ภาพเขียนผาแต้ม ภูผาจารึก ความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาว


ภาพเขียนสี อายุกว่า 4,000 ปี เล่าเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว ที่ถ่ายทอดความรู้แก่มนุษย์โลก

ภาพเขียน ก่อนอารยะธรรม สี่พันปี ที่ผาแต้ม ใครเขียน ??

 

 

เค้นเอาความรู้ โดย ยรรยง สินธุ์งาม**



                                              อุทยานแห่งชาติผาแต้ม


         
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เนื่องมาจากเป็นกลุ่มภาพเขียนสี ของมนุษย์ยุคก่อนอารยะธรรม กว่า 4,000 ปี เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ติดอันดับ 1 จากผ่านการโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งความสะดวกสบาย ความสะอาด ความปลอดภัย และโดดเด่นในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ 

          สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล  ชอบแดด อากาศแจ่มใส ก็ไปหน้าร้อน  ชอบน้ำตก และความชุ่มชื้น ก็ให้มาในหน้าฝน อยากกลางเต๊นท์นอนชมดาว ช่วงเช้ายลตะวันขึ้นก่อนใครในสยาม ก็มาในฤดูหนาว  เจ้าหน้าที่ทุกคนที่นี่ เป็นกันเอง อบอุ่น ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะหัวหน้าอุทยานฯท่านให้ความสำคัญกับการสร้างความประทับใจในจุดนี้เป็นอย่างยิ่ง  ถ้ามาเที่ยวในช่วงปิดเทอม ก็จะได้พบกับ ยุวมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นเยาวชน จากโรงเรียนที่อยู่ในอำเภอโขงเจียม เป็นโครงการร่วมของหลายหน่วยงาน ที่มีอุทยานแห่งชาติผาแต้มเป็นเจ้าภาพหลัก เพื่อให้เด็กฝึกฝนการทำงาน และเป็นการหารายได้ระหว่างเรียน  

          ภาพเขียนสีมีอยู่สามกลุ่ม คือ กลุ่มผาขาม




ภาพเขียนกลุ่มผาขาม

กลุ่มผาแต้ม

กลุ่มภาพเขียนสี ที่ผาแต้ม  เป็นภาพเขียนกลุ่มใหญ่ที่สุด 


เป็นภาพที่ยาวต่อเนื่องกับภาพบน

และกลุ่มผาหมอน

 

 
กลุ่มภาพผาหมอนน้อย

ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะ ของภาพ การตีความ ของนักโบราณคดี ที่มีอยู่แต่เดิม ซึ่งจะปรากฎตามเอกสารต่างๆ จากการเผยแพร่ของอุทยานฯ นั้น จะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเนื้อหาที่ปรากฏจากนี้ไป เป็นการไขปริศนา ภาพจากการศึกษาของ คนล่าวิญญาณ ที่บังเอิญมีผลการศึกษา ไปสอดคล้องกับ ภาพที่ถูกเขียนไว้ กว่า 4,000 ปี  จึงนำมาบันทึกไว้บน เว็บไซต์วิชาการ.คอม เพื่อร่วมแลกเปลี่ยน กับทุกคนบนสังคมการเรียนรู้แห่งนี้

ใครเขียน ??  คำตอบ คือ คนในยุคนั้น หรือ บรรพบุรุษมนุษย์ถ้ำ ของเรา นั่นเอง

เขาเขียนด้วยอะไร ?? วัสดุดังกล่าว ถึงอยู่ทนมาจนถึงปัจจุบัน ??  เป็นอีกหนึ่งคำถาม
ที่คำตอบ ในปัจจุบันของนักวิชาการชาวโลก ที่ยังไม่คลายความสงสัยให้แก่ผู้คน

 
เขาเขียนภาพอะไร ?? เพื่อสื่อถึงอะไร ??  ในประเด็นนี้ ผมจะนำท่านไปหาคำตอบพร้อมๆกัน ครับ
           
                      

ห้ามพลาดครับ ต่อไปนี้ จะพบกับหลักฐาน ที่อำพราง ความจริงมาจนถึงปัจจุบัน !! 

ภาพ Top view โครงสร้างหลังคา ที่ผาขาม ชี้ว่า มาจากต่างดาว 


          กลุ่มภาพที่ผาขาม เป็นกลุ่มภาพ กลุ่มแรก ที่เราจะได้พบเมื่อเดินลงไปชมภาพเขียน จะเริ่มไล่เรียงไปตามภาพที่ปรากฎ ผมก็จะเล่าไป หากมีข้อความส่วนใดที่ขัดเคือง ไม่สอดคล้องกับความเห็น ของท่านผู้อ่าน ต้องกราบขออภัย ไว้ ณ ที่นี้ ขอให้มองเป็นอีกแง่มุมหนึ่งของวิชาการ ที่มีการเปิดกว้าง นะครับ 



ภาพที่ 1


ภาพที่ 2    ภาพ 1 และ 2 เป็นภาพต่อกันในทางยาว ตามแนวนอน


 
ภาพที่ 3 นี้ ตัดส่วน จากส่วนท้ายของภาพที่ 1 ซึ่งจะเป็นส่วนหัวของภาพที่ 2  เป็นส่วนที่นำมาขยายให้เห็น ลายเส้นโครงสร้าง ของอาคารที่มีลักษณะยาว ที่เห็นเป็นเส้นๆ คล้ายกระดูกงู น่าจะเป็นโครงหลังคา เป็นการเขียนภาพที่มองจากที่สูง หรือ ภาพ Top view ในทางการเขียนแบบ



ภาพที่ 4 แสดงภาพตลอดแนว ผาขาม

เมื่อดูภาพตลอดแนว จะเห็นว่าอาคารดังกล่าว ยาวต่อเนื่องกัน  โดยไล่เรียงจากภาพด้านซ้ายมือ
หมายเลข 1 อาคารผู้นำ จะมีตัวอาคารสั้น มีโครงหลังคาในส่วนต้นเป็นรูปหยักฟันปลา ในจุดนี้ วัสดุที่ใช้น่าจะเป็นโลหะ จึงจะสามารถ ดัดงอ หรือเชื่อมต่อ เป็นลักษณะฟันปลา และให้ความแข็งแรงแก่โครงสร้างของหลังคา
เมื่อ 3,500 ปี หรือ สมัยมนุษย์ถ้ำ ยังไม่มีเทคโนโลยีผลิตเหล็กเส้น ครับ 

หมายเลข 2 จุดเชื่อมต่อ เขาจะทำให้ตัวอาคารเรียวเล็กลง เพื่อทำเป็นประตู เชื่อมต่อกับอาคารหลังยาว หรืออาคารรวม  เหตุผลที่ต้องมีจุดเชื่อมต่อ ลักษณะเช่นนี้ น่าจะเป็นในแง่ของ ง่ายต่อการดูแลความปลอดภัย 

หมายเลข 3 อาคารรวม ในส่วนของอาคารรวม จะมีความยาวกว่าอาคารแรกถึง 4 เท่า

หมายเลข 4และ5 เป็นช่องเปิดอาคารรวม เพื่อใช้เป็นทางเข้า ออก 

หมายเลข 6 เป็นช่องเปิดท้ายอาคาร หรือ ทางเข้า ออก ท้ายอาคาร  

           จากการออกแบบ โครงสร้างอาคาร ดังกล่าว ถ้าเป็นยุคสมัยปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่ ! มันเกิดขึ้นในยุคของมนุษย์ถ้ำ จึงบ่งชี้ว่า ไม่ใช่เทคโนโลยี ของมนุษย์ถ้ำอย่างแน่นอน    เพราะ ตามประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ในขณะนั้น มนุษย์ ยังไม่รู้จักสร้างที่อยู่อาศัย ยังไม่รู้จักแม้แต่ถักทอ เสื้อผ้า อาจจะรู้จักเพียง นำเศษหญ้า ฟาง ใบไม้ หรือ หนังสัตว์มาห่อหุ้ม ร่างกาย เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น 

           การนำวัสดุหยักเป็นฟันปลา มาเสริมโครงสร้าง ของอาคารในส่วนของอาคารหลังเล็ก แสดงว่าให้ความสำคัญแก่พื้นที่ส่วนนี้  ซึ่งขอเรียกว่า อาคารที่พักของผู้นำ ที่เรียกดังนี้ เพราะมี เหตุ สนับสนุน ดังนี้
          1) เป็นอาคารที่แยกมาจาก อาคารใหญ่ และมีการก่อสร้างในรูปแบบพิเศษ กว่าอาคารหลังใหญ่  
          2) การที่สร้างอาคารขึ้นมาเป็นการเฉพาะ แสดงว่า ต้องเป็นที่ ที่มีความสำคัญ ถ้าไม่เป็นที่อาศัยของ ผู้นำ หรือ หัวหน้ากลุ่ม ก็น่าจะเป็นที่อาศัยของผู้ที่ กลุ่มคนให้การเคารพนับถือ เช่น พ่อมด หมอผี หรือเทพเจ้า อย่างหนึ่งอย่างใด 
          3) หรือ อาจจะใช้เป็นห้องรับรอง ห้องประชุม ห้องวางแผน หรือประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อ ของกลุ่ม

          วัสดุที่จะมาทำเป็นฟันปลา แล้วก่อให้เกิดความแข็งแรง ของโครงสร้าง น่าจะเป็น วัสดุที่ทำจากโลหะ ถ้าเป็นโลกในยุคปัจจุบัน ก็ต้องเรียกว่า หลังคาโครงเหล็ก ครับ ที่ใช้การเชื่อมต่อ โดย เครื่องเชื่อมไฟฟ้า  และค่อนข้างแน่ชัดว่า โครงสร้างที่เขียนเป็นเส้นตรง ก็น่าจะเป็น วัสดุที่ทำจากโลหะ เพราะการเขียนแต่ละเส้น ไม่มีเส้นคดงอ ที่น่าจะสื่อ
ไปถึงการนำเอาไม้มาเป็นวัสดุในการก่อสร้าง  


ภาพที่ 5 แสดง อาคารผู้นำ และโครงสร้าง ของโครงหลังคาอาคาร 


          ก็อย่างที่กล่าวมา จากข้อมูล มนุษย์ในยุคนี้ อยู่ถ้ำ ครับ ยังไม่มีวิทยาการใดๆ ที่จะนำมาก่อสร้างบ้านเรือน ฉะนั้น แค่เรื่องการก่อสร้างที่พักอาศัย ก็ชี้ชัดแล้วว่า เป็นเทคโนโลยีของมนุษย์จากดาวดวงอื่น ที่แวะมาถ่ายทอดเทคโนโลยี ให้กับมนุษย์โลก ในยุคถ้ำ  

ภาพเขียนที่ผาขาม จะยังไม่ปรากฎ ภาพฝ่ามือ อันลือชื่อของผาแต้ม น่าแปลกมั๊ยล่ะ ??  หลายคนมาผาแต้ม แล้วเข้าใจว่า มนุษย์ถ้ำ จะวาดอะไร เลอะเทอะเปรอะเปื้อน ไปทั่ว  ต้องบอกว่า ท่านเข้าใจอะไร ?? เกี่ยวกับบรรพบุรุษของเรา คลาดเคลื่อนไป  ความมีแบบแผน ที่ผมพบ น่าจะสรุปว่า มีการวางแผน ก่อนการเขียนภาพ  ค่อยๆตามติดไปนะครับ จะได้ทราบว่า เขาวางแผนบันทึกประวัติศาสตร์ ด้วยรูปภาพ จริงอย่างที่ผมนำเสนอหรือไม่  เนื่องจากยุคนั้น ยังไม่มี การประดิษฐ์ตัวอักษร ขึ้นมาใช้ จึงใช้การบันทึกโดยรูปภาพ  ที่ผมตั้งข้อสังเกต เรื่องการวางแผน ในการเล่าเรื่อง ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นการจงใจ ใครล่ะ?? จะเป็น ผู้วางแผน  ถ้าบอกว่า เป็นบรรพบุรุษมนุษย์ถ้ำของเรา คิดวางแผนเอง ก็คงต้องแย้งกัน สุดตัว   ต้องเป็นผู้ที่มีอารยะธรรมสูงกว่ามนุษย์ถ้ำ  !!  แน่นอนจะสงสัยใครไม่ได้ นอกจาก มนุษย์จากดาวดวงอื่น เพราะอายุของโลกในขณะนั้น อารยะธรรมของมนุษยชาติ เป็นเพียง  มนุษย์ถ้ำ ครับ !!  

เอาแค่ วัสดุที่นำมาทำเป็นสีเขียนหน้าผา นี่ก็ น่าทึ่ง!! แล้ว  สีอะไร จะอยู่มาได้ กว่า 4 พันปี  แม้นักวิชาการของโลกเรา จะบอกว่า เป็นสีจากยางไม้ และแร่เหล็ก ที่อยู่ในฝุ่นหิน ที่นำมาเป็นส่วนผสม  ก็แล้วทำไม บริษัทผลิตสีในยุคสมัยนี้ ถึงผลิตสี ที่มีคุณภาพไม่ได้เศษเสี้ยวของมนุษย์ถ้ำ เอาซะเลย   เต็มที่ ไม่ถึง 5 ปี ก็ ลอก ร่อน ไม่ว่าจะใช้นาโนเทคโนโลยี  เข้ามาช่วย อย่างที่เขาโฆษณากันอยู่              

จากภาพที่ 4 ในส่วนท้ายภาพ มีสัญลักษณ์พิเศษที่อยู่ในวงรี ซึ่ง ยังแปลความไม่ได้ แต่ขอนำเสนอไว้ ดังนี้

