การนำ group process มาเป็นกิจกรรมเรียนรู้ Palliative care สำหรับ แพทย์ประจำบ้านเวชศาสตร์ครอบครัว ดูจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยเหตุว่า
เป็นการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง
การปฎิบัติจริง และนำผลไปใช้จริง ผู้เรียนสามารถเห็นผล (ทั้งด้านบวก
และด้านลบ ) ได่จริง
เริ่มจากการเข้าร่วม กิจกรรม Brain
stroming ในการประชุม Interprofessional
palliative care workshop
การทำวิจัย ของแพทย์ประจำบ้านสองคน ในเรื่อง แนวทางการสื่อสารกับครอบครัวผู้ป่วยระยะสุดท้ายด้วย Nominal group technique ในกลุ่มแพทย์และพยาบาลผู้มีประสบการณ์สูง ภายใน รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เกี่ยวกับ NGT มีบันทึกไว้ที่นีี่คะ
กิจกรรมสร้างเครือข่าย Palliative care ภาคเหนือตอนบน Focus group แนวทางการสื่อสารกับครอบครัวผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยครั้งนี้ แพทย์ประจำบ้านทุกคน ไ้ด้รับการ train (อย่างเร่งด่วน)และมอบหมายให้เป็น Faciliatator ของกลุ่ม
สำหรับ Delphi
technique นั้น
อาจใช้เป็นหัวข้องานวิจัยสักเรื่อง...เมื่อ 1
เดือนที่แล้วฉันได้ร่วมการทำ delphi ของ International
Associate of Hospice care (IAHPC) ด้วยการตอบคำถามผ่าน dynamic web
ในคำถามที่ว่า " อะไรคือทักษาะ Palliative medicine ที่จำเป็น ใน
primary care" เขาทำสองรอบ แต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 45
นาที
จึงพอได้แนวคิด ว่าการทำ Delphi
นั้นต้องมีฐานข้ิอมูลที่จะ identify interested group
สามารถติดต่อได้กว้างขวาง
แต่การคาดหวังถึงคุณภาพของข้อมูลที่ตอบกลับมาค่อนข้างยาก
โดยเฉพาะอาชีพแพทย์ พยาบาล ที่เวลารัดตัวอยู่แล้ว ดังนั้น หากจะนำ
Delphi มาใช้ใน medical research คงเป็นคำถามที่ไม่ต้องตอบยาว
แต่ท้าทายชวนถกเถียง ( แต่ก็เถียงกันไม่ได้ :>)
เอาละคะ กลับมาเข้าเรื่องกัน
ความจริงแล้วฉันและบรรดาแพทย์ประจำบ้าน ต่างก็อยู่ใน "ground zero"
เรื่อง Qualitative research ยังดีที่ได้ อ.ดร.เพ็ญประภา ศิวิโรจน์
จากเวชศาสตร์ชุมชน ช่วยเป็นโคชในการสร้างความเข้าใจพื้นฐาน
สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์ "ลองของ"
ขั้นที่ 1: การเตรียม question และ protocal
ในขั้นนี้ อาศัย Research question และ probe case เดิมจากการทำ
NGT ซึ่งเป็นการหา Who, Where, When, What and How to say
กับครอบครัวผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ขั้นที่ 2:การเตรียม Facilitator
ในขั้นนี้ ท่านอาจารย์เพ็ญประภา กรุณามาอธิบายหลักการ
วัตถุประสงค์ของการทำ focus group เท่าที่ฉันเข้าใจ facilitator
มีหน้าที่
- Control group dynamic คือ พยายามไม่ให้ Dominant พูดคนเดียว และ
พยายามกระตุ้นให้ Silent ได้พูดบ้าง และที่สำคัญ อาจารย์ฝากไว้คือ
"อย่าทำตัวเป็นครูใหญ่ของกลุ่มเสียเอง"
- Explore interesting issue โดยเป็นผู้ฟังที่ดี คอยจับประโยคที่น่าสนใจเพื่อขอให้ผู้พูดขยายความ ยกตัวอย่างให้ชัดเจน
แล้วมีการทดลองทำ Mock focus group แต่ใช้เรื่องใกล้ตัวก่อน
คือ "OPD ของภาควิชา ควรกำหนดเกณฑ์รับผู้ป่วยหรือไม่"
ซึ่งผู้ร่วมกลุ่มได้ให้ความเห็นพร้อมตัวอย่างหลั่งไหล่จนท่วมท้น
..แต่ฉันก็พบว่า ในสนามจริง ความคุ้นเคยน้อยกว่า กับลักษณะหัวข้อที่
formal กว่า ทำให้ การ control และ explore ยากขึ้นไปด้วย
ดังนั้น ถ้าย้อนกลับไปได้ ก็น่าจะ mock โดยใช้คำถามจริงด้วย
ขั้นที่ 3: ลงสนามจริง
วันที่ 21 พฤษภาคม มีกิจกรรมเครือข่าย
Palliative care ในภาคเหนือตอนบน โดยคณะกรรมการ Palliative
รพ.มหาราชนครเชียงใหม่
ตอนเช้า น้องๆ เดนท์ 8 คนมาแต่เช้าอย่างแข็งขัน
เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเรื่อง Case probe ซึ่งประกอบด้วย Case acute
severe subdural hemorage และ end stage cancer
เดิมทีคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 60 คน จะแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ๆ ละ 12
คน โดยมี faciliatator กับ note taker แต่ 3-4 วันก่อนงาน
ปรากฎว่าผู้เข้าร่วมมี 116 คนเป็นแพทย์ พยาบาล จาก 58 รพช. รพท.และ
เอกชนใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน.
จึงต้องปรับใหม่เป็น 8 กลุ่มๆ ละ 15 คน โดย facilitator เป็น note
taker ไปในตัว..เรียกว่า เป็น focus
group แบบกันเองๆ ที่ไม่ค่อยถูกหลักวิชาการนัก
ขั้นที่ 4 : Reflection
วันพุธสัปดาห์ถัดมา เปิดโอกาสให้น้องเดนท์ แต่ละคนเล่าประสบการณ์เป็น
facilitator พร้อมทั้งประเด็นที่จับได้ กำหนดให้เสนอคนละ 10
นาที แต่ไปๆ มาๆ แต่ละคนใช้เวลาครึ่งชั่วโมง มี off topic
เล่าถึงความเห็นส่วนตัวเพิ่มเติมด้วย (เพราะอึดอัดจากตอนเป็น
facilitator แสดงความเห็นไม่ได้)
สิ่งที่สังเกตคือ Facilitator น้องใหม่ ยังต้องพัฒนา Explore skill
..ฉันคิดว่าคนไทยเรามีความคิดรวบยอดที่ดี แต่ไม่ค่อยยกตัวอย่าง
หากไม่ขอให้ยก (--เป็นเหตุผลหนึ่ง ของการสอบ academic writing ,
speaking ของ TOEFL ได้คะแนนน้อย T_T)
เขียนมาถึงตรงนี้ก็ยาวแล้ว...ไว้โอกาสหน้าจะนำสรุปบทเรียน องค์ความรู้ที่ได้จาก focus group แนวทางสื่อสารกับครอบครัวผู้ป่วยระยะสุดท้ายมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไปคะ
Paper แนะำนำสำหรับ Focus group ใน medical research
2. Steinhauser KS
et al. In search of a Good Death: Observations of Patients,
Families, and Providers. Annals of Int Med 2000; 132:
825-832
ฉบับที่สองนี้ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของการใช้ focus
group ใน field palliative care
ซึ่งมีคนอ้างอิงงานนี้มากทีเดียวคะ
ไม่มีความเห็น