต่อไป จะเล่าเรื่อง การประหาร กบฎ และจะพบกับหลักฐาน  
 อีกชิ้นที่ ชี้ชัดว่า วัตถุรูปข้อง คือ หุ่นยนต์ !!
น่าสนใจ ครับ เรื่องที่ นักประวัติศาสตร์ อาจจะต้อง กลับความคิด !! หรือไม่ก็ อาจจะ งัดหลักฐานต่างๆ มาลบล้างคำอธิบาย ภาพเขียนเหล่านี้ 

โปรดติดตามครับ ศิลปะถ้ำผาแต้ม ยาวมาก และ มีความสมบูรณ์ อยู่ใน จารึกแห่งภูผา !!   

...โปรดติดตามหน้าต่อไป ครับ ...

หมายเหตุ  เมื่อพบข้อมูลใหม่ที่ชัดเจนกว่านี้ การแปลความหมาย จะเปลี่ยนไป ทีมวิจัยต้องกราบขออภัย ท่านผู้อ่านที่เคารพไว้ ณ โอกาสนี้  เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง เนื้อหา   
           


ทีมวิจัย ** 
 


  ยรรยง สินธุ์งาม  
  นศ.ปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา  มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี   

         

 


  


   ปรียากรณ์ ทะคำสอน นักวิชาการวัฒนธรรม ชำนาญการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี
   นศ.ปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา  มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

หมายเลขบันทึก: 367258เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2010 20:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 12:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
วาสนา หลงทอน(ศิริรักษ์)

เก่งมากๆ NEVER SAY NEVER AGAIN จำระหัสผ่านนี้ได้หรือไม่ จากเพื่อนเก่า 20 ปีที่แล้ว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท