ศูนย์ผีบ้า : ภาพลักษณ์ที่ต้องเร่งรีบ


เราต้องเร่งสร้างภาพลักษณ์หน่วยงานของเราให้เป็นที่ปรากฏโดยเร็ว เชื่อไหมว่า การประชุมร่วมกับจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานหรือผู้ใหญ่บางคนเขายังเรียกพี่ว่า "ผอ.ผีบ้า" "ผู้ปกครองผีบ้า" อยู่เลย เรายอมไม่ได้เด็ดขาด เราต้องรีบยกมือชี้แจงทันทีว่า ท่านครับผู้รับฯของเราไม่ใช่คนบ้า เพียงแต่มีอาการทางจิต และเราภูมิใจที่ได้ทำงานตรงนี้

  ศูนย์ผีบ้า : การรับรู้

7.15 น. วันที่ 14 มิ.ย. 2549

มอเตอร์ไซค์ ไหมครับพี่ ?

ปิคอัพ ไหมครับ ?

“ส่งผมที่ สถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่ครับ มีแค่เป้ 2 ใบครับ แต่ว่าหนักหน่อยนะพี่” 

เงียบ…

วินมอเตอร์ไซค์ วินรถปิคอัพ รับจ้างต่างหันมามองหน้ากันเอาละสิ วินมอเตอร์ไซต์ทำหน้างง เหมือนไม่รู้จัก ก็ไหนผู้ปกครองบอกเองว่าสถานสงเคราะห์อยู่ห่างตัวอำเภอแค่ 5-6 กม. เท่านั้นเอง แล้วหน่วยงานราชการลักษณะนี้ ก็น่าจะเป็นที่รู้จักกันดี  

เงียบสักพัก

“อ๋อ  ศูนย์ผีบ้า  ไปกับผมครับหัวหน้า ผมไปส่ง ปิคอัพร้อยนึง ผมไปส่ง”

เสียงใครสักคนแทรกมาจากด้านข้าง พร้อมหยิบเป้วางขึ้นรถทันทีที่ผมพยักหน้ารับวินมอเตอร์ไซต์ วินรถปิคอัพ กว่า 10 คน ต่างก็ร้องอ๋อ เมื่อสิ้นเสียงของใครคนนั้นทำหน้าเหมือนจะบอกว่า ไอ้สถานสงเคราะห์ที่ชื่อยาวๆ ที่ผมพูดตะกี้ ที่แท้ก็ “ศูนย์ผีบ้า” ที่เขาคุ้นเคยนั่นเอง  

ศูนย์ผีบ้า : ภาพลักษณ์ที่เร่งสร้าง

8.30 น. วันที่ 14 มิ.ย. 2549

รู้มาก่อนไหมว่า จะได้ทำงานกับกลุ่มผู้รับฯแบบนี้ เห็นแล้วรู้สึกอย่างไร 

ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ กล่าวทักทายก่อนสรุปภาพรวม แนวคิด ทิศทางการบริหาร และความคาดหวังต่อบทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ ที่จะได้ร่วมงานในสถานสงเคราะห์  

ทำให้ย้อนกลับไปนึกถึงเมื่อวันที่ไปรายงานตัวที่กรมฯ

การเจ้าหน้าที่แจ้ง (ทีเล่นทีจริง) ว่าผู้ปกครองอยากได้นักสังคมสงเคราะห์ผู้ชายค่ะน้อง ท่านเป็นคนใจดีค่ะ อ๋อ สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งค่ะ ข่าวว่าน่าอยู่นะคะ  อ๋อ พี่ยังไม่เคยไปค่ะ 

และจะแทบจะต่อสายโดยทันทีให้คุยกับผู้ปกครองในสายวันนั้น 

จำเสียงตามสายได้ว่า…
ยินดีต้อนรับครับน้องมงคล  อายุเท่าไหร่แล้ว โสดหรือแต่งแล้ว  เออ พอดีๆ  อายุขนาดนี้ละ กำลังทำงาน ยิ่งโสดด้วย มาทำงานด้วยกันพี่ไม่รู้นะ แต่พี่คิดว่าคนได้มาอยู่ที่นี่ คนมีบุญนะ มันต้องคนมีวาสนาถึงจะได้มาทำงานที่นี่ เพราะที่นี่เป็นเมืองเก่า มาทำงานด้วยกัน ทำงานอะไรที่มันค้างอยู่ให้เสร็จๆ ก่อนละกัน จะได้ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหา เสร็จเมื่อไหร่แล้วค่อยมา ไม่ว่ากัน รายละเอียดค่อยมาคุยกันที่นี่ละกันนะ 

ผู้ปกครองกล่าวทักทายทางโทรศัพท์ในวันนั้น และอีก 2-3 หน ที่ผมโทร.ประสานกับท่าน  

ความบางตอนระหว่างการสนทนา ที่ผู้ปกครองสรุปภาพรวมในเช้าวันนั้น

มงคลรู้ไหมว่า เราต้องเร่งสร้างภาพลักษณ์หน่วยงานของเราให้เป็นที่ปรากฏโดยเร็ว มงคลเชื่อไหมว่า การประชุมร่วมกับจังหวัด หัวหน้าหน่วยงาน หรือผู้ใหญ่บางคนเขายังเรียกพี่ว่า “ผอ.ผีบ้า” อยู่เลย เรายอมไม่ได้เด็ดขาด เราต้องรีบยกมือชี้แจงทันที ว่าผู้รับบริการของเราไม่ใช่คนบ้า เพียงแต่มีอาการทางจิตเขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในกิจวัตรประวัน แม้สภาพภายนอกอาจดูไม่สะอาด ไม่เจริญหู เจริญตาบ้าง เราต้องย้ำเสมอกับใครๆ ว่าเราภูมิใจและดีใจ ที่เราได้ทำงานบริการพวกเขา เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของพวกเขา แม้เราจะเข้าใจว่า คำว่า “ผอ.ผีบ้า” จะมีความหมายว่า “ผอ. ที่ทำงานกับผีบ้า” ก็ตาม 

พร้อมกับสรุปใน ตอนท้ายว่าการทำงานกับผู้รับ เราต้องย้ำเสมอว่า “เราต้องดึงผู้รับบริการ ไม่ใช่ให้ผู้รับฯมาดึงเรา”

ศูนย์ผีบ้า : อาจต้องเร่งปรับเปลี่ยนจากข้างใน

12.30 น. วันที่ 14 มิ.ย. 2549

การสนทนาระหว่างทานข้าวมื้อกลางวัน ภายหลังประชุม 

โธ่พี่ คนแถวนี้เขาเรียก “ศูนย์ผีบ้า” ทั้งนั้นแหละ หนูมาจากสุรินทร์ มาจากกรุงเทพฯบอกรถให้จอดหน้า “สถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่”  ไม่มีรถคันไหนรู้จักหรอกพี่แต่ถ้าบอกว่าจอดหน้า “ศูนย์ผีบ้า” หรือ “ศูนย์ขุขันธ์” เขาก็จะรู้ และจอดให้ทำไงละ หนูก็บอกว่าให้เขาจอด “ศูนย์ผีบ้า” หนูไม่อยากพูดนะพี่ แต่ก็ต้องพูดแหละ จะได้เข้าใจง่ายๆ  

หัวหน้า ทำใจได้แล้วผมไปไหนมาไหน เขาเรียก “คนขับรถผีบ้า” ด่าไปหลายหนแล้วว่าไม่บ้าโว้ยแต่ก็เข้าใจครับว่าเขาหมายถึง “คนขับรถศูนย์ผีบ้า”  

เอางี้นะครับ ต่อไปนี้ ให้ใครๆ บอกรถทัวร์ว่า “จอดตรงศาลาริมทางนะคะพี่” หรือ “จอดหน้าอนามัยค่ะพี่”“น้องต้องเลิกคำว่า “จอดศูนย์ผีบ้า” และถ้าทำได้พยายามให้รถทัวร์จอดให้ตรงกับป้ายหน่วยงานของเราที่เขียนตัวเป้งๆ ว่า “สถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์”ทั้งคนรถ ทั้งคนโดยสาร จะได้เห็นและรับรู้ได้ โดยทั่วกัน”   

ศูนย์ผีบ้า : ความเข้าใจเบื้องต้น

17.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. 2549

นั่งคิดเล่นๆ ว่า

“ศูนย์ขุขันธ์” น่าจะมาจากการผสมคำด้วยความคุ้นเคยของคนในพื้นที่จากภารกิจเดิมของหน่วยงานที่คุ้นกันในชื่อ “ศูนย์ฝึกอาชีพขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ” เมื่อปี 2533 แม้จะเปลี่ยนภารกิจและชื่อมาเป็น “สถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ” ที่มีภารกิจให้การสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่งและผู้รับการสงเคราะห์ก็มีอาการทางจิตเป็นส่วนใหญ่ ในปี 2542 แต่ชื่อ “ศูนย์ฯขุขันธ์” ก็ติดปากกันเสียแล้ว ถ้าจะเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น “สถานสงเคราะห์ฯ” ก็คงยังไม่คุ้นปากและก็เหมือนจะเป็นทางการเกินไป ยิ่งถ้าจะเรียกว่า “บ้านนิคม” ก็คงไปพ้องกับชื่อหมู่บ้าน”บ้านนิคม ซอย 1” “บ้านนิคม ซอย 2” “บ้านนิคม ซอย 3” “บ้านนิคม ซอยกลาง”  “บ้านนิคม ซอย 5” และ “บ้านปรือใหญ่” 

ส่วนไอ้คำว่า “ศูนย์ผีบ้า” ก็น่าจะมาจากการสื่อสาร ภาษาปาก หรืออาจเป็นความเข้าใจของคนทั่วไปกับคนที่มีอาการทางจิตประสาทที่มักเหมารวมเรียกให้เข้าใจตรงกันอย่างง่ายว่า “ผีบ้า”  แต่ก็นั่นแหละ หนักๆ เข้า ภาพของสถานสงเคราะห์ฯ จะมีภาพลักษณ์เป็นเช่น “โรงพยาบาลจิตเวช” หรือ สถานฟื้นฟูสมรรถภาพต่อจากโรงพยาบาลจิตเวช 

ศูนย์ผีบ้า : บทสรุปสำหรับวันแรก

19.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. 2549

จากคำพูดของผู้ปกครองที่ว่า 

มงคลรู้ไหมว่า เราต้องเร่งสร้างภาพลักษณ์หน่วยงานของเราให้เป็นที่ปรากฏให้เร็วมงคลเชื่อไหมว่า การประชุมร่วมกับจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานบางคนเขายังเรียกพี่ว่า “ผอ.ผีบ้า” อยู่เลยเรายอมไม่ได้เด็ดขาด เราต้องรีบยกมือชี้แจงทันที ว่าผู้รับของเราไม่ใช่คนบ้า เพียงแต่มีอาการทางจิต  

และการรับรู้ตลอดวันแรก ทำให้สรุปหยาบๆ ในเบื้องต้นว่า 

เว็บไซต์ที่มีอยู่ขณะนี้ เห็นทีต้องเร่งปรับ รื้อทำใหม่ให้คุ้มค่าเช่าพื้นที่ พัฒนาให้เป็นเว็บไซต์ที่เป็นเครื่องมือในการบอกเล่าเรื่องราว กิจกรรม ภารกิจที่ดำเนิน พร้อมทั้งรับเรื่องราวจากใครๆ ด้วยเช่นกัน ควบคู่กับการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ในลักษณะอื่นใด

ข้อดีของโลกในไซเบอร์สเปชอย่างแรกๆ ได้แก่การทำให้รู้สึกว่าโลกแบน รู้สึกเสมอภาคกันในการรับรู้ และเหมือนว่าจะง่ายต่อการสร้างภาพลักษณ์เสียด้วยสิ !!!

พรุ่งนี้จะเรียนผู้ปกครองว่า พอจะมีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์อยู่บ้าง

จะทำเว็บไซต์ใหม่ ขอเวลาศึกษาขอบเขตสักพักแล้วจะนำเสนอโครงการพัฒนาต่อไป    

คืนนี้เงียบจัด เมื่อคืนวานยังคึกคักในเมืองหลวงอยู่เลย

แต่ดูท่าแล้วบรรยากาศการทำงานวันแรกของที่นี่น่าจะสนุกสมกับที่ บอกการเจ้าหน้าที่ไปว่า จะไม่ขอรับถ้าต้องทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ หากยินดียิ่งถ้าจะต้องทำงาน ณ ต่างจังหวัด

แต่คืนนี้รู้สึกแปลกๆ อย่างไรชอบกล  หลังบ้านพักล้อมรอบด้วยป่าชุมชน

เสียงจิ้งหรีด เสียงกบ เขียดร้องดังระงม  ปลื้มใจสุดเห็นจะเป็นแสงหิ่งห้อย จำไม่ได้ว่าเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เพิ่งมาเห็นอีกทีก็วันนี้ ตัวเป้งๆ เสียด้วยสิ

แต่ที่เฝ้ามองอยู่ตลอดเห็นจะเป็นตุ๊กแก 3-4 ตัวเป้งๆ  
คอยผงกหัว เกาะตามประตูห้องน้ำและประตูท้ายบ้าน ตัวดำซะน่ากลัว

คืนนี้ร้อนจัด น้ำบาดาลที่สูบขึ้นมาใช้ในสถานสงเคราะห์ก็กร่อยแบบน้ำแกง

พัดลมไม่มี เปิดหน้าต่างก็ไม่ได้เพราะแมลงตอมไฟ เยอะจัด  (กลัวใครมาชะโงกหน้ายามดึกด้วยสิ)

คืนนี้ขออนุญาตเปิดไฟนอน

(ฮา)

หมายเลขบันทึก: 36169เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2006 09:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มกราคม 2019 09:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อ่านแล้วได้สัมผัสชีวิตคนกับการทำงานเพื่อสังคมส่วนรวม  ชีวิตชนบทคงได้ให้การเรียนรู้ที่มีค่ายิ่งและคนทำงานแบบนี้ชีวิตเขาก็มีค่ากับคนอีกหลายๆ มากเช่นกัน

ก็นะ เป็นภาษาชาวบ้านที่เรียกตามความเข้าใจและภาพที่เขามองเห็น  "ศูนย์ผีบ้า" 

 แต่คิดว่าผู้ที่ทำงานเพื่อคนกลุ่มนี้ต้องได้บุญเยอะแน่ๆเลยเพราะพวกเค้าไม่มีใครมาเหลียวแล แม้กระทั่งคนที่เค้าเคยรัก และรักเค้า จริงมั้ย??

อืม....มันขนาดนั้นเลยหรอคะ  ต้องไปดูซะแล้วววว

555...

อ่านมาตั้งนานจับประเด็นได้ว่า...นักสังคมสงเคราะห์เรา"โสด"..ท่านว่าเองนะคะ...

...

กะปุ๋มรู้แล้วว่า...คราวหน้า...หากส่งผู้ป่วยของกระปุ๋มไป..จะประสานคุณมงคลนี่แหละคะ...ขอความราบรื่นสู่กะปุ๋มและทีมจิตเวชยโสธรด้วยนะคะ

*^__^*

กะปุ๋ม

คุณหมูน้อย

ขนาดนั้น (ที่ว่าเนี่ย) ขนาดไหนหรือครับ
ขนาด เป็นข้ออภิปรายในทางคุณวิทยา
ขนาด เป็นข้ออภิปรายที่เกี่ยวเนื่องกับบริบทของคนและความ

แต่จะขนาดไหนก็ตาม ยินดีต้อนรับครับผม

 

เคยไปเยี่ยมชมที่สถานสงเคราะ นิคมปรือใหญ่ค่ะ รู้สึกว่าผู้ป่วยเหล่านี้ น่าสงสาร  และเป็นสิ่งที่สังคมต้องให้การช่วยเหลือสนับสนุน และไม่ทอดทิ้งพวกเขา  นับถือพวกพี่ๆๆที่ทำงานอยู่ที่นี่นะคะ ทุกคนเลย  ขอให้ความเจริญ มีแด่พกพี่ๆๆที่นิคมฯ ด้วยเถิด สาธุ!!

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท