ปัญญาย่อมประเสริฐกว่าสมาธิ
ความรู้แจ้งประเสริฐกว่าปัญญา
แต่ความรู้แจ้งก็ยังไม่ประเสริฐเท่าการสละผลของกรรม
ผู้สละผลของกรรมเสียได้ย่อมประสบสุขชั่วนิรันดร์
ตอนแรกว่าจะตั้งชื่อบันทึกนี้ว่า "ใจร้อนก้าวกระโดด จึงเป็นทุกข์" ทั้งนี้เพราะใจร้อนเร่ง Upgrade ปริยัติความรู้ทางธรรม ก้าวกระโดด ใฝ่หาแนวปฏิบัติขั้นสูงเกินภูมิธรรมแห่งตน สุดท้ายก็โดนสะเก็ดธาตุไฟเล็ก ๆ เข้าแทรกทุรนทุรายไม่น้อยเลยขอรับ
ทั้งนี้จริง ๆ แล้วน่าจะเรียกว่า ธรรมชาติจัดสรรมากกว่า เพราะว่าช่วงนี้มีเหตุทางโลกต้องให้ปรับตัวอย่างแรง (สวมหมวกผู้นำทั้งที่อินทรีย์ยังไม่แก่กล้าพอ) พร้อมกับบังเอิญได้คัมภีร์ธรรมมาหลายเล่ม ก็เลยตัดสินใจเปิดตำราธรรมโต้คลื่นทางโลกซะเลย
โอ้โฮ! พลวัตรทางธรรมแบบวันต่อวันสนุกไม่น้อยขอรับ แต่พอพักยกหมดคลื่นทางโลกมาเป็นเชื้อไฟ ก็หาทางลงไม่เจอเพราะยังไม่ชำนาญ จึงเป็นเหตุให้วุ่นวายเป็นธรรมดา จนได้มาอ่านบันทึกทางเดินเดิมค่อยทุเลาเบาบางลงขอรับ
ระลึกรู้ ดูเฉยๆ
เห็นการเกิดดับ
พิจารณาอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ผมเริ่มสังเกตุว่า ฤๅ อริยสัจจ์ ๔ นั้น คือ กงล้อพลวัต สำหรับใช้ไต่บันไดธรรม ?
ไม่มีความเห็น