ขอเล่าเรื่องวารสารลายสือสีรุ้ง อีกเรื่อง


หลาย ๆ ครั้งการทำอะไรเพื่อเด็ก การลงทุนเพื่อเด็ก จึงถูกมองว่าไร้ประโยชน์ หรือหากจะลงทุนอะไรเพื่อเด็กก็ต้องสามารถคำนวณผลตอบแทนในอนาคตให้ได้อย่างชัดเจนแน่นอน แต่วารสารลายสือเส้นสีรุ้งไม่เพียงแต่มิอาจคิดผลตอบแทนในอนาคตเป็นตัวเลขได้เท่านั้น ในทางกลับกันทีมงานทั้งครูและนักเรียนแกนนำจากทุกโรงเรียนเครือข่ายไม่เคยคิดถึงผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคตเลยแม้แต่น้อย

ผมใช้เวลาสามเดือนกลั่นงานวิเคราะห์กึ่งถอดบทเรียนของโรงเรียน หกโรงเรียน แต่พอส่งไปให้บรรณาธิการหัวหน้าโครงการก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย เพราะเค้ารายงานกันแบเป็นตารางและตัวเลข ผมเลยขอเอามาเขียนไว้ในนี้อีกสักเรื่องนะครับ

วารสารลายสือเส้นสีรุ้ง : พื้นที่ของเด็ก

 

หากกล่าวถึงวารสารเส้นสีรุ้ง สำหรับนักเรียนในโรงเรียนแม่ริมวิทยาคมแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันดี  เพราะชื่อนี้คือชื่อของวารสารที่จะมีงานมีกิจกรรมของเพื่อน ๆ ทั้งในโรงเรียนแม่ริม และเพื่อนจากโรงเรียนอื่น ๆ มานำเสนอ ด้วยรูปลักษณ์ของวารสารที่ไม่เฉื่อยเชย สีสันและเนื้อหาที่ดึงดูดผู้คนให้หยิบขึ้นอ่าน  ทำให้เมื่อถึงวันที่วารสารนี้จะออกมาสู่สายตาในสองเดือนต่อหนึ่งฉบับ ทำให้จะต้องมีผู้รอคอยฉบับต่อไปและมักจะหมดในชั่วพริบตาเมื่อวารสารถูกนำมาแจกให้กับนักเรียน วารสารเส้นสีรุ้งเป็นสื่อสร้างสรรค์ที่มากไปกว่าวารสารสำหรับการเผยแพร่ข่าวสาร หากแต่วารสารเส้นสีรุ้งนี้ ได้ทำหน้าที่ในการเป็นพื้นที่ของการสื่อสารความดี และร้อยรัดนักเรียนโรงเรียนแม่ริมวิทยาคม กับนักเรียนโรงเรียนในเครือข่ายอีกห้าโรงเรียนเข้าด้วยกัน รวมไปถึงเป็นพื้นที่ ที่จะสื่อสารกับผู้ปกครองและชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ

 

โรงเรียนแม่ริม กับการทำงานในลักษณะเครือข่าย

                นับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา โรงเรียนแม่ริมวิทยาคมได้เข้าร่วมโครงการกับศูนย์คุณธรรม ในการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม จิตอาสา และความพอเพียง โครงการได้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานในลักษณะเครือข่าย ด้วยการขยายความร่วมมือในการจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรมไปสู่โรงเรียนเครือข่าย 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนแม่แตง โรงเรียนพร้าววิทยาคม โรงเรียนบ้านแม่โต๋ โรงเรียนฝางชนูปถัมภ์ และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์เชียงใหม่ โดยในปี 2551  ได้กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันระหว่างโรงเรียนแม่ข่ายและโรงเรียนในเครือข่าย กล่าวคือ การจัดทำวารสารลายสือเส้นสีรุ้ง  การเข้าค่ายธรรมมิกเศรษฐศาสตร์ การเข้าค่ายอบรมอาสาสมัครชุมชน ค่ายรักษ์โลกถนอมสิ่งแวดล้อม กิจกรรมตลาดนัดคุณธรรม  ทุกกิจกรรมที่โรงเรียนแม่ริมดำเนินการ จะมีโรงเรียนในเครือข่ายเข้าร่วมทุกครั้ง ผลที่ได้จาการสร้างเสริมคุณธรรมโดยการทำงานในลักษณะเครือข่ายที่สำคัญก็คือ การทำให้นักเรียนและผู้ปกครอง และครู จากแต่ละโรงเรียนได้รู้จักกัน เป็นการสานความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งสภาพปัญหา แนวทางการจัดกิจกรรมรวมไปถึงการแลกเปลี่ยนแนวคิดซึ่งกันและกัน นอกจากนี้การทำงานในลักษณะเครือข่ายดังกล่าวยังเป็นตัวช่วยให้โครงการส่งเสริมคุณธรรมสามารถขยายตัว ขยายผลกระทบออกไปได้อย่างกว้างขวางให้กับนักเรียนและชุมชนต่าง ๆ มากกว่าที่จะกระจุกตัวอยู่เฉพาะที่โรงเรียนแม่ริมวิทยาคมเท่านั้น

                อนึ่งแม้ว่าการทำงานในลักษณะเครือข่ายนี้มีเป้าประสงค์อยู่ที่การเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมของนักเรียนในโรงเรียนเครือข่ายเป็นหลัก แต่ทว่า สิ่งที่เห็นได้ว่าเป็นผลพลอยได้ที่ตามมาก็คือความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างผู้บริหาร คณะครูอาจารย์ ที่เกิดการสานสัมพันธ์อันดีระหว่างกันนำไปสู่ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย อาจกล่าวได้ว่าการทำงานเครือข่ายคุณธรรมของโรงเรียนแม่ริมได้ก่อให้เกิดเครือข่ายย่อย ๆ ในกลุ่มโรงเรียนและช่วยกระชับความสัมพันธ์ในเครือข่ายต่าง ๆ อีกมากมาย

 

วารสารลายสือเส้นสีรุ้งกับการเปิดพื้นที่ให้กับเยาวชน

                กิจกรรมที่เป็นเครื่องมือในการกระชับความสัมพันธ์ของนักเรียนในโรงเรียนเครือข่ายของโรงเรียนแม่ริมวิทยาคมที่สำคัญอันหนึ่งก็คือ การจัดทำวารสารลายสือเส้นสีรุ้ง ซึ่งเป็นวารสารที่ดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดค่ายต่าง ๆ ร่วมกับโรงเรียนในเครือข่าย บรรดากิจกรรมต่าง ๆ ในการจัดค่ายแต่ละครั้งจะถูกนำมาตีพิมพ์ลงในวารสาร  การขยายผลจากกิจกรรมที่ดำเนินการต่อเนื่องจากค่ายต่าง ๆ ถูกนำมาเผยแพร่ แสดงออกซึ่งคุณธรรมความดี จิตอาสา ของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ เรื่องราวเล็ก ๆ น้อยๆ ที่นักเรียนแต่ละคนแต่ละกลุ่มได้ไปปฏิบัติ ถือเป็นคุณความดีที่สามารถร้อยเรียงเป็นบทความ เป็นสารคดี ที่นำไปสู่การเผยแพร่ในวารสารได้ เช่น การไปช่วยคุณป้าท่านหนึ่งเลี้ยงสุนัข  การไปเยี่ยมคนชรา คนพิการเพื่อให้กำลังใจ เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ได้รับการเผยแพร่ เพื่อนนักเรียน ครูอาจารย์รวมถึงผู้ปกครองและชาวบ้านในชุมชนได้รับรู้จึงก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ ความมั่นใจที่จะทำความดีต่อไป เรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บางคนอาจมองไม่เห็นว่าคือความดี แต่วารสารลายสือเส้นสีรุ้งได้ทำหน้าที่เก็บเอามุมมองที่มีค่ามานำเสนอ

                ในด้านของผู้ปกครองบางครั้งก็ไม่เคยรับรู้ถึงกิจกรรมที่ลูกหลานของตนได้เข้าร่วมกับทางโรงเรียน บางท่านไม่เคยได้รับรู้ว่าลูก ๆ ได้ไปทำอะไรมาบ้าง ระหว่างการตรวจเยี่ยมเพื่อประเมินโครงการของโรงเรียนในเครือข่ายแห่งหนึ่ง ผู้ปกครองได้อ่านงานเขียนบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารของบุตรสาว เกิดความประทับใจถึงกับน้ำตาคลอ เปี่ยมไปด้วยความภูมิใจในตัวบุตรสาว ไม่เพียงเท่านั้น วารสารดังกล่าวยังเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน หลายคนที่ไม่ใช่นักเรียนแกนนำ กล่าวว่าต้องการจะเป็นนักเขียน หรือมีโอกาสตีพิมพ์ผลงานของตนเองบ้าง หลายคนบอกว่า นี่คือช่องทางที่ทำให้เขาได้รู้จักกับเพื่อนโรงเรียนอื่น ๆ  และที่สำคัญไปกว่านั้น เราได้เห็นความสัมพันธ์อันแนบแน่นของนักเรียนในโรงเรียนเครือข่ายเหมือนดั่งคนในครอบครัวเดียวกัน

                อาจกล่าวได้ว่าหลายครั้งเรามองเห็นเด็กที่เกเร ขาดความรับผิดชอบ ขาดความคิดสร้างสรรค์ บางคนใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยไร้ค่า สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม นั่นเป็นเพราะเขาเป็นเช่นนั้นด้วยตัวเองหรือ เป็นเพราะ ผู้ใหญ่ไม่เคยมีพื้นที่สำหรับการทำความดีและสื่อสารความดีของเขาหรือไม่ เรื่องของพื้นที่นับเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทุกคน การที่คน ๆ หนึ่ง มีพื้นที่ของตัวเองที่สามารถกำหนดสถานะได้ชัดเจนนับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เด็กบางคน แม้แต่อยู่ในบ้านเขายังรู้สึกว่าไม่ใช่พื้นที่ของเขา ชุมชนบางแห่งไม่เคยมีพื้นที่ให้สมาชิกในชุมชน มิต้องพูดถึงประเทศชาติ หรือสังคมโลกที่แสนจะกว้างไกล แต่พื้นที่สำหรับคน หลาย ๆ คนกลับหดแคบจนแทบไม่มีเหลือ ในสังคมที่เต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบ พื้นที่ของเด็กและเยาวชนยิ่งหดเล็กลงทุกที เพราะเด็ก ๆ เป็นได้เพียงอนาคตของชาติ ในสังคมทุนนิยม เด็ก ๆ เป็น ผู้ด้อยค่าอ่อนแอ ไม่มีกำลังแรงงานที่จะสร้างผลผลิตให้กับนายทุนได้เหมือนผู้ใหญ่ เด็ก ๆ จึงถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่ในพื้นที่ที่จำกัด เช่น บ้าน และโรงเรียน เด็ก ๆ ในสังคมทุนนิยมไม่ควรมาอยู่ในชุมชน ท้องถนนหรือ ไม่ควรเรียกร้องอะไร มากไปกว่าการเรียน และบ่มเพาะวินัยเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ระบบการผลิตแบบทุนนิยม มิพักต้องพูดถึงสื่อสิ่งพิมพ์ในสังคมที่ถูกผลิตออกมาเพื่อสร้าง/ผลิตซ้ำ อุดมการณ์ทุนนิยม ด้วยการเสนอข่าวร้าย ๆ หรือนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่จะเป็นการควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคมให้เป็นไปตามที่ปรารถนามากกว่าเปิดให้เป็นพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ความดีงาม จึงไม่แปลกอะไรที่หลาย ๆ ครั้งการทำอะไรเพื่อเด็ก การลงทุนเพื่อเด็ก จึงถูกมองว่าไร้ประโยชน์ หรือหากจะลงทุนอะไรเพื่อเด็กก็ต้องสามารถคำนวณผลตอบแทนในอนาคตให้ได้อย่างชัดเจนแน่นอน แต่วารสารลายสือเส้นสีรุ้งไม่เพียงแต่มิอาจคิดผลตอบแทนในอนาคตเป็นตัวเลขได้เท่านั้น ในทางกลับกันทีมงานทั้งครูและนักเรียนแกนนำจากทุกโรงเรียนเครือข่ายไม่เคยคิดถึงผลตอบแทนที่จะได้รับในอนาคตเลยแม้แต่น้อย

                วารสารลายสือเส้นสีรุ้งจึงเป็นมิติใหม่ของสื่อสิ่งพิมพ์ที่เปิดพื้นที่ให้กับเด็กและเยาวชนของโรงเรียนในเครือข่ายในวงกว้าง เป็นสื่อที่เสนอแต่สิ่งที่ดี ๆ และเปิดพื้นที่สำหรับการสร้างสรรค์มากกว่าการควบคุมทำลายกัดกร่อนให้เด็กและเยาวชนต้องตกอยู่ในแนวคิดที่เป็นวาทกรรมหลักของสังคม แม้ว่าการผลิตวารสารนี้ต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูง แม้ว่าต้องใช้เวลาและความพิถีพิถันในการกลั่นกรองงาน แต่วารสารลายสือเส้นสีรุ้ง ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เป็นมากกว่าหน้ากระดาษที่เปื้อนหมึก แต่มันคือพื้นที่สำหรับการแสดงออก และสื่อสารความดีระหว่างเด็กและเยาวชน กับผู้ปกครองและชุมชนได้อย่างแท้จริง และนี่คือผลสำเร็จที่ไม่สามารถจับต้องเป็นตัวเลขหรือเป็นรูปธรรมที่เด่นชัดแต่เป็นสิ่งซึ่งเราท่านสามารถสัมผัสได้ด้วย “ใจ” เท่านั้น

คำสำคัญ (Tags): #พื้นที่ของเด็ก
หมายเลขบันทึก: 364833เขียนเมื่อ 8 มิถุนายน 2010 00:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 18:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

แนวคิดในการนำเสนอของรุ่นพี่ชัย...น่าสนใจมากค่ะ วันก่อนได้ไปฟังผลการวิจัยและการวิจัยงานวิจัย เกี่ยวกับการถอดบทเรียนเด็กเร่ร่อนซึ่งเป็นงานบุกเบิกจากอดีต ส.ว. วัลลภ ตังคณานุรักษ์ กับทีมงาน เช่น สสส. มสช. กสม. ผลการวิจัยเป็นการเปิดโลกเกี่ยวกับเด็กที่ถูกกระแสสังคมทุนนิยมเบียดขับให้ต้องออกไปเผชิญหน้าโดยลำพังที่เขาเรียกกันว่า "เด็กเร่ร่อน" จนทำให้ ครูนางและครูข้างถนนอื่นๆ ข้ามาดูแลเด็กๆ เหล่านี้ เช่น บริเวณสะพานพุทธ หรือแหล่งใต้สะพานลอย เป็นต้น อยากได้รายละเอียดเพิ่มจังเลยค่ะ เผื่อจะช่วยเอาไปขยายต่อกับทีมงานที่กล่าวมาข้างต้นได้....คนชายขอบในสังคมไทยมีมากมายเหลือเกิน ถึงเวลาที่จะให้เขาเหล่านี้มายืนในพื้นที่หนึ่งของสังคม

แหม จารย์ เอ๋ อย่าชมมาก ผมก็เขินเหมือนกันะ คริ คริ คริ ว่าแต่เรื่องข้างบนเนี่ย เป็นงานวิจัยเล็ก ๆ ที่ผมได้เข้าไปประเมินโครงการของเค้ามา แล้วก็สังเคราะห์ ออกเป็นเงื่อนไขกระบวนการที่นำไปสู่ความสำเร็จของโครงการ แต่ว่าผมถูกตัดบทนี้ออก ทั้งห้าเรื่องที่เขียนเข้าไปในรายงานการวิจัยจากหัวหน้าโครงการ โดยไม่ได้รับเหตุผลที่ตัดด้วย ก็เลยเห็นว่า เอามาเขียนลงในนี้ก็ได้ ถ้าเป็นประโยชน์กับจารย์ ก็ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท