19 พฤษภาคม


วันอาภากร

เจริญพร ญาติโยม

         เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ได้มีโอกาสไปกราบพระเจดีย์ที่วัดพระมหาธาตุ ในเมืองนครศรีธรรมราช และได้มีโอกาสซื้อธงชาติและธงศาสนามาติดไว้ที่หน้าวัดควนเกยที่อาตมาจำวัดอยู่ กลับมาที่วัดก็เปิดปฏิทินไทยดูก็ได้ทราบว่า วันที่ 19 พฤษภาคม เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของกรมหลวงชุมพรฯ ด้วย ก็เลยเอาฤกษ์วันนี้เป็นวันเชิญธงทั้งสองไว้ที่หน้าวัด เพราะธงเก่านั้นสึกและเก่ามากแล้ว และบังเอิญได้รับภาพจากบันทึกของเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ด้วย

http://www.schuai.net/Gatapunyo/kromluang-chumporn.jpg

        วันนี้ก็เลยช่วยกันออกแบบขายึดเสาธง และประดับธงพร้อมติดพระยอดธงด้วยที่ยอดของแต่ละธงที่ทอนจากวัดพระมหาธาตุเช่นกัน

http://www.schuai.net/Gatapunyo/watkuankoei.jpg

ขอให้คนในชาติสำนึกในบุญคุณแผ่นดินด้วยสติ ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อลูกหลานของท่านต่อไป

เจริญพร

หมายเลขบันทึก: 360098เขียนเมื่อ 20 พฤษภาคม 2010 16:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2012 09:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เพราะกรมหลวงชุมพร มาช่วยชาตินี่เอง

เจริญพรโยม

เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ลองตั้งสติแล้วมานั่งทบทวนกันดูซิว่า แต่ละองค์กรนั้นสอบตกกันในเรื่องใดบ้าง แต่ละกระทรวง ทบวง กรม องค์กร สอบตกในวิชาอะไรบ้าง

วิชาสยามเมืองยิ้ม

วิชาเมืองพุทธ

วิชาคุณธรรมจริยธรรม

วิชาแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง

วิชาบริหารการจัดการ

วิชา…แพะ

ในทางบวกก็คงมีหลายๆ อย่างให้เห็นกันต่อไป

บริษัทสามารถไล่คนที่มีคุณสมบัติพกบร่องออกจากองค์กรได้ง่าย แต่ประเทศชาติคงไม่สามารถไล่คนในชาติออกนอกประเทศไปได้ มีแต่คนในชาติไม่อยากจะอยู่ในชาตินั้นเอง เพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแป รากฐานที่มั่นคง มีศาสนาเป็นตัวหล่อเลี้ยงจิตใจคน แต่ทุกวันนี้เราเป็นพุทธฯ กันเพียงแค่ชั้นหนังกำพร้าที่พร้อมจะหลุดลอกออกไปในยามที่สติไปเที่ยวนอกจิต พร้อมจะดึงสันดานดิบเดิมมาใช้ได้ตลอดเวลา ตรงนี้เราอาจจะสอบตกวิชาพระศาสนาร่วมกัน คงต้องยอมรับ

ทางบวกทำให้เราสามารถทบทวนแล้วหาจุดบกพร่องเพื่อประเมินผลทางการศึกษาของ เราต่อไปได้ มันคงไม่มีอะไรดีขึ้นหากจะสาดน้ำเน่าใส่กันต่อไป มันก็เพียงได้แค่คันและกลับไปเกาเพื่อให้แผลเดิมมีน้ำเลือดไหลออกมาอีก และวนเวียนเป็นวงจรติดตาย แต่ต้องกล้าที่จะยอมรับในสิ่งที่เกิดและเข้าถึงปัญหาของสิ่งเหล่านั้นไม่มาก ก็น้อย

วันนี้วันพระ…มีญาติโยมมาวัดจำนวน 12 คน อายุเฉลี่ยที่เข้าวัดวันนี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 70 ปีขึ้นไป เด็ก คนวัยทำงาน เข้าวัดได้น้อยเพราะภาระของแต่ละท่านเยอะเหมือนอาตมาก่อนจะมาบวชนี่ละ ทำให้เราห่างพระศาสนาเยอะขึ้น จะเข้าหาวัดก็ตอนแก่เฒ่านั่นละ หากทุกวันพระกลายเป็นวันหยุดแล้วคนเข้าวัด คนก็จะเป็นผู้ควบคุมให้คนในวัดต้องทำดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากขึ้น ระบบสังคมจะสร้างต้นแบบที่ดีของบรรพบุรุษเอาไว้ให้กับสังคมมากยิ่งขึ้น

เจริญพร

กราบนมัสการหลวงพี่เม้งครับกระผม

ช่วงที่ร้อน ๆ เครียด ๆ หลวงพี่ได้อยู่ในสมาธิ คงจะยิ่งทำให้ได้คิดและสงบไปพร้อมกัน

หน่วยการผลิตทางสังคมเรามีปัญหาแน่นอนครับ เท่าที่ผมสัมผัสยังไม่เห็นว่า พวกเราจะหาทางคุยกันแบบไหนให้ได้ความคิดเห็นร่วมกัน เราแตกแยกแบบไม่รู้สาเหตุที่แน่นอนครับมาไกลแบบไร้สติกันอย่างยิ่ง บางทีผมพยายามชวนให้กลุ่มคนลองมองมาที่ตัวเราเองใกล้ ๆ แทบจะกลับมามองตัวเราเองไม่เห็นเพราะโดนกระแสสังคมกลบฝังความเป็นศักยภาพของตัวตนไปหมดแล้ว

ต้องยอมรับกันว่าเรายังอ่อนแอในทางการเมืองการปกครองแบบของเรา แล้วเราก็เชื่อกันแบบงง ๆ ไม่ชัด ที่แน่ ๆ ประชาชนไทยเราเจอกับปัญหาที่ท้าทายการเปลี่ยนแปลง ก็ด้วยอำนาจทางการเงินที่มหาศาล ทำให้ความคิดเห็นร่วมแบบเดิมทำท่าจะเกิดปัญหา รฐน.ปี40 เราคิดว่าน่าจะนำมาสู่การเมืองการปกครองที่เราต่างมีส่วนร่วมที่ดีเยี่ยมชัดเจนอยู่แล้ว แต่ก็มาเข้าใจในวันต่อมาว่า เราได้มอบอำนาจให้ใครคนหนึ่งแบบผิดพลาดและมากเกินไปหรือไม่ ต่อมาเราพยายามแก้ไข แต่มันเหมือนหาคำอธิบายได้ยากเพราะเหมือนกับว่า เรากำลังหักหลังตัวเอง ปัญหาแบบนี้ การเปลี่ยนแปลงที่เร็วมาก ทำให้คนไทยเราเข้าใจในหลักการใหญ่ ๆ ที่แตกต่าง ภายใต้ความเข้าใจที่ไม่ได้มากมายอะไรนัก ในที่สุดเราทะเลาะกัน เหนื่อยนะครับ กับการติดตาม บางทีคนไทยเราสนใจการเมืองอย่างเดียวไม่พอ ต้องเรียนให้รู้ระบบอื่น ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะผมว่านะ ที่ผ่านมาเราเถียงกันเรื่องนโยบายเศษฐกิจ เป็นยาขมที่คนไทยเราเข้าใจกันน้อยนิด รวมทั้งตัวผมเองก็ไม่ได้เข้าใจในระบบเศษฐกิจการค้าเท่าไรนักหรอก ( ถึงว่าทะเลาะกับพวกประจำ )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท