“พี่ๆ รู้รึยังป้าถมหมดสติเข้า ICU” น้องรายงานฉันน้ำเสียงสั่น ด้วยความตื่นตระหนก ฉันเองก็รู้สึกตกใจและแปลกใจว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ป้าถมเป็นพี่พยาบาลที่เรารัก ทำงานด้วยความตั้งใจ ดูแลผู้ป่วยด้วยความอ่อนโยน ไม่เคยเห็นป้าแกหงุดหงิดโกรธใครซักที หลังจากเกษียณป้าใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างมีความสุข ป้ามีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง แต่ป้าก็เป็นผู้ป่วยที่น่ารักมารับยารพ. ประจำไม่เคยขาดยา
ฉันตามไปที่ ICU เพื่อไปดูให้แน่ใจภาพที่เห็นฉันรู้สึกใจหาย ป้าถมจริงๆ จากผู้หญิงคนหนึ่งที่คอยดูแลผู้ป่วยด้วยความรักในวิชาชีพพยาบาล มาวันนี้ป้ากลายมาเป็นผู้ป่วยเสียเอง แพทย์วินิจฉัย Right Pontine Infarction with Left Hemiplegia (สมองขาดเลือดไปเลี้ยง ร่วมกับซีกซ้ายอ่อนแรง) สภาพของป้าน่าเป็นห่วง ป้านอนนิ่งไม่รู้สึกตัว หมอเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ แขนขาซีกซ้ายอ่อนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใส่สายให้อาหารทางสายยาง ฉันเดินเข้าไปยืนข้างเตียง บีบมือป้าเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วเพียงไม่กี่ชั่วโมง ฉันพึ่งเข้าใจความเที่ยงแท้แน่นอนก็คือความไม่เที่ยงแท้นี่เอง
หลังจากป้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่า 1 เดือน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ เราวางแผนจำหน่ายร่วมกันกับหอผู้ป่วย และติดตามเยี่ยมป้าถมที่บ้าน พร้อมกับทีมกายภาพ ป้าถมนอนบนเตียงที่ญาติลงทุนซื้อมาใหม่ พร้อมกับที่นอนลมป้องกันแผลกดทับ ป้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สื่อสารรู้เรื่องพูดได้เป็นคำๆ สภาพจิตใจของป้าตอนนี้จะเป็นอย่างไรหนอ ป้าเองเพิ่งบอบช้ำจากการสูญเสียสามีเมื่อปีที่ผ่านมายังไม่ทันไร ป้าก็มาเป็นแบบนี้โดยไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ “ป้าถมเป็นอย่างไรบ้างคะ” ป้าเห็นหน้าเราเท่านั้นแหละป้าร้องไห้เสียงดัง ดังมากจนเราใจคอไม่ดี เราบีบมือป้าเบาๆ “ป้าถมอย่าร้องไห้ เห็นมั๊ยทุกคนมาช่วยดูแลป้ากันทั้งนั้นเลย เราจะมาช่วยกันนะ ป้าต้องดีขึ้น แต่ป้าต้องสู้นะคะ” ที่เราบอกป้าด้วยความมั่นใจเช่นนั้น เพราะทีมกายภาพประเมินและตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าป้าต้องไม่มีข้อติด และในระยะยาวว่าป้าน่าจะสามารถลุกนั่ง และเดินได้ตามลำดับ และที่สำคัญสิ่งที่เราสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน นักกายภาพประเมินและตั้งเป้าหมายระยะสั้นว่าป้าน่าจะ เราเห็นความรักความห่วงใยในครอบครัว ญาติๆ ทุกคนรักป้าถม ทุกคนตั้งใจฟังในการให้ความรู้คำแนะนำและตั้งใจฝึกปฏิบัติเวลาที่เราสาธิตการดูดเสมหะ การเคาะปอด การป้องกันแผลกดทับ การทำกายภาพบำบัด ญาติจะสนใจซักถามปัญหาข้อสงสัย เราติดตามเยี่ยมทุกสองสัปดาห์นานกว่า 2 เดือน โดยทั้งทีมกายภาพและทีมจิตเวช ติดตามดูแลกันอย่างต่อเนื่อง เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่เพราะทีมสหสาขาวิชาชีพที่มาดูแล แต่เรามองเห็นความสามารถของผู้ดูแลที่มีทักษะความชำนาญมากขึ้น พยายามสรรหาแต่สิ่งดีๆที่จะทำให้ป้าถมอาการดีขึ้น เรามองเห็นแล้วว่า ความรักเป็นยาวิเศษที่สุด ในยามที่เจ็บป่วยการได้รับความรัก ความเอาใจใส่ และมั่นใจว่ามีคนคอยอยู่เคียงข้างเสมอ เป็นพลังอย่างน่าประหลาดที่ทำให้ป้าถมดีวันดีคืน ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยเพราะคุณงามความดีของป้าถมทำให้ป้าได้รับสิ่งที่ดีตอบแทน ตอนนี้เราทุกคนกำลังช่วยกันปลูกต้นแคร์ (care) และคงต้องช่วยกันรดน้ำ พรวนดินดูแลด้วยความรัก เชื่อว่าซักวันเราคงได้เห็นดอกแคร์(care)ผลิบาน
ผ่านไปนานกว่า 8 เดือนป้าถมสามารถทำตามคำสั่งได้ แขนขาซีกซ้ายเริ่มมีกำลังมากขึ้น ญาติคอยพยุงให้ลุกนั่งบนเตียงได้ เริ่มตักอาหารกินเองได้ แพทย์จึงพิจารณาให้ถอดสาย NG Tube (สายยางให้อาหารทางจมูก) ดูเหมือนป้าจะมีความสุขมากขึ้นที่เห็นความก้าวหน้าของอาการตนเอง เพราะป้าเชื่อมั่นว่าตนเองจะต้องดีขึ้น การมองเห็นความสามารถของตนเองและเชื่อมั่นว่าทำได้ โดยวางเป้าหมายชัดเจนว่าป้าจะกลับมาเดินได้ เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคและส่งผลต่อพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องของผู้ป่วย วันนี้เราไปเยี่ยมป้าถมเหมือนเช่นเคย แต่เรากลับไม่เห็นป้านอนอยู่บนเตียง ด้วยความสนิทคุ้นเคยเราเดิน ตามหาป้าทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบ ฉันเลยเดินอ้อมไปหลังบ้าน ภาพที่เห็นทำให้เราสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ป้ากำลังหัดเดินโดยใช้ Walker (เครื่องช่วยเดินชนิด 4 ขา) มีญาติคอยพยุงอย่างใกล้ชิด ป้ายิ้มเมื่อเห็นเราพร้อมทั้งชูสองนิ้ว เราเดาว่าป้าคงอยากบอกเราว่า “สู้ๆสู้ตาย” ญาติเล่าให้เราฟังว่า ป้าถมแกขยันฝึกเดินโดยเกาะราวที่ลูกชายทำให้ในสวนหลังบ้าน บริหารแขนโดยลอกที่ลูกชายทำให้จากวัสดุเหลือใช้ลงทุนเพียงแค่ 30 บาท ป้าทำวันละ 300 ครั้ง บริหารขาโดยที่ปั่นจักรยานวันละ 300 ครั้งเช่นกัน ทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน น่าปลื้มแทนลูกชายจริงๆที่อุปกรณ์ต่างๆที่ทำให้สุดประหยัดแต่คุ้มค่า คุ้มราคาจริงๆ
ระยะเวลา 1 ปี 5 เดือน ป้าช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น หายใจได้ดีขึ้น จนแพทย์ลดขนาดของท่อช่วยหายใจเป็นขนาดเล็กลง ป้าสามารถพูดออกเสียงสื่อสารได้ดีขึ้นโดยป้าปิดท่อช่วยหายใจเวลาพูด ทำให้ป้ารู้สึกดีขึ้นและลดความอึดอัดคับข้องใจเวลาที่ต้องการจะสื่อสารกับใคร ตอนนี้ป้าอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกล้ามเนื้อมัดเล็กเท่านั้น คงเพราะป้าถมมีความรู้ด้านการพยาบาล ฉันมองเห็นว่าป้าใช้กระบวนการพยาบาลรักษาตัวเองตามมาตรฐานที่กำหนด ป้าสอบผ่านการพยาบาลอย่างสมภาคภูมิ เราภูมิใจในตัวป้าจริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายในการที่จะฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคต่างๆมาได้
ป้าบอกว่าวันนี้ป้าไปโรงพยาบาลมาเราก็แปลกใจก็ป้าเพิ่งไปตรวจตามนัดเมื่อวันก่อนนี่เอง ป้าหัวเราะแล้วบอกกับเราว่าป้าไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยนอนโรงพยาบาล “ไปให้กำลังใจเค้า” น่ารักและมีน้ำใจเสมอนะป้าเรา งั้นถ้าป้าหายดีเมื่อไหร่หนูจะขอป้าไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยที่ท้อแท้สิ้นหวัง ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้แบบป้านะคะ ป้าหัวเราะด้วยน้ำเสียงสดใส จนถึงวันนี้คนในบ้านมีแต่รอยยิ้มเราเชื่อว่าทุกคนภูมิใจในตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ต้องภูมิใจในตัวเองมากที่สุดคือ ป้าถม…ญาติเองก็ภูมิใจตัวเองในฝีมือการดูแลแบบมืออาชีพ …
ฉันเองก็รู้สึกภูมิใจในความสำเร็จครั้งนี้ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากทีมที่ใส่ใจดูแลอย่างต่อเนื่องและทุกคนมีส่วนเติมเต็มให้กันและกัน เราทุกคนได้ร่วมกันปลูกต้นแคร์ (Care) และวันนี้ต้นแคร์ของเราผลิดอกออกผลเป็นความสุขให้ได้ชื่นชม สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้จากเรื่องราวของป้า ก็คือความทุกข์เกิดขึ้นได้ ความสุขก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน ขอเพียงอย่ายอมแพ้…ทุกปัญหาอุปสรรคเป็นเพียงโอกาสที่เข้ามาในชีวิตให้เราได้สั่งสมความเพียรและบารมี ฉันเชื่อว่ายามใดที่ฉันรู้สึกท้อแท้ใจเรื่องราวของป้าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้มีกำลังใจต่อสู้ต่อไป…. ฉันเองต้องขอขอบคุณทุกๆคนในวันนี้ที่ร่วมทำสิ่งดีๆให้ฉันได้อิ่มเอิบใจในงานที่ทำ ทำให้ฉันได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งในคำกล่าวที่ว่าจิตเบิกบาน งานได้ผล คนเป็นสุข……แล้วอย่าลืมปลูกต้นแคร์ (Care) ดูแลคนที่คุณรักนะคะ ด้วยรักและห่วงใย จากทีม HHC …..
เห็นและอ่านแล้วนำตาคลอค่ะ..ป้าถมสุดยอด..ทีมพยาบาลเราเยี่ยมจริงๆ..ชื่นชมค่ะ
พยาบาลชุมชนค่ะ
ขอยกย่อง ชื่นชม ทั้งทีมงานhhcและป้าถม เยี่ยมที่สุดจ้ะถือ เป็นsucces story แห่งปี.ปลื้มจังง
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับป้าถม...และขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจช่วยทีมงาน HHC ให้มีกำลังใจในการที่จะดำเนินกิจกรรมที่ดีๆ แบบนี้กับผู้ป่วยที่เกือบจะสิ้นหวังต่อไปครับ