ในการศึกษาวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ ผู้ศึกษาจึงมุ่งเน้นศึกษาในปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมาเบื้องต้น โดยเป็นการศึกษาในลักษณะของการพิจารณาภาพรวมของอนุสัญญาฯ กับผลกระทบของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ฉบับนี้ว่า หากประเทศไทยจะต้องเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ฉบับนี้ จะมีผลกระทบกับการโอนสิทธิเรียกร้องกับประเทศไทยอย่างไร โดยประเทศไทยจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายในแง่ของการอนุวัตรเป็นการเฉพาะออกมาให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ หรือไม่
2.1 เพื่อศึกษาผลกระทบของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศกับการโอนสิทธิเรียกร้อง
2.2 เพื่อศึกษาหลักการโอนสิทธิเรียกร้องตามอนุสัญญาว่าด้วยการโอนสิทธิ เรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศ
2.3 เพื่อศึกษาหลักการโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (มาตรา 303 ถึง มาตรา 313) และหลักการโอนสิทธิเรียกร้องตามร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจแฟคตอริ่ง พ.ศ. ...
2.4 เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนะผลกระทบของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ฉบับนี้
3. สมมติฐานการศึกษา
อนุสัญญาการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศใช้บังคับในกรณีที่เป็นการโอนสิทธิในหนี้เงินที่เป็นสิทธิระหว่างประเทศ เป็นสิทธิที่เกิดขึ้นในกรณีที่ผู้โอนสิทธิและลูกหนี้แห่งสิทธิอยู่กันคนละประเทศ โดยใช้บังคับกับเรื่องธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งครอบคลุมสิทธิเรียกร้องประเภทต่าง ๆ ทั้งที่เป็นสิทธิเรียกร้องทางการค้า และสิทธิเรียกร้องที่ไม่ใช่ทางการค้า รวมทั้ง เทคนิคการเงินใหม่ ๆ แต่การโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้มุ่งเน้นการโอนสิทธิเรียกร้องเพื่อประโยชน์ในการหาแหล่งเงินทุน หรือการทำธุรกรรมในเชิงรุกมากนัก จึงเห็นควรศึกษาถึงผลกระทบของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศกับการโอนสิทธิเรียกร้องตามหลักกฎหมายไทยที่ เกี่ยวข้อง เพื่อการเตรียมพร้อมเข้าเป็นภาคีในภายภาคหน้า ด้วยการอนุวัติกฎหมายตามเป็นการเฉพาะ
4. ขอบเขตของการศึกษา
ผู้ศึกษาจะทำการศึกษาถึงผลกระทบทางกฎหมายที่มีต่ออนุสัญญาการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศ โดยศึกษากฎหมายภายในที่เกี่ยวข้อง ที่มีอยู่ปัจจุบัน โดยจะศึกษาหลักการโอนสิทธิเรียกร้องในมาตรา 303-313 ตามประมวล-กฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นหลัก ประกอบกับหลักการโอนสิทธิเรียกร้องของร่างพระ-ราชบัญญัติการประกอบธุรกิจแฟคเตอริ่ง พ.ศ. ... และอนุสัญญาการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศ (Convention on the Assignment of Receivables in International Trade) โดยผู้ศึกษาจะไม่ศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับกฎหมายขัดกันเพราะเป็นหลักทั่วไปที่อนุสัญญาทุกฉบับรองรับไว้
5. วิธีการดำเนินการศึกษา
การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ซึ่งใช้วิธีการศึกษาข้อมูล โดยการศึกษาเอกสารทั้งชั้นปฐมภูมิ ได้แก่ กฎหมายระหว่างประเทศ บทอนุสัญญาการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศ (Convention on the Assignment of Receivables in International Trade) กฎหมายภายในประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาฯ และขั้นทุติยภูมิ ได้แก่ ตำรา บทความทางวิชาการที่เกี่ยวกับการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ วิทยานิพนธ์ และข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยแหล่งข้อมูลของเอกสารได้จากแหล่งต่าง ๆ ได้แก่ คณะทำงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน
6. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการศึกษา
6.1 ทำให้ทราบถึงผลกระทบของการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศกับการโอนสิทธิเรียกร้อง
6.2 ทำให้ทราบถึงหลักการโอนสิทธิเรียกร้องของอนุสัญญาว่าด้วยการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศ
6.3 ทำให้ทราบถึงหลักการโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (มาตรา 303 ถึง มาตรา 313) และหลักการโอนสิทธิเรียกร้องตามร่างพระราช-บัญญัติการประกอบธุรกิจแฟคตอริ่ง พ.ศ. …
6.4 ทำให้ทราบถึงผลกระทบทางกฎหมายต่อการที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคี
[8]ขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่กฤษฎีกาพักไว้ เพราะเหตุผลของหมวดการกำกับดูแลจะทำให้เอกชนขาดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและขณะเดียวกันตอนนี้ก็มีการร่างพระราชบัญญัติใหม่ขึ้นมา ชื่อว่า ร่างพระราช-บัญญัติสัญญาแฟคเตอริ่ง พ.ศ. ... ร่างฉบับน
[9]จีรภา อินทิแสง, รายงานวิจัยเรื่อง การประกอบธุรกิจแฟ็กเตอริ่งในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ (กรุงเทพมหานคร: สำนักนโยบายระบบการเงินและระบบสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง, 2543), หน้า 37.
[10]เอกสารคณะอนุกรรมการดำเนินการจัดทำข้อเสนอการแยกคดีพาณิชย์ออกจากคดีแพ่ง หมายเลข 2/2549.
[11]อันได้แก่ สิทธิเรียกร้องที่เกิดจากการซื้อขายสินค้า
[12]อาทิ แฟคเตอริ่ง ฟอร์ฟิตติ้ง
[13]เช่น Securitization (การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นหลักทรัพย์) และ Project Financing (โปรเจ็คไฟแนนช์)
[14]อนุสัญญาว่าด้วยการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศ ข้อ 5.
[15]วิลาวรรณ มังคละธนะกุล, “อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการโอนสิทธิเรียกร้องในการค้าระหว่างประเทศ,” วารสารทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ 46, 6 (สิงหาคม 2546): 4.
[16]โปรดดูรายละเอียดในภาคผนวก Article 17
[17]อนุสัญญาว่าด้วยการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศ ข้อ 16.3.
[18]เรื่องเดียวกัน, ข้อ 8.3.
[19]อนุสัญญาว่าด้วยการโอนสิทธิเรียกร้องทางการเงินในทางการค้าระหว่างประเทศ ข้อ 9.1.
[20]เรื่องเดียวกัน, ข้อ 9.2.
ไม่มีความเห็น