 

ภาพที่ 6 แสดง ภาพขยาย สัญลักษณ์พิเศษ พร้อมลงลายเส้นสีขาว เพื่อให้ท่านสังเกตได้ง่ายขึ้น

ขอตั้งชื่อ ว่า การขับไล่  Drive out  ถ้าเป็นการขับไล่ จริงๆ  ก็แสดงว่า มีมากกว่าหนึ่งเผ่าพันธุ์ ที่มาพบกับบรรพบุรุษมนุษย์ของเรากลุ่มนี้   

ถ้าไม่ใช่ การขับไล่ แต่เป็น การป้องกัน ล่ะ !!  ก็แสดงว่า มีสัตว์ร้าย รูปร่างดั่งภาพ คอยมารุกราน มนุษย์เหล่านี้ 
ซึ่งภาพที่วาดไว้ ก็เป็น ลักษณะของสัตว์ที่ ค่อนข้างแปลกตา อยู่นะ ครับ  ?? 
 
          


อะไรที่ทำให้ผมมองว่า เป็นภาพโครงสร้างที่มองจากมุมบน หรือ Top view ของวัตถุ ??

จะยังไม่กล่าวตอนนี้ ...


หน้าต่อไปเป็น กลุ่มภาพที่ผาแต้ม ครับ  ท่านอ่านแล้วอาจจะไม่เชื่อ ?? ... ต้องติดตาม ครับผม


บันทึกพิเศษ 

หลังจากที่ผมเริ่มเผยแพร่เรื่อง การอ่านจารึก ที่ผาแต้ม 2 วันต่อมา รู้สึกแสบแผ่นหลัง เวลาอาบน้ำ คล้ายๆเราไปตากแดดจัดๆ แล้วผิวหนัง ไหม้ จนลอก  ทั้งๆที่อยู่ในร่มตลอด วันต่อมาจึงถ่ายภาพแผ่นหลัง ตัวเองมาดู  กลับพบว่า รอยไหม้ เป็นรูปลักษณ์ แปลกๆ คล้ายๆกับโดนใครเอา เหล็กร้อน รูปลักษณ์ดังกล่าวมานาบแผ่นหลัง  มีโอกาสจะนำภาพรอยดังกล่าวให้ดูครับ 

       แม้จะถูกไม่ถึงร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็เป็น มนุษย์โลก คนแรก ที่พอจะอ่านจารึกดังกล่าว รู้เรื่อง ....

      ก็นึกเล่นๆ ไปน่ะ!  ถ้ามีโอกาสก็อยากไปถ่ายภาพ ในมิติของชาวต่างดาวดังกล่าว มาฝาก มนุษย์โลก !! ก่อนที่จะออกจากร่างกายหยาบ ของ ชาวดาวโลก

บันทึกเมื่อ 17 เมษายน 2553 



24 เมษายน 2553  วันนี้ขอนำ ภาพรอยไหม้บนแผ่นหลัง ที่ผมเคยเกริ่น ไว้เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2553 มาให้ท่านดูและได้ลงลายเส้นสีแดง เพื่อให้ท่านได้เห็น ลวดลายที่ชัดเจน  


สองสัปดาห์ต่อมา รอยก็หายไปและไม่ปรากฎรอยแผลเป็น แต่อย่างใด  ก็น่าแปลกดีนะครับ !! 
แล้วเขามาสลักหลังผม เพื่ออะไร??  เพราะอีกไม่นาน ร่ายกายนี้ก็ต้อง แตกดับ !!  ไปตามธรรมชาติ

และภาพนี้ เขาคงใช้เทคนิคการยิงลำแสง ผ่านแบบพิมพ์ เหมือนการใช้สีสเปรย์ ฉีดพ่น ผ่านแม่พิมพ์ที่จัดเตรียมไว้แล้ว  และอาจจะเป็นวิธีการเดียวกันกับ วิธีการจารึกศิลปะถ้ำบนหน้าภูผาแต้ม  ก็เป็นได้ !!   
 



           ...ยังมีต่อครับ....

ยรรยง สินธุ์งาม  4 เม.ย. 53

   

ทีมวิจัย **  

   
  ยรรยง สินธุ์งาม ครูคศ.2 โรงเรียนนาโพธิ์วิทยา  สพท.อบ.5    
  นศ.ปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

  

ปรียากรณ์  ทะคำสอน นักวิชาการวัฒนธรรม ชำนาญการ   สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี 
นศ.ปริญญาเอก สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

หมายเลขบันทึก: 367254เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2010 20:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 11:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท