ปริญญาสองใบ
ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราว มาก
คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก
ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร
มาเรียนที่อเมริกา
เป็นคน เพอร์เฟคชั่นนิส
ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน
ล้าง เสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู
ว่า สะอาดจริงมั้ย
กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย
ต้องให้ดีที่สุด
เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ เขียนไว้สามแผน
แกเสนอแผนที่สอง
แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม
ใคร ไปดีลงานกับแกติดทุกราย แกมีบ้าน
มีรถ มีลูก มีภรรยา มีธุรกิจ
มีชื่อเสียงทุกอย่าง แกมีทุกอย่าง
วัน หนึ่งแกพักผ่อน
หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย ลุกเมียไปขอพบ
บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต
วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป
ภรรยาพาเข้าโรงบาล ตรวจพบมะเร็ง
เค้าก็เตือนตลอด
แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจ มันก็แก้ไม่ได้
แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
บันทึกชีวิตแก
ก่อนจะเสียชีวิต แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว
กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก
ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า
พ่อผมเคย บอกว่าเกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ
ปริญญาใบที่หนึ่ง 'ปริญญาวิชาชีพ' เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม นอนอุ่น
พูดง่าย ๆ
ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้ อยากจะ นอนมีบ้านเป็นของตัวเอง
แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ แต่ 'ปริญญาวิชา ชีวิต'
ปริญญาใบที่สอง 'ปริญญาวิชาชีวิต คือวิชาธรรมะ
สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง
ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้
แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง
ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ
แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก เพราะอะไร
เพราะทำงานจนป่วยตาย
ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้ เตรียมทุกอย่าง
บ้าน รถ มอบมันให้กับลูกและภรรยา
แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา
สิ่ง นั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้
สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของ ขวัญให้กับลูกและเมีย
เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย
นี่คือปริญญา วิชาชีวิต
ธรรมะเราจะต้องมี ถ้าเราไม่มีธรรมะ
เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง
ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้ว สุขภาพไม่ดี
ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว
แต่ละวันควรจะมี ให้ดูแลตัวเอง
ดูจิต ดูใจตัวเอง ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์
มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า
แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ เกินไปหรือเปล่า
พยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ
เพื่อที่ว่าอะไร
เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต
หนึ่ง ปริญญาวิชาชีพ
เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง
มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่
แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง
คือวิชา ธรรมะ
สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง
ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป
ทำ อะไรให้พอดี พอดีอยู่ดีมีสุข
อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว อยากพักให้ได้พัก
อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
ลูกหลานมาหาก็ ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง
อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด
เพราะอะไร
เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา
เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า
ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่าที่สุด บางคนก็ตอบเงิน
บางคนก็ตอบเพชร บางคนก็ตอบทอง
บางคนก็ตอบอำนาจ บางคนก็ตอบราชบัลลังก์
พระ พุทธเจ้าบอกไม่ใช่ สิ่งสูงค่าที่ สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต
สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
คนที่สุขภาพดี ดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ
และก็ชีวิตของเรา
ที่มา forward mail
ความเห็น (8)
ค่ะปัจจุบัน ปริญญาวิชาชึวิต สำคัญมาก หากเรียนได้ปริญญาวิชาชึพมาแต่ร่างกายเจ็บป่วย ก็ทุกข์กาย ทุกข์ใจ ไม่ได้ทุกข์คนเดียว พ่อแม่ญาติ พี่ น้องทุกข์ใจไปด้วย ยิ่งถ้ามีลูก สามีหรือ ภรรยา ก็ยิ่งทุกข์หนัก อาหารให้ถูกต้อง การพักผ่อนให้ถูกเวลา การออกกำลังกายบ้าง ไม่เครียด ฯสำคัญมากในชีวิตของทุกคน ไม่ควรมองข้ามหรือละเลย นะคะ ก่อนที่ดร.อภิวัฒน์ จะเสียชีวิต ได้ดูรายการที่ดร.มาออกรายการ เล่าการทานอาหาร การออกกำลัง ฯปฏิบัติเพื่อให้ชนะเจ้ามะเร็ง แต่ก็ไม่พ้น เสียดายคนเก่ง ที่ต้องจากไปมาก
บัวผัน
บัวด้านซ้ายมือชื่ออะไรคะ แปลกดีจังค่ะ
อย่างอื่นเป้นของนอกกาย ขอใช้ชวิตให้มีความสุขทุกวันดีที่สุดค่ะ
ต่อให้จบปริญญาอะไร ถ้าใช้ชีวิตไม่เป็น ขาดคุณธรรมก็ไม่มีคุณค่าค่ะ
Baby
- สวัสดีค่ะคุณPHATCHA
- ตอนที่ดูข่าวก็ตกใจเหมือนกันแต่รู้สึกว่าผอมลงไปในระยะหลัง
- เราต้องรู้เท่าทันตนเองว่ากำลังทำอะไร รับไหวหรือไม่ ทุกข์แล้วทำให้หายได้อย่างไร...
- ขอบคุณที่แวะไปทักทายนะคะ
สวัสดีค่ะพัดชา หายเงียบไปหลาย
คิดถึงเมนูอร่อยๆ นะคะ อิ อิ
มีความสุขกับการงานวันนี้ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาทักทานเช่นกัตค่ะคุณ 
Kanchana
ใกล้สิ้นเดือน พ.ค. แล้วยังยุ่งมาก ๆ อยู่เลยค่ะ
คุณปูสบายดีนะคะ ขอให้มีความสุขกะการทำงานเช่นกันค่ะ