สวัสดีค่ะ
ดิฉันก็รู้เรื่องราวบ้านเกิดตัวเองน้อยมากค่ะ
ขอบคุณที่ช่วยกระตุ้นค่ะ
มีดอกไม้มาฝาก (เพิ่งวาดเสร็จเมื่อวานเองค่ะ)
ตอนครูมาอยู่ที่หมู่บ้านเด็ก ผมยังเล็กอยู่เลย ฮ่าๆๆ แต่ดีใจได้เดินตามรอยครู ที่หมู่บ้านเด็กอบอุ่นมาก ที่สุรินทร์ ผมเคยพาชาวฮ่องกง ไปขี่ช้างที่ท่าตูม มีชาวส่วยที่น่าสนใจมาก นักศึกษาชาวฮ่องกงตื่นเต้นมากๆๆด้วยครับ ตอนนั่งช้าง เพราะบ้านเขาไม่มี
คุณณัฐรดาครับ ขอบคุณสำหรับภาพวาดงดงามของดอกไม้ที่ดูแล้วอ่อนโยน สบายใจ ผมเองเคยเรียนวาดภาพสีน้ำอยู่ระยะหนึ่ง แต่เอาดีไม่ได้โดยเฉพาภาพดอกไม้ที่ครูผู้สอนสั่นศรีษะอยู่เสมอ ที่ครูบอกว่าพอใช้ได้คือภาพสัตว์ต่างๆ ที่ผมพอจะวาดได้ละม้ายคล้ายอยู่บ้าง ว่างๆ จะถ่ายมานำเสนอแบบ "อายบ้าง แต่ขอนำเสนอ"นะครับ
สำหรับขจิต ไม่มีโอกาสได้พบกันเลย แต่ก็ยังดีที่ได้พบกันในช่องทางนี้ หากได้พบครูบาหรืออัยการชาวเกาะ ฝากบอกด้วยว่า ผมคิดถึงเสมอ
เรียนท่านอาจารย์วัลลภ
คนจังหวัดสุรินทร์น่ารักมากค่ะ ประทับใจตรงที่ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนจะเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่พอหมอ หรือพยาบาลผ่านไปพวกเค๊าจะหยุดเล่นน้ำและยืนนิ่งคล้ายๆกับนักเรียนยืนทำความเคารพครูประมาณนั้นค่ะ ยังจำได้จนทุกวันนี้เลยค่ะ (ดิฉันเคยไปอยู่สุรินทร์ปีกว่าๆ)
ผมไม่ทราบว่า "คุณยาย"(ยายเฉพาะชื่อ) ไปอยู่ช่วงเวลาไหนครับ เพราะเพื่อนที่เรียนร่วมกับผมมาแต่ครั้งมัธยมห้าที่โรงเรียนสิรินธร เข้าเรียนต่อจนจบพยาบาลและทำงานที่สุรินทร์กันเกือบ 10 คน
ชอบผ้าไหมสุรินทร์ค่ะ ผ้าไหมที่นี่ใส่สบาย เบาบาง รีดง่ายด้วยค่ะ
ไปคราวใดได้ผ้าติดมือมาทุกครั้ง
ข้าวสุรินทร์ก็อร่อยมากๆๆ
การรู้จักบ้านเกิดของตัวเองจะเหมือนกับขนตาของเราเอง ใกล้ตัว แต่มองไม่ค่อยเห็น มีรายการโทรทัศน์อยู่หนึ่งรายการชื่อว่า ทุ่งแสงตะวัน ออกอากาศวันเสาร์ เวลา 0630 ทางช่อง 3 เป็นรายการที่นำเสนอสิ่งต่าง ๆ ในชุมชนเล็ก ๆ แต่น่าสนใจมาก การนำเสนอจะผ่านทางเด็ก ๆ ในชุมชน อยากให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะครูหยุย นำไปพิจารณาเป็นต้นแบบสำหรับการเรียนรู้ของแต่ละชุมชน แต่เท่าที่เห็นน่าจะมีคนนำไปใช้เป็นต้นแบบหลายที่แล้ว ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.payai.com
ว๊าว..เพิ่งทราบว่าอาจารย์เป็นคนสุรินทร์เหมือนกันค่ะ..
วันก่อนเพิ่งได้อ่าน ร้อยเรื่อง เมืองสุรินทร์ หลายๆเรื่องก็เพิ่งทราบค่ะ..และก็ทึ่งในภูมิปัญยาชาวสุรินทร์จริงๆ..
ข้าวหอมมะลิ สุรินทร์ ดังนะคะมีแต่คนฝากซื้อค่ะ เค้าว่าหอมแล้วก็เมล็ดสวย อร่อยค่ะ..
ขอบคุณค่ะ..^^
ดีใจเช่นกันครับที่ทราบว่า ครูแอ๊ว เป็นคนสุรินทร์เช่นเดียวกัน สำหรับคุณใยไหมนั้นขอบคุณสำหรับการยกตัวอย่างรายการ "ทุ่งแสงตะวัน" ซึ่งแท้จริงแล้ว"คุณนก"พิธีกรประจำรายการนี้คือเพื่อนรุ่นน้องที่ทำรายการนี้ต่อเนื่องมานานหลายปี เป็นรายการที่สมควรเผยแพร่ให้กว้างขวางไปเรื่อยๆ และน่าจะนำมาเป็นแบบเรียนในห้องเรียนได้เป็นอย่างดี ดั่งที่คุณใยไหมได้เสนอแนะไว้
กรณีคุณแก้วที่ชอบ "ผ้าไหม"นั้น ผมมีความในใจอยู่เรื่องหนึ่งคือ หลายปีมาแล้วผมพบหญิงสูงอายุคนหนึ่งนั่งพนมมือขอทานอยู่บนสะพานลอยย่านสยาม ผมเห็นคุณยายสวมผ้าถุงเก่าๆ มีรอยขาดบางแห่ง แต่เป็นผ้าถุงไหม ผมเห็นปุ๊บก็ทราบว่าเป็นผ้าถุงเมืองสุรินทร์ จึงย่อตัวลงนั่งยองๆคุยกับคุณยายว่าทำไมมาขอทานที่กรุงเทพฯ ยายบอกว่ายากจน ขอทานได้เงินส่งกลับบ้าน
คุยกับยายหลายเรื่อง ด้วยความสะท้อนใจว่า ยายที่มีฝีมือชั้นยอดในการทอผ้า จนคนรู้จักไปทั่วไทยและทั่วโลก กลับต้องมาใช้ชีวิตเป็นขอทาน ลายเส้นที่ยายทอ หากยายสิ้นไป ลายเส้นนั้นคงสูญหายไปด้วย.........น่าคิดนะครับ
มีคำถาม ถามคนสุรินทร์ ... งานช้างที่ จ.สุรินทร์จัดกันทุกปีนั้น มีจุกเริ่มต้นมาจากอะไร ??
เอาแล้วซิครับ ถูกคุณใยไหมถามเรื่องความเป็นมาของงานสุรินทร์
จำได้ว่า ในปีที่ผมเกิด ปี พ.ศ.2498 มีควาญช้างพากันเฮโลพาช้างมารวมกันเพื่อดูสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนคือ "เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์" พูดร่ำลือกันว่าช้างวมากันเป็นร้อยเชือก เต็มไปหมด
เหตุนี้เองที่ทำให้นายอำเภอ (อำเภอรัตนบุรีหรืออำเภออะไรไม่แน่ชัด)ในจังหวัดสุรินทร์ ได้ความคิดขึ้นมาว่าควรรวมช้างมาแสดง จะเรียกความสนใจจากประชาชน นั่นคือที่มาของงานช้างสุรินทร์ครับ
ถ้าผิดก็ขออภัยแล้วจะค้นคว้าหามาอธิบายใหม่นะครับ