เท่าที่สังเกตจากการทำงานจริงมีบางประเด็นที่เราฟังจากผู้พูดแล้ว ไม่ค่อยเข้าใจ ง่ายๆ เลยคือ ฟังไม่รู้เรื่อง แต่บางประเด็น ยังพูดไม่ทันจบเลย เราก็พยักหน้า เข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี
สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ เรามีบางสิ่ง และไม่มีบางสิ่ง ทำให้เราไม่เข้าใจ สิ่งนั้นขอเรียกว่า เครื่องมือที่เท่าเทียม ขอยกตัวอย่างเลยดีกว่า พูดไปอาจงง เพราะผมไม่ค่อยมีความสามารถในการอธิบายเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย สักเท่าไหร
ถ้าท่านจะเข้าใจว่า การมีสติ คืออะไร สิ่งที่ท่านต้องมี (เครื่องมือที่เท่าเทียม) นั้นก็คือ รู้และปฏิบัติเรื่องการทำสมาธิ ถ้าท่านไม่รู้จักวิธีการทำสมาธิ ท่านก็จะรู้จักสติได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ผมเคยถามปัญหาเรื่องการคิดคำนวณค่าสัดส่วน ในที่ประชุม ผมพยายามเท่าไหร หลายคนก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมถาม สาเหตุหนึ่งมาจาก เขาเหล่านั้นขาดเครื่องมือที่เท่าเทียม (ยังไม่เข้าใจสถิติ) ทำให้สื่อสารกับผมไม่เข้าใจ (หรือผมพูดแล้วเขาไม่เข้าใจก็ไม่รู้) อันนี้ผมสังเกตเอาเอง
ถ้าผมอยากรู้ในสิ่งที่เข้าใจยาก ผมก็ต้องพยายามขวนขวายหาเครื่องมือที่เท่าเทียมก่อน แล้วจึงเชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้กลับไปยังเรื่องที่เข้าใจยาก
ฟังยาก แต่ เข้าใจได้ ประสบการณ์ของเราจาก การไปนิเทศที่อื่น ๆ IC กับทีมอื่น ๆ สิ่งที่ปิดกั้นคือ หลักการที่แท้จริงของแต่ละอย่างให้อธิบายและยกตัวอย่างให้เป็นรูปธรรม เช่น ทำไมเราทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ แล้วเราทำมานานแล้วทำไมไม่ติดเชื้อ แท้จริงมันมาจากหลายปัจจัย แต่สิ่งที่ประกันได้ คือ การกระทำของเราใน รพ. สต. นั้น วัดที่กระบวนการว่าหากมีผู้ป่วยมาฟ้องร้องเราว่า ติดเชื้อเราจะสามารถอธิบายขั้นตอนทุกอย่างว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้องในเชิงกระบวนการทั้งหมดเท่าที่หลักฐานทางวิทยาศาตร์มีอยู่
มาอธิบาย ว่าทำไมเราต้องทำตามขั้นตอน ทุกคนจะเข้าใจ บางทีอาจารย์จากบางสถาบัน บางท่านจะพูดภาษาเทพ ทำให้งง ต้องอธิบายและถามย้อนกลับด้วยกัลยาณมิตรจะเข้าใจเองและฟังแบบระดับลึก
ขอบคุณครับ เพื่อนขวัญตา ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว