กรุณานำเด็กออกจากม๊อบ( พร้อมภาพ)


การชุมนุม

                            

 

 

กรุณานำเด็กออกจากม๊อบ (พร้อมภาพ)

                 ระยะหลังประเทศไทยมีการประท้วงกันบ่อยขึ้น อาจเพราะประชาชนตื่นตัวทางการเมืองกันมากหรือไม่ก็เพราะนักการเมืองใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือแสดงพลังเรียกร้องแทนตน โดยรูปแบบการประท้วงที่ได้ผลคือการขนคนจำนวนมากเข้าร่วมในลักษณะเป็น "ม๊อบ"

                 แต่สังเกตหรือเปล่าครับว่าในม๊อบต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ผู้สูงอายุ ในระยะหลังมีเด็กๆ เข้ามาร่วมด้วยในจำนวนที่มากขึ้น ทั้งม๊อบชาวบ้าน ม๊อบเหลือง ม็อบแดงหรือกระทั่งม๊อบหลากสี 

                 สิ่งที่ผมกลัวก็คือการเกิดเหตุไม่คาดหมายขึ้น เช่นมีเสียงปืนหรือเสียงประทัดดังขึ้น คนจะแตกตื่นและวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เด็กๆ ที่อายุน้อย ประสบการณ์น้อยจะโดนเหยียบตายหรือบาดเจ็บไปตามๆ กัน (ส่วนการเลียบแบบพฤติกรรมจากผู้นำม๊อบที่หยาบคายนั้นก็ห่วงเช่นกัน แต่ก็ยังไม่หนักหนานัก)

                 เช่นนี้เอง  วันนี้เมื่อมีการปะทะกันรุนแรงที่ราชประสงค์ ผมจึงร้องผ่านไปยังสื่อมวลชนทั้งหลายให้ส่งข่าวไปถึงผู้นำม๊อบ ขอให้ส่งเด็กๆ ออกมาอยู่กับผมและครูที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ที่นี่มีบ้านสองหลังแยกเป็นสำหรับเด็กหญิงและเด็กชาย เด็กหญิงอยู่ที่หลักสี่  เด็กชายอยู่ที่รังสิต ที่นี่มีประสบการณ์สูงในการดูแลเด็ก พร้อมจะดูแลให้เป็นอย่างดีจนทุกอย่างยุติลง ค่อยมานำเด็กกลับบ้านไป

                 ตัวอย่างกรณีนี้ ขอถือโอกาสบอกบรรดาแกนนำของทุกกลุ่มในประเทศไทย ขอความกรุณาอย่าให้มีการนำเด็กเข้ามาร่วมชุมนุม และหากจะไม่นำผู้สูงอายุเข้ามาร่วมด้วยก็จะเป็นสิ่งที่ดียิ่ง

                 ผมหวังว่าข้อเรียกร้องนี้ จะได้รับการพิจารณาบ้างนะครับ

 

หมายเลขบันทึก: 358877เขียนเมื่อ 15 พฤษภาคม 2010 14:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม 2012 21:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (35)

เรียนท่าน ครูหยุย

...ดิฉันหวังว่าเหตุการณ์ เลวร้ายของบ้านเมืองเรา จะผ่านพ้นไปด้วยดี และกลับมา เป็นเมืองที่น่าอยู่ดังเดิม

ยุทธนา บุรินทร์สุชาติ

เรียนครูหยุ๋ย ครับ

ฟังครูหยุ๋ยแล้วเห็นด้วยอย่างมากครับ

เพราะตอนนี้เหตุผลที่เราน่าจะดึงออกมาเป็นเหตุผลที่ดีมากๆๆๆๆ ไม่มีเหตุผลอันใดจะมารั้งเด็กไว้ที่ม็อบ

สนับสนุนเต็มที่ครับ ถ้าครูต้องการพลังคนรวมตัวไป คุยกับแกนนำนปช ขอร่วมไปด้วยนะครับ เดี๋ยวหาเพื่อนไปด้วยอย่าทำให้เด้กเป็นตัวประกัน

ใครจะดี จะเลว ใครจะทำอะไรก็ช่าง การนำเด็กออกมาข้างนอก ดีที่สุดแล้วครับเพราะ หลีกเลี่ยงอันตราย ไม่นำเด็กไปอยู่ในภาวะวุ่นวายของเมือง

จัดทริป พาเด้กเสื้อแดง ออกไปเที่ยวห้าง สวนสยาม สวนสนุกก้ได้นะครับ มีเพื่อนช่วยดูแลได้ครับ

พรุ้งนี้ คืบหน้ายังไง เมลบอกด้วยนะครับ

หมูครับ 0816851454

เรียนอาจารย์ค่ะ

เห็นด้วยกะที่อาจารย์ให้สัมภาษณ์ค่ะ เราใช้วิธีน้ำซึมบ่อทรายได้ไหมค่ะ ใช้ความรักที่มีของแม่ได้ไหมค่ะ

คงไม่มีแม่คนไหนอยากให้เกิดอันตรายกับลูกของตัวแน่นอน เราใช้วิธีให้คนเข้าไปแล้วพูดบอกกลุ่มผู้หญิง

ให้เค้ารู้ได้ไหมค่ะ ว่าที่ๆ เค้าอยู่น่ะมันจะเกิดอันตรายกับตัวลูกของเค้า ไม่ใช่ตัวเค้า เพราะไม่มีอะไรมารับประกัน

ได้ว่าจะไม่โดนลูกหลง ถ้าเค้ารักลูกก็ให้พาเด็กออกมา ค่อยๆ ดึงออกมาทีละคน 2 คนได้ไหมค่ะ

การนำเด็กออกมาอย่างเดียวก็ยาก ถ้าใช้วิธียิงนกนัดเดียวได้ 2 ตัวคือดึงทั้งแม่ทั้งลูกได้ไหมค่ะ พยายามบอกให้เค้า

รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แกนนำเค้าไม่สนแน่เลยค่ะ ยากแน่ๆ เชื่อคนรักลูกตัวเองทั้งนั้น การที่เค้าไม่คิดเพราะตรงนั้น

มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้เค้ากลัวได้ เพราะไม่เห็นแต่ถ้าเค้ารู้สถานการณ์ข้างนอกแล้วเค้าน่าจะรับรู้ว่าเค้ากำลังจะต้องพา

ลูกของเค้าออกมาให้พ้นได้แล้ว เอาออกมาก่อนแล้วว่ากัน อย่าไปอาศัยแกนเลยค่ะ เสียเวลาเปล่า รีบทำดีกว่า ยิ่งช้ามันก็

จะไม่ทันกาล เพราะลูกปืนที่ยิงไปมันไม่เลือกว่าเด็กหรือใคร ลูกหลงวิ่งไป รับประกันอะไรไม่ได้เลย เห็นใจแต่ไม่รู้จะช่วย

อย่างไร ก็ออกความคิดเห็นนะค่ะ เอาใจช่วยค่ะ อาจารย์อย่าเพิ่งท้อไปก่อนนะค่ะ

ยุทธนา บุรินทร์สุชาติ

*** เด็กๆ เกิดความแตกแยกจาก ม้อบนี่แหละครับ หยุดให้เด้กอยู่ในม็อบตลอดไปเลยครับ สร้างพื้นฐานผิดๆ เสี่ยงกับอนาคตของชาติครับ

ผู้ใหญ่ที่ดี ไม่ควรนำเด็กๆ ไปในสถานที่การชุมนุมไม่ปลอดภัยอย่างนี้ครับ

ขอบคุณครูหยุ๋ยมากครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะครู ขอบพระคุณด้วยจิตคารวะ

อาจารย์คะ

ชาวอิสานไปไหน ต้องพาลูกไปด้วย

ถ้าจะให้เด็กออกมา แม่ต้องมาด้วยค่ะ

ผมคิดว่าถ้าเหตุผลนำลูกออกมาเพราะกลัวลูกอันตราย เดี๋ยวแม่ก็ตามมาเองแหละ แล้วใช้เหตุผลที่ว่า กลัวลูกอันตรายให้แม่พาลูกมาส่ง ( แม่คงอยากออกมา แต่ไม่มีข้ออ้างนะ )

วันนี้ ผมรู้สึกดีใจพอสมควรสำหรับเรื่องนี้ เพราะอย่างน้อยกลุ่มแกนนำได้ประกาศให้เด็ก ผู้หญิงและผู้สูงอายุ ที่สมัครจะหลบอันตรายนั้น ให้ไปอยู่ที่ "วัดปทุมวนาราม"พร้อมแถลงข่าวว่าจะไม่ใช้เด็ก สตรีและผู้สูงอายุเป็นโล่ห์มนุษย์อย่างแน่นอน

เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมได้ประสานเพื่อนพ้องคนทำงานด้านเด็กและด้านครอบครัวในองค์กรต่างๆ ให้เตรียมเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลเด็กๆ และผู้สูงอายุทั้งหลายภายในวัด ประสานและเตรียมคนพร้อมแล้ว เหลือเพียงการประสานกับแกนนำว่า จะให้เจ้าหน้าที่ของอค์กรต่างๆ เข้าไปดูแลได้ด้วยความปลอดภัยเช่นไร

จึงแจ้งความคืบหน้ามาให้ท่านทั้งหลายได้ทราบครับ

รับทราบครับ มีอะไรขาดเหลืออะไรให้ช่วย post ทางหน้า FACEBOOK ได้เลยนะครับ ดีใจด้วยคนครับ

เช้านี้ การลงพื้นที่แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนแรกทีมของอาจารย์โคทม อารียา จะลงพูดคุยแนะนำให้เด็กและผู้สูงอายุ รวมถึงผู้หญิง ได้รู้ว่าไปอยู่ที่วัดนั้นจะปลอดภัยกว่าอยู่หน้าเวที อีกทีมเป็นทีมของสภากาชาดไทยและองค์กรด้านเด็ก จะเข้าไปดูแลผู้คนในวัด เพื่อให้อยู่กันในสภาพที่ดีขึ้นและวางแผนดำเนินการในด้านอื่นๆ ภายในนั้นให้อยู่กันได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับการเดินทางเข้าไปนั้น น่าจะหมดปัญหาลง เพราะได้ทีมผู้การแต้มที่เข้าออกประสานระหว่างตำรวจกับแกนนำอยู่บ่อยๆ เป็นผู้ประสานนำเข้าไปครับ

มีอะไรคืบหน้า ผมจะเล่าสู่กันฟังต่อไปนะครับ

ขอบคุณมากนะคะที่เป็นผู้นำในเรื่องนี้
เห็นเด็ก คนแก่ และสตรีที่นั่งอยู่หน้าเวทีการชุมนุมไม่สบายใจเลยคะ
ประทับใจที่ครูหยุยได้ทำหน้าที่ตรงนี้ แม้พวกเขาจะหลบมาอยู่ในเขตวัดส่วนหนึ่งก็ยังดี
ยังเหลืออีกส่วนหนึ่งที่ยังสมัครใจอยู่หน้าเวที น่าสงสารพวกนี้คะ

ดีใจครับที่เด็กๆอยู่ในส่วนที่ปลอดภัย อยากไปช่วยดูแลด้วยจังครับ อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำดีแก่ประเทศชาติ ไมมากก็น้อยนะครับ

มีอะไรให้ ช่วย แจ้งมาเลยนะครับ อยากช่วยนะครับ

ตามที่มีการเคลื่อนย้ายสตรีเด็กและคนชราไปที่วัดใกล้ที่ชุมนุม

เมื่อวานนี้พอตอนบ่ายแกนนำก็เรียกสตรีเด็กและคนชรากลับไปที่ชุมนุมอีกครั้งคะ

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 เป็นตัวแทนของคณะทำงานด้านเด็ก และมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก ลงไปกับทีมงานของสภากาชาดไทย และโรงพยาบาลตำรวจ สิ่งที่ลงไปดำเนินการ (1) ลงไปแจกสิ่งของให้กับเด็กและครอบครัว (2) ไปตรวจร่างกายและดูอาการเจ็บป่วยของเด็กและครอบครัวพร้อมกับการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล (3) ลงไปสำรวจสภาพแวดล้อมที่พักที่นอน ของเด็กและครอบครัว ที่มาอยู่ในเขตอภัยทานวัดปทุมวนาราม

โดยแยกเป็น  2 กลุ่มใหญ่

 (1)กลุ่มเด็กเล็ก ที่อายุตั้งแต่ 7 เดือนไม่เกิน 6 ปี  จำนวนประมาณ 20 คน ที่ติดตามพ่อหรือแม่มา

 (2) กลุ่มเด็กที่ต้องไปโรงเรียน และเป็นเด็กต่างจังหวัด จำนวน ประมาณ 30-40 คน ที่เล่นอยู่ในวัดหรืออยูตามเต็นท์ต่างๆ

(3) กลุ่มเด็กที่อยู่ในชุมชนของกทม.  มีจำนวน 10-20 คน ที่ตามพ่อหรือแม่มาอยู่ในวัด มีเด็กบางคนที่กลับไปชุมชนของตนเองก็มีบ้าง

      สิ่งที่พบปัญที่เกิดขึ้นกับเด็ก  เด็กเจ็บป่วยตั้งแต่มีไข้ มีผื่นแดงทั้งตัว เต็มตัวไปด้วยตุ่มแดง  เด็กขาดที่เล่นอย่างปลอดภัย

เรียนครูหยุ๋ย ครับ

ไม่ทราบว่าผู้ชุมนุมที่เป็นสตรี เด็ก และผู้สูงอายุส่วนใหญ่ทราบถึงสถานการณ์ต่างๆ ในพื้นที่โดยรอบราชประสงค์และความปลอดภัยในการออกจากพื้นที่ชุมนุมหรือไม่ ผมเกรงว่าผู้ชุมนุมหลายคนอาจมีความสับสนในข้อมูลข่าวสารต่างๆ การได้รับข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์อาจช่วยให้ผู้ชุมนุมได้รับข้อมูลข่าวสารรอบด้านและทันต่อเหตุการณ์ โดยเฉพาะเด็ก สตรี และผู้สูงอายุที่เข้ามาพักพิงในเขตวัดปทุมวนาราม ทั้งนี้ผมก็ไม่ทราบว่าภายในวัดได้มีการดำเนินการตรงจุดนี้แล้วหรือไม่อย่างไร ซึ่งถ้าอาจารย์เห็นว่าน่าจะมีการช่วยเหลือเพิ่มเติมในประเด็นนี้ ผมก็พร้อมที่จะช่วยในการจัดหาโทรทัศน์เพื่อนำไปบริจาคให้ทางวัดปทุมวนารามเปิดให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ภายในครับ

แล้วครูหยุยคิดว่าเราจะจัดการอย่างไรดีกับพ่อแม่ที่หลงผิดและไม่รู้ผิดชอบชั่วดีที่เอาเด็กชูเหนือกองยางในพื้นที่ปะทะ เพื่อเป็นโล่ห์มนุษย์คะ..เด็กไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เค้าได้รับความหวาดกลัวขนาดนี้แล้วโตขึ้น จิตใจเค้าจะเป็นอย่างไร

ยุทธนา บุรินทร์สุชาติ

*** มีอะไรให้ช่วยไหมครับ อยากช่วยครับ

ตอนนี้อันตรายมากครับ เคอรฟิว 20.00-06.00 คืนนี้ครับ เด็กๆ เป็นยังไงบ้างครับ เสียใจที่ช่วยอะไรไม่ได้

ทราบจากข่าวว่าพรุ่งนี้่จะมีกลุ่ม NGO ลงไปพูดคุยกับผู้หญิงที่อยู่ในวัดเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ ไม่ทราบว่าถ้าอยากช่วยจะติดต่อได้ที่ไหนคะ

ตีห้าเศษๆ เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาด้วยเสียงเร่งร้อนว่า มีเพื่อนของเธอและคนอื่นๆ อีกร่วม 100 คนติดอยู่ที่ศูนย์การค้าอัมรินทร์พาซ่า ด้วยเหตุผลได้ยินเสียงปืนและกลัวว่าทหารจะเข้ามาจัดการ (เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในที่ชุมนุมจะได้รับการบอกเล่าเช่นนั้น) เธอขอให้ผมเข้าไปช่วยหรือช่วยประสานหน่วยงานกาชาดไปช่วยด้วยเพราะคนเหล่านั้นไว้ใจ ผมรีบลุกโทรศัพท์ประสานผู้ใหญ่ในสภากาชาดฝ่ายหนี่งและประสานรัฐมนตรีว่ากระทรวงพัฒนาสังคมฯ ทั้งสองฝ่ายรีบจัดการประสานงานกันเร่งไปช่วยเหลือ แต่เข้าไปได้ยากมากเพราะทหารเกรงว่าจะได้รับอันตรายเนื่องจากยังมีเสียงปืนดังเป็นระยะๆ จึงรอไปเรื่อยๆ จนสถานการณ์ดีขึ้นก็เข้าไปได้และช่วยออกมาสำเร็จราวๆ เที่ยง

สำหรับวัดปทุมวนารามนั้น เริ่มงานกันแต่เช้า โดยทางสภากาชาด องค์กรด้านเด็ก องค์กรด้านสันติวิธีและกระทรวงพัฒนาสังคม รวมอยู่ที่ทำการสภากาชาดไทย ทั้งนี้เพราะฝ่ายตำรวจเห็นว่าภายในวัดนั้นมีคนอยู่มากร่วม 1,000 คน การเข้าไปทันทีน่าจะไม่ปลอดภัย ขอเข้าไปดูแลเบื้องต้นก่อน ทุกอย่างจึงดำเนินการไปตามลำดับ มีทั้งการแยกชาย-หญิง การพูดคุยทำความเข้าใจจนชาวบ้านหายตื่นกลัวและทะยอยยอมตามออกมาเรื่อยๆ จนสามารถไปขึ้นรถที่สนามศุภชราศัยแยกย้ายกันกลับไปภูมิลำเนาจนหมด

รายละเอียดมากกว่านี้ เมื่อคุณทองพูน บัวศรี ที่เป็นหลักในการลงพื้นที่กลับมาถึงมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เธอคงจะเล่าให้ฟังได้มากกว่านี้ หายเหนื่อยครับ และได้แต่หวังว่าคนไทยจะค่อยๆ เข้าใจและกลับมารักกันเหมือนเดิม

ขอให้เมืองไทย กลับมายิ้มได้เหมือนเดิม ยิ้มแบบช่วยเหลือซึ่งกันและกันเช่นเดิม

ของคุณ ครูหยุยและ ทีมงานที่ช่วยดูแลคนไทยด้วยกัน ขอบคุณวัด ปทุมด้วย

...อยากไปช่วย แต่ไม่รู้ทำยังไง .....ยังไงขอให้กลับมารักกันเช่นเดิม สยามเมืองยิ้ม ไม่ใช่สยามเมืองเถื่อนครับ

ในการทำงานครั้งนี้ ครูจิ๋วต้องเตรียมตัวเตรียมใจเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่เมื่อรัฐบาลกระชับสถานที่ชุมนุม ในเข้าวันที่ 19 พฤาภาคม 2553 ได้มีการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆมากมาย ในการที่ต้องการให้เด็กและผู้หญิงเดินทางกลับบ้าน เมื่อเวลา 14.00 น. ได้รับข่าวสารที่ว่าจะมีรถเข้าไปรับเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุไปรับเด็ก ให้ครูจิ๋วและคณะทำงานด้านเด็กไปรอที่สถานที่โรงเรียนสามเสน พระรามหก ครูจิ๋วก็ออกเดินทางทันที่ แต่เมื่อถึงกลับไม่มีเด็กเลย ทางคณะเราก็ได้ไปตั้งทีมการประสานที่สถานที่แห่งหนึ่งในการประสานงานทุกรูปแบบ จนมีกำหนดการแน่ชัดรถพร้อม คนพร้อมที่จะไปรับเด็ก แต่ขอให้ยกเลิกการเข้าไปก่อนเพราะไม่มีความปลอดภัยทั้งนั้น เป็นอันว่าวันนี้ทุกคนต้องนอนอยู่ในวัด ทางคณะที่ทำงานโดยเพาะครูจิ๋ว ต้องประสานงานไปยังพระคุณเจ้าถาวร ซึ่งท่านได้ให้ความกระจ่างพร้อมทั้งเอาอาหารแห้ง ข้าวสารมาแจกจ่ายให้ผู้ที่เข้ามาในเขตอภัยทานจำนวนกว่า 1,000 คน การประสานงานของทีมงาน ทำงานกันทั้งคืน ทุกหน่วยงาน รุ่งเช้า วันที่ 20 พฤษภาคม 2553 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปดำเนินการตั้งแต่เช้า ให้เรารออยู่ที่สภากาชาดไทย จนผู้เข้าร่วมชุมนุมมาอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พวกเรา คนทำงานได้แบ่งออกเป็น 2 ทีม ทีมที่ 1 มาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องอาหาร การเดินทางกลับ การสำรวจเด็ก ซึ่งได้ถึงผู้ชุมนุมบางส่วนเดินทางกลับไปแล้ว แต่ที่เหลืออยู่ก็จำนวนมาก ทีมที่ 2 อยู่ทีสนามศุภชลาศัย(สนามกีฬาแห่งชาติ) ซึ่งมีคุณสำญ อรุณธาดา (ครูน้อย) คุณเชษฐา มั่นคง (คุณท่อม) ร่วมกันกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ทั้งสองท่านอำนวยการสะดวกในการเดินทาง ทั้ง 2 ทีมเสร็จภาระกิจประมาณ 16.00 น. เป็นการทำงานร่วมกันได้มีโอกาเรียนรู้แลกเปลี่ยนการทำงานกันในเชิงรูปธรรม

          ภาพเด็กและครอบครัวในกิริยาบทต่างๆในขณะที่คอยการประสานงานเรื่องรถในการเดินทางกลับ  โดยเน้นการเดินทางไปแต่ลพภาค เช่นภาคเหนือไปส่งที่หมอชิต 2 ภาคอีสาน แบ่งออกเป็น 3 รอบ เรียกที่ละจังหวัดที่ใกล้กันไปร่วมกันส่งประสานต่อที่หมอชิต  ส่วนคนใชมชนก็มีการรถเมล์ส่งไปยัง หัวลำโพง สนามหลวง บางนา รังสิต ปทุมธานี เป็นต้น  แต่ทุกคนจะได้รับประทานอาหารน้ำ กับข้าวกล่องที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานไว้ให้

      เมื่อทุกท่านเดินทางกลับ ครูจิ๋วได้มีโอกาสประชุมปรึกษาหารือในการทำงานร่วมกัน เมื่อเป็นการทำงานให้คนไทยมารักกันเหมือนเดิม  ประเทศเป็นของทุกคน  ทุกคนต้องช่วยเหลือในการเป็รส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม คุณธรรมและศีลธรรม ความยุติธรรมที่เท่าเทียมกัน

....ติดตามข่าวเรื่องนี้ตลอดครับ ขอบคุณครัจิ๋ว ครูหยุยด้วยที่ทำให้สังคมไทยน่าอยู่...

เหตุการณ์คราวนี้สำหรับประเทศไทย นับเป็นบทเรียนราคาแพงมากและต้องใช้เวลาเยียวยา ประสานจิตใจกันอีกนาน

แต่สำหรับเรื่องเด็กๆ ในม๊อบนั้น ผมกำลังเตรียมนำเรื่องเข้า "คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ"ที่ผมร่วมเป็นหนึ่งในกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ โดยจะขอให้มีการกำหนดขั้นตอนสำหรับเจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติการ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ดังนี้

1.เมื่อมีการชุมนุม เจ้าหน้าทีจะต้องลงสำรวจว่ามีการนำเด็กเข้ามาร่วมชุมนุมหรือเปล่า

2.หากมี ให้เข้าหารือกับผู้นำการชุมนุมและแจ้งให้ทราบว่าการนำเด็กเข้าร่วมชุมนุมนั้น ผิดกฎหมายคุ้มครองเด็กและขอให้ผู้ปกครองนำเด็กออกจากการชุมนุมไป

3.หากยังไม่นำเด็กออกไป เจ้าหน้าที่ต้องเข้าพบผู้ปกครองเด็กและเจ้งให้ทราบว่ากำลังกระทำความผิดอยู่ ให้นำเด็กออกไปจากการชุมนุม

4.หากยังฝ่าฝืนอยู่อีก เพื่อความปลอดภัยของเด็ก เจ้าหน้าที่ต้องร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ขออำนาจศาลคุ้มครองเด็กเป็นการชั่วคราว

ขั้นตอนโดยสรุปเช่นนี้ จะช่วยสร้างมาตรฐานให้สังคมและผู้ปกครองเด็กได้ทราบว่า การนำเด็กเข้ามาร่วมอยู่ในการประท้วงนั้น ผิดกฎหมายเพราะเด็กเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายมาก

...เห็นด้วยครับ เกี่ยวกับข้อกฎหมายนี้...

อยากเพิ่ม กฏหมาย ใครทำลาย เผา อาคารราชการ และ โรงเรียน มีโทษหนักมากกว่าปัจจุบัน เป็นคดี ความมันคงประเทศไปเลย ..

เวลานี้น่าจะเหมาะที่จะเล่าเรื่องสั้นๆ ให้ฟังเกี่ยวกับเด็กในม๊อบครับ เรื่องของเรื่องคือในคืนวันที่ผมไปออกรายการที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอฟ ถึงแนวคิดการขอร้องให้แกนนำม๊อบนำเด้กออกจากพื้นที่ เชื่อหรือเปล่าครับว่าพ่อแม่เด้กที่นำเด้กไปร่วมในม๊อบจำนวนหนึ่งที่ได้หลบเข้าไปอยู่ที่วัดปทุมวนาราม เพิ่งได้มีโอกาสดูรายการโทรทัศน์ช่องนี้ (ปกติช่องไหนๆ ก็ไม่ได้ดู ฟังแต่แกนนำม๊อบอภิปรายบนเวทีเท่านั้น) พ่อแม่คู่หนึ่งได้ฟังผมพูดและจำได้ว่าพวกเขาตอนเป็นเด้กเคยอยู่อาศัยที่มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก จึงตัดสินใจพาเด้กออกจากม๊อบมาในเช้าวันต่อมา (ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขาเล่าให้ผมฟัง เมื่อมาพบผมที่นี่)

ขณะนี้เด็กคนนี้ยังอยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ ครับ

สุดยอดค่ะ พี่หยุย ครูจิ๋ว

โอนเงินไปให้แล้วค่ะ เรื่องทุนการศึกษาสำหรับทุกประเภทนะคะ

แล้วจะส่งเอกสารธนาคารไปให้ค่ะ ส่งไปทางกสิกรไทยค่ะ

เอ...แล้วพี่เราจะเปิดอีเมลล์ไหมเนี่ย....

อ.แหวว แปลกนะ...อยู่ใกล้ เป็นกรรมการร่วมกันหลายชุด แต่เหมือนไกลจังเลย คงเพราะไม่ค่อยได้เจอกัน

เดี๋ยวคนก็รู้หมดซิว่า ข้าพเจ้าโดดประชุม

ท่านที่ผ่านมาอ่าน ผมติดสอนนะครับ

ไงๆ ก็พยายามหน่อยนะครับ ทั้งได้สอนและได้ประชุมนะครับ อ.แหวว ที่คิดถึงเสมอ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท