การนำเสนอกระบวนการผลิตชุดการสอน ภาษาล้านนา
กระบวนการจัดทำ
1. ศึกษาค้นคว้าเนื้อหาภาษาล้านนา จากผู้เชี่ยวชาญที่จัดทำขึ้น
2. ศึกษาขั้นตอนวิธีการทำชุดการสอนและวิเคราะห์การนำชุดการสอนมาใช้ในการเรียนรู้ภาษาล้านนา
3. ขอคำแนะนำในการทำชุดการสอนจากผู้เชี่ยวชาญ
4. วางแผนการทำงาน
4.1 กำหนดวัตถุประสงค์
4.2 จัดทำแบบทดสอบก่อนเรียน
4.3 อ่านบัตรคำสั่ง แล้วปฎิบัติตาม
4.4 จัดทำแบบทดสอบหลังเรียน พร้อมคำเฉลย
5. รวบรวมข้อมูล และพิมพ์เนื้อหาต่างๆ
6. ทดลองทำ แล้วให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
7. แก้ไขและปรับปรุงข้อบกพร่อง จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ
8. ลงมือทำชุดการสอน
9. นำชุดการสอนไปทดลองใช้กับเด็กนักเรียน 3 คน
การตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ 3 คน
1. การนำผลจากผู้เชี่ยวชาญไปปรับปรุง/แก้ไขสื่อนวัตกรรมการศึกษา
1.1 ระบุชื่อเรื่อง ว่าใช้สำหรับการเรียนรู้ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา
1.2 ชุดการสอน ไม่เน้นเนื้อหามากแต่เน้นรูปภาพมากกว่าเพราะรูปภาพจะเป็นสื่อที่ทำให้นักเรียนเข้าใจได้ง่าย สำหรับเด็กประถมศึกษา
2. ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ที่เกิดขึ้น
การตรวจสอบประเมินประสิทธิภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่านโดยกำหนดระดับความพึงพอใจ 5 ระดับ คือ ดีมาก = 5 , ดี = 4 , ปานกลาง = 3 , น้อย = 2 และน้อยที่สุด = 1 และคะแนนเต็มเท่ากับ 75 คะแนน
ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 1 ให้คะแนน 59 คะแนน
ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 2 ให้คะแนน 68 คะแนน
ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 3 ให้คะแนน 70 คะแนน
นำคะแนนที่ได้ มาทำแบบวัดดัชนีความสอดคล้อง (IOC) โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนเป็น -1, 0 และ +1 และเมื่อนำมาเทียบกับคะแนนจากผู้เชี่ยวชาญข้างบน จะได้
เกณฑ์ -1 คะแนนอยู่ในช่วง 0 - 25 คะแนน
เกณฑ์ 0 คะแนนอยู่ในช่วง 26 - 50 คะแนน
เกณฑ์ +1 คะแนนอยู่ในช่วง 51 –75 คะแนน
การกำหนดคะแนนของผู้เชี่ยวชาญ
+1 หมายถึง แน่ใจว่าถูกต้อง/สอดคล้อง/ตรงวัตถุประสงค์
0 หมายถึง ไม่แน่ใจ
-1 หมายถึง แน่ใจว่ายังไม่ถูกต้อง/ไม่สอดคล้อง/ไม่ตรงจุดประสงค์
ค่าดัชนีความสอดคล้องที่ยอมรับได้ต้องมีค่าตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป
สรุป จากผลการประเมินประสิทธิภาพของสื่อชุดการสอนจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน เกณฑ์อยู่ในระดับ +1 คือ ผู้เชี่ยวชาญแน่ใจว่าถูกต้อง สอดคล้อง และตรงตามวัตถุประสงค์
สูตรการคำนวณ
IOC = Σ R/N
IOC คือ ดัชนีความสอดคล้อง
R คือ คะแนนของผู้เชี่ยวชาญ
Σ R คือ ผลรวมคะแนนของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน
N คือ จำนวนผู้เชี่ยวชาญ
การแทนค่าในสูตร
IOC = 1+1+1 / 3
= 1
สรุป การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของชุดการสอนจากผู้เชี่ยวชาญ 3 คน เท่ากับ 1
การทดลองใช้แบบ 1 : 1 กับนักเรียนจำนวน 3 คน
1. การนำผลจากการทดลองใช้ไปปรับปรุง/แก้ไขสื่อนวัตกรรมการศึกษา
1.1 เมี่อนำชุดการสอนไปทดลองใช้กับเด็กนักเรียน 3 คน พบว่าเด็กเต้นเต้นกับการทำแบบทดสอบและมีความตั้งใจทำกิจกรรมตามบัตรต่างๆแต่เด็กใช้เวลาในการศึกษาค่อนข้างนาน การแก้ปัญหาคือ ผู้สอนควรให้คำแนะนำและดูแลช่วยเหลือนักเรียนในการศึกษาชุดการสอนอย่างใกล้ชิดเพราะมีเนื้อหาและกิจกรรมค่อนข้างมาก
1.2 นักเรียนยังไม่เข้าใจคำสั่งในการทำกิจกรรม ผู้สอนควรชี้แจงให้ละเอียด ให้นักเรียนเข้าใจ
2. ค่าเกณฑ์ประสิทธิภาพของสื่อนวัตกรรมการศึกษา (E1/E2)
การนำชุดการสอนไปทดลองใช้กับนักเรียน จำนวน 3 คน โดยมีการให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน และเมื่อนักเรียนศึกษาชุดการสอนแล้ว ก็จะมีการให้ทำแบบทดสอบหลังเรียน ผลคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบของนักเรียนทั้ง 3 คน ดังนี้
นักเรียน |
แบบทดสอบก่อนเรียน |
แบบทดสอบหลังเรียน |
คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 |
6 7 7 |
9 8 9 |
คะแนนรวม |
20 |
26 |
คะแนนเต็ม |
30 |
30 |
นำผลคะแนนทำแบบทดสอบก่อนเรียนมาหาค่า E1 และนำผลคะแนนทำแบบทดสอบหลังเรียนมาหาค่า E2 (โดยค่ามาตรฐานที่ตั้งไว้สำหรับเนื้อหาที่เป็นความรู้ความจำ E1/E2 คือ 80/80 และเนื้อหาที่เป็นปฏิบัติ E1/E2 คือ 70/70 ขึ้นไป )
สูตรการคำนวณ
E1 = (Σ X/ N )/A × 100
E1 คือ ประสิทธิภาพของกระบวนการ
ΣX คือ ผลรวมของคะแนนนักเรียนที่ได้จากการทดสอบก่อนเรียน
A คือ คะแนนเต็มของแบบวัด
N คือ จำนวนนักเรียน
การแทนค่าในสูตร
E1 = (10/10) × 100
= 100
สรุป การหาประสิทธิภาพของกระบวนการ เท่ากับ 100
สูตรการคำนวณ
E2 = (Σ Y/ N )/B × 100
E2 คือ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้จากคะแนนเฉลี่ยของการทำ
แบบทดสอบหลังเรียนของนักเรียนทั้งหมด
ΣY คือ คะแนนรวมของผลลัพธ์หลังเรียน
B คือ คะแนนเต็มของการสอบหลังเรียน
N คือ จำนวนนักเรียน
การแทนค่าในสูตร
E2 = (26/30) × 100
= 86.6
สรุป ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้จากคะแนนเฉลี่ยของการทำแบบทดสอบหลังเรียนของนักเรียนทั้งหมด เท่ากับ 86.6
ดังนั้นแทนค่า
(E1/E2) = 100/86.6
= 1.15
สรุป
ค่าเกณฑ์ประสิทธิภาพของสื่อนวัตกรรมการศึกษา เท่ากับ 1.15 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.50 จึงสรุปได้ว่า ชุดการสอนได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และเข้าใจได้จริง
บทสรุป
การประเมินประสิทธิภาพชุดการสอนจากผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ท่าน เกณฑ์อยู่ในระดับ +1 คือ ผู้เชี่ยวชาญแน่ใจว่าถูกต้อง สอดคล้อง และตรงตามวัตถุประสงค์และนำเกณฑ์ที่ได้มาหาค่าดัชนีความสอดคล้องของชุดการสอน มีค่าเท่ากับ 1 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.50 จึงสรุปได้ว่า สื่อนวัตกรรมการศึกษาอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
การนำชุดการสอนไปทดลองใช้กับนักเรียน จำนวน 3 คน ได้ค่าเกณฑ์ประสิทธิภาพของสื่อนวัตกรรมการศึกษา เท่ากับ 1.15 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.50 จึงสรุปได้ว่า ชุดการสอนได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และเข้าใจได้จริง
ข้อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนาในอนาคต
จากการศึกษาชุดการสอน ภาษาล้านนาของนักเรียน 3 คน พบว่าเด็ก จึงใช้เวลาในการศึกษาค่อนข้างนาน ไม่ค่อยเข้าใจขั้นตอนในการทำกิจกรรม ดังนั้น ครูผู้สอนจึงควรให้ความดูแลผู้เรียนและให้คำแนะนำผู้เรียนถึงขั้นตอนต่างๆในการทำกิจกรรมเพื่อให้การใช้ชุดารสอนดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
อยากเห็นชุดการเรียนภาษาล้านนาจัง ถ้าว่างก็ขอความกรุณาส่งตัวอย่างมาให้ดูด้วยนะครับ จากคนเก็บฟืน