.....
แสงไฟจากดะเกียงวับๆ วาวๆ ส่องพอให้เห็นเงาร่างของบุรุษในห้อง ซึ่งนั่งอยู่ในห้องทำงานของมัน
"สองสามวันมานี่...การค้าขายที่สือไห่ได้กำไรดี" เคราดำ เฉินเปา เปรยกับตัวเองหลังจากปิดสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายลง
"คราวหน้าต้องลงมือให้หนักกว่านี้" มันยิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่มันล่อลวงมาทำกำไรให้มันมหาศาล เมื่อเทียบกับเงินไม่กี่พวงที่มันจ่ายให้กับครอบครัวของนางเหล่านั้น มันตระเตรียมเงินพวงที่มีการประทับตราสิงโต ยี่ห้อของมัน สำหรับการซื้อขายครั้งหน้าที่มันต้องการลงมือให้หนักกว่าเดิม
มันหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงว่าครอบครัวของหญิงสาวเหล่านั้นคิดว่ามันพาพวกเธอมาทำงานในโรงทอผ้า ... อืม..การมีโรงานทอผ้าก็เป็นกิจการบังหน้าที่ดีในการค้าอันไม่ซื่อสัตย์ของมัน นี่แหละคนโง่ก็เป็นเหยื่อของคนฉลาด
มันบรรจงลากพู่กันเขียนรายชื่อคนที่มันต้องกำจัด ที่หมู่บ้านหลิงอันมีชาวบ้านที่ต่อต้านมัน เพราะสงสัยว่ามันกระทำการหากินกับชีวิตของหญิงสาวหลายคนในหมู่บ้าน ... เฮอะไอ้พวกไม่เจียมตัว เราต้องให้มันตายโดยไร้ที่กลบฝัง
เคราดำค่อยๆ พับจดหมายรายชื่อที่ต้องมรณะเหล่านั้น ม้วนใส่ลงในกระบอกเงินเล็กๆ ที่ผูกติดกับขานกพิราบ... หลายสิบปีที่มันผาดโผนในธุรกิจค้ามนุษย์ มันรู้จักนักฆ่ามากมายที่ทำงานเเพื่อเงิน หนึ่งในนั้นก็คือ หวังชง ผู้ที่มีดาบไวอันร้ายกาจ ลงมือก่อนค่อยถามเหตุผล มันไม่เคยทำให้ผู้ว่าจ้างผิดหวังมาก่อน... ก่อนตะวันตกดินในวันพรุ่ง คนที่มีชื่ออยู่ในจดหมายต้องไปอยู่ในปรโลกจนหมดสิ้น มันยิ้มที่มุมปากก่อนปล่อยนกพิราบโบยบินไป
นกพิราบค่อยๆ เร่งความเร็วบินผ่านหลังคาบ้าน เห็นเป็นเงารางๆ ผ่านแสงสลัวๆ จากเดือนแสี้ยวในค่ำคืนมันมืดมิด เงาร่างสายหนึ่งกระโดดทิ้งตัวลงบนหลังคาโดยปราศจากเสียงแม้แต่น้อย มันแนบร่างราบแบนติดกับหลังคาประหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลังคาก็มิปาน ลมหายใจของมันเข้าและออกอย่างช้าๆ เป็นจังหวะ อันเป็นวิธีในการควบคุมเสียงให้มีน้อยที่สุด และประหยัดพลังงานที่ร่างการต้องใช้ ทั้งนี้เพราะมันต้องการใช้พลังงานในการอื่น...
เงาพลิ้วไหวของต้นไม้ช่วยให้มันกระโดดสองคราจนถึงหน้าห้องของเคราดำ ด้วยการลงมือดุจภูตพรายประตูห้องถูกเปิดโดยไม่มีสุ้มเสียงแล้วปิดลงอย่างรวดเร็ว เงาร่างสายนั้นแนบสนิดไปกับผนังไม้สีดำของห้องทำงานไปแล้ว
"ใคร..." เคราดำ เงยหน้าจากสมุด มือของมันเอื้อมไปที่กระบี่มังกรเงินที่มันพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา
"เป็นเรา" เงาร่างสายนั้นตอบ แล้วพลิ้วกายไปยืนหลังเคราดำรวดเร็ว แค่ชั่วเวลากระพริบตากระบี่เรียวเล็กสีดำสนิทก็พาดอยู่ที่คอของเคราดำ
"หากส่งเสียงแม้แต่น้อย อย่าหาว่าเราไม่เกรงใจ" เงาร่างนั้น กล่าวเบาๆ แต่เด็ดขาด
"..." ไม่มีเสียงตอบจากเคราดำ เหงื่อเม็ดโตค่อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของมัน ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่มันเสียทีแก่ผู้อื่นโดยที่มิอาจกระทำอะไรได้แม้แต่น้อย การไม่กล่าวเวจาเป็นทางรอดเดียวของมันในค่ำคืนนี้
"เราถาม ท่านใช้ศีรษะท่านตอบ" มัน
"..." เคราดำ พยักหน้าหนึ่งครั้ง
"ท่านใช่แซ่เฉินหรือไม่"
เคราดำพยักหน้าอีกครา
"ประเสริฐ" มัน กล่าวคำ ขยับมือจี้จุดสองคราบนร่างเคราดำ ผู้แซ่เฉินสะดุ้ง ขณะที่มันรู้ว่ามิอาจโคจรพลังลมปรานแม้แต่น้อย
"ท่านไปกับเรา" เงาร่างนั้นกล่าว พลางหิ้วแขนมันกระโดดออกนอกห้องทางหน้าต่าง พลังบางอย่างดูดกระบี่มังกรเงินของเคราดำให้ลอยพลิ้วติดตามเงาร่างทั้งสองไปดุจสายลมหอบหนึ่ง
ทั้งสองคนบรรลุถึงแนวป่าไผ่ภายในสองอึดใจ เคราดำรับรู้ได้ถึงพลังฝีมืออันน่าตระหนกของผู้ที่พามันมา ไม่มีเสียงหอบหายใจจากอีกฝ่าย ตรงข้ามมันมิอาจรับรู้ถึงเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
"นี่กระบี่ของท่าน" เงาร่างนั้นกล่าว พลางขยับผ่ามือเบาๆ พลังสายหนึ่งแทรกเข้ามาในร่างของเคราดำ จุดที่ถูกสกัดไว้คลายออกทันที มันรีบโคจรพลังเพื่อเตรียมรับมืออีกฝ่าย
เงาร่างนั้นยืนอยู่ห่างจากเคราดำไปห้าหกเชียะ เคราดำถือกระบี่คู่ใจในมือขณะกล่าวถาม
"ท่านเป็นใคร เรามีเรื่องบาดหมางอันใด ท่านถึงลงมือต่อเรา" มันกล่าวอย่างเกรงใจอยู่บ้าง เพราะมันรู้ดีว่าอีกฝ่ายมีพลังฝีมือไม่ต่ำทราม มันพยายามสังเกตุเงาร่างเบื้องหน้ามัน ซึ่งอยู่ในชุดรัดกุมสีดำ มันมองไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่าย เนื่องจากมีหน้ากากหนังสีดำปิดใบหน้าอยู่ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอีกฝ่ายที่มันรับรู้ได้ตอนนี้ก็คือ คนที่ยืนอยู่เบื่องหน้ามีตอนนี้เป็นบุรุษ
"ท่านแซ่เฉิน ชื่อเปา ใช่หรือไม่" เสียงกล่าวมาจากอีกฝ่าย นอกจากจะไม่ตอบคำถามแล้ว มันยังถามเคราดำอย่างไม่เกรงใจ
"ใช่" ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เคราดำตอบออกไป ขณะตระเตรียมชักกระบี่
"ท่านลงมือ..." บุรุษชุดดำกล่าว
"ประเสริฐ..." เคราดำลงมือแล้ว กระบี่มังกรเงินแทงออกด้วยกระบวนท่ามังกรพิฆาต อันเป็นกระบวนท่าไม้ตายในสามสิบหกกระบี่มังกรเงินที่มันร่ำเรียนมาจากสำนักกระบี่มังกรเงิน หลายสิบปีที่ผ่านมาน้อยคนนักที่สามารถหลบกระบวนท่าพิฆาตนี้ได้ เคราดำมั่นใจในตัวมันเองเสมอมา มันภูมิใจในพลังฝีมือของมัน ซึ่งมีเพียงสิบกว่าคนในยุทธภพนี้ที่มันคิดว่าเอาชนะไม่ได้...
ขณะที่กระบี่ใกล้บรรลุถึงคอหอยของอีกฝ่าย เคราดำรู้สึกได้ถึงพลังที่ทะลักเข้ามาจากปลายกระบี่มัน ทำให้กระบี่มันเปลี่ยนทิศไปเล็กน้อย และแค่นั้นก็เพียงพอที่บุรุษชุดดำเบี่ยงตัวไปอีกทาง และหลุดพ้นจากกระบวนท่าพิฆาตไปอย่างง่ายดาย
"นี่เป็นกระบวนท่าแรก ..เราต่อให้ท่านอีกสองท่า" บุรุษหนุ่ม ยังคงกล่าวอย่างปลอดโปร่ง และยืนตระหง่านปานขุนเขา
เคราดำจู่โจมอย่างรวดที่ใต้ท้องน้อยของบุรุษหนุ่ม และใช้ออกอีกกระบวนท่าจู่โจมที่ดวงตาของบุรุษหนุ่ม ทั้งสองกระบวนท่านี้บรรลุถึงขีดสุด ทั้งยังเป็นท่าที่คิดเสี่ยงด้วยชีวิต น้อยครั้งที่เคราดำจะทุ่มเทพลังฝีมือเช่นนี้ออกมา เนื่องเพราะมันคิดแล้วว่าถ้าไม่สามารถฆ่าบุรุษหนุ่มที่เบื้องหน้านี้ได้ มันเองก็ไม่สามารถจะรักษาชีวิตน้อยๆ ของมันได้อีกต่อไป
พริบตานั้น บุรุษชุดดำขยับท่าเท้าสองครา เบี่ยงท้องน้อยหลบกระบี่แรกไปได้ ด้วยท่วงท่าที่เคราดำมิคาดคิด บุรุษหนุ่มพานเอนตัวไปด้านหลังทำให้กระบี่ที่แทงดวงตา พลาดเป้าไปอีกครา เสียงหวีดของกระบี่สีดำที่ถูกพลังบางอย่างดึงออกจากฝักลอยเข้าสู่มือของบุรุษชุดดำอย่างพอดี ปลายกระบี่ดำดีดเบาๆ เข้าหาข้อมือของเคราดำอย่างรวดเร็ว ด้วยการคำนวณอย่างแม่นยำ เคราดำปล่อยกระบี่มังกรเงินหล่นลงพื้น ก้มมองเลือดที่ข้อมือหยดลงพื้น เมื่อเงยหน้ามันพบว่ากระบี่ดำพาดอยู่ที่ลำคอมันแล้ว
"ล้มเลิกกิจการค้ามนุษย์ในสามวัน นำเงินไปบริจาคให้กับผู้ที่ท่านทำร้ายพวกเขา" มันได้ยินเงาร่างชุดดำ กล่าว
"ครั้งนี้ให้ท่านอยู่ต่อ หากไม่ล้มเลิก วันที่สี่จะเป็นวันสุดท้ายที่ท่านยังสามารถหายใจได้อยู่"
เคราดำ มิได้เอ่ยคำรับปากเนื่องเพราะนี่มิใช่การร้องขอ หากแต่เป็นการสั่ง มันมองตัวกระบี่ดำที่ค่อยๆ เลื่อนผ่านลำคอมันไป เสียงพรึบเบาๆ ดังขึ้นเบื้องหลัง เมื่อมันหันไปก็พบกับความว่างเปล่าแล้ว... เหงื่อเย็นเยียบซึมออกที่ฝ่ามือ ระหว่างความเป็นกับความตายเป็นช่วงเวลาที่ทำให้มันต้องหลั่งเหงื่อนี้ออกมา
เดือนข้างแรม... เป็นลางอัปมงคลสำหรับมัน นี่นับเป็นครั้งแรกที่มันพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง และตัวมันเองก็มิอาจรู้ได้ด้วยว่าบุรุษหนุ่มที่ถือกระบี่สีดำเป็นผู้ใด...
.......
ไว้ต่อตอนหน้า มีความสุขมากมายครับ
vrt