ตกเย็นวันแรก แม่มะก็พาพวกเราไปที่ร้านอาหารทะเลประจำอำเภอท่าศาลา ห่างจากมหาวิทยาลัยไปกระตี๊ดเดียว
ร้านนี้เราเคยมากินแล้วตั้งแต่ตอนคราวที่แล้ว ที่เกิดกรณีกระบวนกรคนหนึ่งของเราอุตส่าห์เดินทางเอาหน้า (ที่ใหญ่โต) มาทำแตกกระจายแถวภาคใต้นี่เอง
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า (ไหนๆก็อารัมภบทมาเพื่อจะนำเรื่องมาขายแล้ว อิ อิ ต้องบันทึกเป็นหลักฐานแบบถาวร) พวกภาคเหนือมาใต้ทีไร ก็จะโหยหาของที่อยากกิน ได้แก่อาหารทะเล นัยว่าแถวโน้นขาดไอโอดีน แทบจะต้องกินทิงเจอร์ก่อนนอน หลังแปรงฟัน กันแล้ว ก็เลยมีการต้องพาไปกินกัน พวกนี้ก็จะกระดี๊กระด๊า จินตนาการเมนูตั้งแต่เริ่มเดินทาง คนโน้นจะเอาปูดำ คนนั้นจะเอาปูม้า คนนี้หาหอย คนตัวน่อยก็จะกินหมึกใหญ่ พอรถไปถึงร้าน เราก็เห็นถัง เห็นบ่อ ที่เก็บอาหารสด (คือเป็นๆ) อยู่หน้าร้านเต็มไปหมด
วรวุฒิเดินลงไปก่อน (ใครตะกละสุด ก็รู้กันตอนนี้)
"อุ๊ยๆๆ ดูนั่นๆๆๆ" ตะโกนเสียงดังตั้งแต่หน้าถนน จรดท่าเรือ
"อื้อ หืออออ มีกั้งด้วย มีกั้งด้วย ยังงี้ต้องเอา ยังงี้ต้องเอา" แกพูดไป ปาดน้ำลายออกจากอกเสื้อและกางเกงไป
น้องที่เป็นลูกสาวเจ้าของร้านยืนอยู่ที่ข้างหน้าร้าน ทำหน้างงๆเล็กน้อย แล้วเดินไปดูที่กาละมังที่คุณหมอผู้อำนวยการสันทราย แห่งจังหวัดเชียงใหม่ประกาศเมนูและเจตนารมย์
"มาจากไหนกันคะนี่?" น้องยิ้มหวานให้ท่าน ผ.อ.เรา
"สันทราย เชียงใหม่ครับ มาไกลๆ ฮี่ ฮี่"
"อ๋อ...ค่ะ คือว่ากั้งสันทรายนั้น แถวนี้เราเรียกว่าแมงดาทะเลน่ะค่ะ อร่อยดีนะคะ" น้องชี้แจงอย่างสุภาพ
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เสียงหน้าแตกกระจาย ร่วงกราวลงบนถนน!!! พวกเราที่เหลือรีบเดินออกมาห่างๆรัศมีความหายนะของใบหน้าทันที
พวกเราก็เลยได้ศัพท์ใหม่ "กั้งสันทราย" ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อิ อิ
แม่มะกับเหล่าลูกๆกระบวนกร คนขวาสุดนั่นคือเจ้าของ "กั้งสันทราย"
ร้านนี้ปรากฏภายหลังว่า เจ้าของร้านคือพี่เรวัติ เป็นคนบ้านเดียวกันและสนิทกันกับหัวหน้าแก๊ง awaken-mara (มารตื่นรู้) ของพวกเรา คือพี่วิรัช ผู้อำนวยการ รพ.ลำพูน สนิทกันมาก เราก็เลยได้ไปไหว้พี่เรวัติฝากเนื้อฝากตัว (เพราะท่าทางต้องมากินทุกวัน ตอนอยู่ที่นี่)
ร้านติดปากทะเล ได้บรรยากาศมาก
กระชังปลาอยู่ติดกับร้านเลย
อร่อยทั้งอาหาร ดื่มด่ำทั้งบรรยากาศ
ไม่มีความเห็น