นายพัฒนากรดอย รายงานตัวคับ...


ทุกอย่างทำเพื่อพ่อ แม่ และน้องคับ...

     ผมเป็นเด็กบ้านนอก... บ้านนอกจริง ๆ นะคับ เพราะบ้านผมอยู่ที่อำเภอใหญ่ ๆ แต่ไกลในเมืองตั้ง 50 กว่าโลของจังหวัดเชียงราย อาจจะไม่ได้อยู่บนดอยนะ แต่ก็อยู่กลางดอยเลยล่ะ ถนนเข้าไปก็คดเคี้ยวยังกะงู หน้าหนาวทีนึงแทบจะนอนแข็งตาย เพื่อนผมเคยบอกว่า "มาบ้านแกทีไร ฉันต้องเด็ดเยี่ยวทิ้งทุกที"... 555...

     ชีวิตราชการของผมเริ่มต้นจากการบรรจุเป็นพนักงานส่วนตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก อยู่ได้แป้บ ๆ ก็ไปบรรจุเป็นข้าราชการรัฐสภาสามัญที่กรุงเทพฯ มหานคร วันที่ 24 สิงหาคม 2550 จำได้แม่นเลย เพราะเป็นวันที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปัจจุบันบังคับใช้... ชีวิตช่วงนี้ผมเป็นอะไรที่เสรีมาก ออกนอกกรอบตลอด ทำให้แม่เสียใจก็หลายครั้ง... ไม่ได้โทษว่าเป็นเพราะแสงสีหรือความศิวิไลซ์ในเมืองกรุงหรอกคับ แต่มันก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้...

     อยู่ได้ปีนึงพอดี เจอแก๊สน้ำตาจากการประท้วงของกลุ่มเสื้อสีหนึ่งเข้าไปในช่วงนั้น หนีเข้าไปในเขตวังวิมานเมฆแทบตาย (จะว่าไปนึกย้อนหลังแล้วก็ตื่นเต้นดีแฮะ) ก็เลยโดนบัญชาจากหม่อมแม่ให้ย้ายกลับไปเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่นตามเดิม อยู่ท้องถิ่นได้ไม่กี่เดือน ก็มีการเรียกบรรจุเป็นนักวิชาการพัฒนาชุมชน หรือที่พวกเรารู้จักกันในนามของ "พัฒนากร" นั่นแหละคับ...

     ตอนแรกคิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะไปดีหรือเปล่า เพราะเป็นห่วงทางบ้านด้วย แต่ก็ตัดสินใจมา เพราะอยากฝึกตัวเองให้รู้จักความอดทน ความลำบากมากกว่านี้ และที่สำคัญ ผมอยากจะเรียนรู้ด้วยว่า ระบบงานของ ก.พ. แตกต่างจากของท้องถิ่นยังไง...สู้โว้ย!

     และปัจจุบันคับ แน่นอน... ผมเป็นพัฒนากรเต็มตัว อาจจะไม่ได้เป็นพัฒนากรที่ดีอะไรมากนัก แต่ผมก็รู้สึกว่า อาชีพนี้มันทำให้ผมเป็นคนที่เต็มคนขึ้น ตำแหน่งผมไม่ได้มีพระเดชอะไรกับชาวบ้านเลย ทุกอย่างต้องสร้างขึ้นมาด้วยพระคุณ ต้องสร้างขึ้นมาด้วยมือของตัวเองโดยอาศัยศรัทธาของชาวบ้านเป็นตัวขับเคลื่อน พวกเราต้องสร้างภาคีเพื่อร่วมมือกันทำงาน... คำพูดคำหนึ่งที่ผมฝังใจมาตลอดเลยคือ มีชาวบ้านมาติดต่องานแล้วเขาไม่รู้จักใครเลย มาเจอผมก็ยกไหว้ผมแล้วบอกว่า "สวัสดีคับ ท่านปลัด"... พี่เจ้าหน้าที่ปกครองคนหนึ่งตะโกนมาเลยว่า "ไม่ต้องไหว้เขาหรอกลุง เขาเป็นแค่พัฒนากร"... คำว่า "แค่พัฒนากร" เป็นคำพูดที่ฝังใจผมมาตลอด ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องดูถูกอาชีพผม ในเมื่อเราก็เป็นข้าราชการเหมือนกัน มีหน้าที่ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทเพื่อประชาชนเหมือนกัน...

     แต่ทุกวันนี้ ผมไม่เคยน้อยใจหรือเสียใจที่ได้เป็นพัฒนากร ตำแหน่งผมไม่เคยมีใครสุขสบาย เพราะถ้าที่ไหนสุขสบายที่นั่นย่อมไม่มีพัฒนากร... ครั้งใดที่ผมเหนื่อย ผมท้อ ฝนตก แดดออก ผมไม่เคยบ่น ออกพื้นที่โดนควาย โดนหมาไล่กวดก็หลายครั้ง แต่ผมก็เต็มใจทำเสมอ เพราะผมคือ "คนของประชาชน"

     แล้วไว้คุยกันใหม่นะคับ ผมต้องเคลียร์งานต่ออีกนิดนึงแล้วตอนเย็นมีงานพื้นที่อีกแล้ว ขอความสวัสดีมีชัยจงมีแด่ทุกท่านคับ...

     แล้วเราจะพบกัน...

หมายเลขบันทึก: 361809เขียนเมื่อ 27 พฤษภาคม 2010 14:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 11:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

หนีแก๊ซน้ำตามานี่เองเลยมาอยู่ภูธร นึกว่าน้ำตาตกเพราะสาวที่ไหนซะอีก ฮิๆ

สวัสดีครับ

ประวัติการทำงานแม้จะสั้น ๆ แต่ก็น่าตื่นเต้นดีนะครับ

เชียงรายหนาวมากเลยเหรอครับ น่าไปเที่ยวจังเลยนะครับ

ยังไงก็ข้าในพระบาทเหมือนกันคงได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้นกันนะครับ....

ยินดีที่ได้รู้จักครับ ปอม ครับ

เคยอยากเป็นครูดอย (ไม่ใช่คอยดูนะ...) เพราะเคยออกค่ายที่ภูเรือ จ.เลย

อากาศหนาวมากๆๆ แต่ก็สนุกดี เพราะมีแต่ตำรวจตระเวนชายแดนมั่งที่เป็นครูอยากไปช่วยเหลือน่ะครับ

แต่จนวันนี้ก็ไม่ได้ไปเลย ได้บรรจุที่โคราชครับ...

สุดยอดมาก เมื่อไหร่ผมจะรู้สึกรักในอาชีพพัฒนากรเหมือนคุณ

ขอบคุณคับที่แวะเข้ามาให้กำลังใจ ว่าแต่คุณเอกทำงานอะไร อยู่ที่ไหนเหรอคับ? หรือว่าเป็นพัฒนากรเหมือนกัน แชร์กันมั่งดิคับ ^_^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท