ปัญหาหนักอกของคนกลุ่มหนึ่งที่เกิดจะมารักสวยรักงามเอาตอนที่น้ำหนักเกินพิกัด และพยามยามที่จะลดทุกวิถีทาง บางครั้งการลดน้ำหนักก็มาจากความเชื่อที่ผิด ๆ ในการควบคุมน้ำหนักก็ได้ เช่น อดข้าว งดของจุบจิบ งดแป้ง ขับเหงื่อ หรือโทษกรรมพันธุ์ว่าเป็นสาเหตุความอ้วน
ด้วยความห่วงใยกลุ่มคนดังกล่าว จึงได้นำบทความของ ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรมผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพยี่ห้อหนึ่ง มาให้อ่าน เพราะท่านได้เสนอแนะ แนะนำ วิธีควบคุมน้ำหนักที่น่าสนใจว่า ต้องไม่อด กินครบทุกมื้อ แต่ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบทุกหมู่ ไม่ควรงดอาหารพวกแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรต เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกายเมื่อท่านออกกำลังกาย และยังช่วยให้พลังงานสำหรับกิจกรรมในแต่ละวัน โดยเน้นอาหารมื้อเช้ามากที่สุด เพราะร่างกายต้องการใช้พลังงาน และหลีกเลี่ยงอาหารพลังงานสูงที่ไม่มีประโยชน์ในระหว่างวัน แต่เลือกเป็นชนิดที่ให้พลังงานต่ำและมีเส้นใยสูง เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ถั่ว ลูกเดือย ผักสด ผลไม้ ควรลดและหลีกเลี่ยง อาหารพวกแป้งแปรรูป เช่น ขนมปังขาว เค้ก ขนมหวานที่มีแป้งเป็นส่วนผสม
อีกประการหนึ่งความบ่อยของการกิน หรือการกินจุบจิบก็ไม่ได้ทำให้อ้วน แต่อยู่ที่อาหารที่กิน ให้สังเกตได้ว่านักโภชนาการมักแนะนำคนที่ลดน้ำหนักแบ่งอาหารออกเป็นห้ามื้อเล็ก ๆ โดยระหว่างมื้อในช่วงสายหรือบ่ายแก่ ๆ เลือกทาน แอปเปิ้ล ฝรั่ง ชมพู่ แครอท หรือ ถั่วลิสงต้ม ทานเป็นของจุบจิบรองท้อง เพื่อมื้ออาหารเย็นจะได้ไม่รับประทานมากจนเกินพอดี
สำหรับอันตรายที่มาจากความเชื่อผิด ๆ คือ การขับเหงื่อให้ออกมาก ๆ วิธีนี้แม้จะลดน้ำหนักได้ แต่น้ำหนักที่สูญเสียไปคือน้ำในร่างกาย ซึ่งมีความจำเป็นในกระบวนการเผาผลาญไขมัน อีกทั้งอาจทำให้เป็นลมหรือหมดสติได้ให้คำแนะนำว่า ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 2-3 ลิตร หรือหากเสียเหงื่อมากควรดื่มน้ำเปล่าชดเชยเข้าไป ซึ่งในช่วงลดน้ำหนักไม่ควรดื่มน้ำผลไม้ น้ำหวาน หรือ เครื่องดื่มเกลือแร่ เพราะมีน้ำตาลสูง
ส่วนความเชื่อที่ว่าความอ้วนมาจากกรรมพันธุ์ จึงไม่มีวันที่จะลดน้ำหนักได้ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน เพราะความอ้วนขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตประจำวันต่างหาก
ทีมา....เดลินิวส์ออนไลน์ ประจำวันที่ 27 พฤษภาคม พศ2553
สวัสดีค่ะ
แวะมาหาความรุ้เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีค่ะ