ชื่อเรื่อง: ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุโรงพยาบาลมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท
การวิจัยเชิงพรรณนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุที่มารับบริการที่คลินิกโรคเบาหวาน หน่วยงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลมโนรมย์ โดยใช้วิธีการสุ่มตัวแบบง่าย จำนวน 83 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูล 7 ส่วน คือ ข้อมูลทั่วไป ความรู้เรื่องโรคเบาหวาน พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การรับประทานยา การออกกำลังกาย ความสม่ำเสมอในการตรวจตามนัด และการสนับสนุนทางครอบครัว ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ และทดสอบความเชื่อมั่น อัลฟาครอนบาค ได้ค่าความเชื่อมั่นของความรู้ 0.795 ด้านพฤติกรรม 0.620 ด้านการสนับสนุนทางครอบครัว 0.885 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5 มกราคม 2552 - 28 กุมภาพันธ์ 2552 แล้วนำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ สถิติวิเคราะห์ได้แก่ Chi - square test
ผลการวิจัย พบว่าผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุเพศหญิงมากสุดร้อยละ 71.1 ส่วนใหญ่มีความรู้เรื่องโรคเบาหวาน อยู่ในระดับปานกลางและสูง ร้อยละ 37.3 และร้อยละ36.1 ตามลำดับ ความรู้อยู่ในระดับสูง ได้แก่ เรื่องการนำยา ลูกอม หรือน้ำตาลก้อนติดตัวไปเมื่อเดินทางไกล การออกกำลังกายนาน 30 นาที อย่างสม่ำเสมอทุกวันช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ ความเครียดมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และความรู้อยู่ในระดับต่ำ ได้แก่ เรื่องสาเหตุ ความหมายของโรคเบาหวาน อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ สาเหตุของการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ส่วนเรื่องการควบคมระดับน้ำตาลผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ ร้อยละ 65.1 ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการควบควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 ได้แก่พฤติกรรมการออกกำลังกาย แต่พบว่าปัจจัยที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการควบควบคุมระดับน้ำตาลได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ การศึกษา ระยะเวลาป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความรู้เรื่องโรคเบาหวาน พฤติกรรมการควบคุมอาหาร การรับประทานยา ความสม่ำเสมอในการมาตรวจตามนัด การสนับสนุนทางครอบครัว นอกจากนั้นยังพบว่าการสนับสนุนทางครอบครัวในเรื่อง การดูแลเกี่ยวกับการรับประทานยา และการออกกำลังกายอยู่ในระดับน้อย
จากปัจจัยที่พบ สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาคุณภาพระบบการบริการดูแลผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุ ดังนั้นบุคลากรที่รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยเบาหวาน และบุคลากรที่เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าว และพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโดยการสนับสนุนให้ผู้ป่วยที่มีความรู้ในระดับสูง ยังคงมีความรู้และความสามารถในการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง และเน้นการให้ความรู้เรื่องโรคเบาหวานแก่ผู้ป่วยเบาหวานสูงอายุที่อยู่ในระดับต่ำอย่างครอบคลุม พร้อมส่งเสริมพฤติกรรมการออกกำลังกายและสนับสนุนให้สมาชิกในครอบครัวมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือ ให้กำลังใจ รวมทั้งเป็นแหล่งพึ่งพากับผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม ดำรงไว้ซึ่งพฤติกรรมสุขภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
พยง พุ่มสุข
หัวหน้าหน่วยงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลมโนรมย์
ผลจาการศึกษาวิจัยได้ถูกนำมาใช้พัฒนาทักษะการออกกำลังกายของผู้ป่วยเบาหวานในคลินิกเบาหวานเดือนละ 1 ครั้ง
cheer up / boss
นานๆ โผล่มาที แต่แหร่ม/By Jan