หลังจากที่ชี้ชัดถึงแนวทางการเดินทางต่อไปของวิทยานิพนธ์อย่างสวยงาม (อัลฮัมดุลิลละฮฺ) ผมตั้งเป้าการควบคุมตนเองปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาไว้ภายใน ๑ อาทิตย์เพราะยังไงๆวันเสาร์ที่จะถึงนี้ผมก็ต้องทำให้งานของผมเสร็จสมบูรณืไปอีกขั้น (อินชาอัลลอฮฺ) อัลฮัมดุลิลละฮฺ (ขอบคุณพระเจ้า) ผมเคลียร์งานเสร็จก่อนกำหนดการที่ตั้งเป้าไว้ คือ ทำเสร็จภายใน ๒ วัน ก็เลยตัดสินใจเดินทางไปสุไหง-ปาดีจ.นราธิวาส เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(เป็นคนอยู่เฉยแบบไร้ประโยชน์ไปวันๆไม่ได้ครับ...อิอิ) เพื่อเยี่ยมเยียนผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีพระคุณ และ สร้างความอบอุ่นใจแก่ผมทุกครั้งที่ได้ไปแม้จะพูดกันคนละภาษาแต่ก็เข้าใจซึ่งกันและกัน (บ้านที่ไปก็มิใช่ใครที่ไหนครับเป็นบ้านญาติท่านรองอธิการฯของเรา อ.มัสลัน มาหามะ)
ได้ไปนอนค้างแรมหนึ่งคืนครับมีความสุขเสมือนได้กลับมาพักผ่อนบ้านอีกหลัง รุ่งเช้าก่อนเดินทางกลับมาปัตตานีก็มีอาสาพาไปเที่ยวทางฝั่งชายแดนไทย-มาเลเซียที่สุไหงโกลกครับ การเดินทางไปต่างประเทศรอบนี้มิได้ใช้พาสปอร์ตครับ เป็นการนั่งเรือข้ามฟากเพียงไม่ถึง ๒ นาทีก็ไปต่างประเทศได้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ (มาเลซีย...)
ท่าเรือฝั่งไทยครับ
มองเห็นใกล้ๆ (มิใช่ไกลๆ) ท่าเรือฝั่งมาเลเซีย
การข้ามฝั่งในท่าเรือแห่งนี้เป็นภาพวิถีชีวิตที่คุ้นชินของคนสองฟากฝั่งไปแล้วครับผมว่า มีบางอย่างที่มาเลเซียก็ขนส่งสินค้าจากไทยไปฝั่งมาเลเซีย แต่ มีมากหลายที่คนไทยข้ามฝั่งไปซื้อจากมาเลเซียกลับมาเมืองไทยเพราะราคาถูกกว่ามากครับ แต่การเดินทางไปจับจ่ายในลักษณะข้ามฟากแบบนี้จะไปไ้ไม่ไกลมากนักจากท่าเรือที่เห็น เพราะหากเข้าไปลึกกว่านี้ก็จำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตครับ แต่ที่แน่ๆแค่ซุปเปอร์ใกล้ๆอย่าง Mydin ของมาเลเซียก็มีอะไรให้จับจ่ายใช้สอยมากมายแล้วครับ (บอกได้คำเดียวอยากซื้อไปหมดที่เห็น...อิอิ)
เสร็จสิ้นการเดินทางก็นั่งรถกลับมาปัตตานีเพื่อใช้ชีวิตกับการงานที่ต้องทำอีกมากมายที่รออยู่ในหลายๆเรื่อง หลังจากกลับมาปัตตานีผมมีความรู้สึกได้ทุกครั้งถึงความวุ่นวายในหน้าที่การงานมากมายครับ หลักฐานปรากฎชัดดังรูปครับมิอยากเปิดให้เห็นเดินหน้าครับว่าต้องทำอะไรบ้างแต่ที่แน่ๆผมคงต้องใช้ชีวิตครึ่งนึงของเดือนหน้ากับภารกิจที่ศูนย์มนุษยสิรินธร กรุงเทพฯ ครับ ฮือๆๆๆ ชีวิตหนอชีวิต
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่วุ่นวายครับสำหรับภารกิจในพื้นที่สามจังหวัดแห่งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อคืนครับที่มีการนัดหมายเรียกประชุมของคณะทำงานกลุ่มเสียงเล็กๆ ซึ่งผมนั่งเป็นที่ปรึกษาของคณะทำงานชุดนี้ครัับ งานนี้แม้ที่ปรึกษาท่านนึงอยู่ไกลถึงมาเลเซียก็เดินทางมาเข้าร่วมประชุมหลายๆวาระของคณะทำงานกลุ่มเสียงเล็กๆครับ (ประทับใจจริงๆครับมากันพร้อมหน้าพร้อมตาครับกับคณะทำงานชุดนี้) สถานที่นัดหมายก็ไม่ใช่ที่ไหนครับถนนสายหน้า ม.อ. ปัตตานีร้านรูชาฯ ตรงข้ามปากซอยบ้านพักผมเองครับ อิอิ ไม่ต้องไปไหนไกลครับ ใกล้ๆปลอดภัยไว้ก่อน
สรุป...ผมได้รับมอบหมายให้เป็นที่ปรึกษาร่วมโครงการ "คืนครูให้นักเรียน" Road to University (ปูพื้นฐานความรู้สู่มหาวิทยาลัย) คณะทำงานหลายท่านให้ความหวังถึงโครงการดังกล่าวว่า เราควรจะกระจายโอกาสทางการศึกษากับสิ่งที่เราทำกันมาต่อเนื่องเกือบ ๑๐ ปีได้แล้วจึงน่าจะเปิดโอกาสทางการศึกษาให้หว้างขึ้นก็เลยเสนอว่าถ้าอย่างนั้นขอเปลี่ยนจาก ม.อ.ปัตตานี ไปที่ มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ได้ไหม๊ เพื่อเป็นการนำร่องและปูทางให้คณะทำงานรุ่นต่อๆไป ที่สำคัญผมคิดว่าโครงการดังกล่าวนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจากหลายๆภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น อบจ.ปัตตานี สอ.มท. พ.ต.ท. ตลอดจนโรงเรียนต่างๆ เท่าที่ผ่านมาผมเองในฐานะคลุกคลีจึงอยากสร้างวิถีคิดบางอย่างและนำร่องบางสิ่งหากผู้ใหญ่จะเห็นดีด้วย (อินชาอัลลอฮฺ) ก็อัลฮัมดุลิลละฮฺทุกคนขานรับกับสถานที่จัดโครงการสองที่คือ ศูนย์มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา และ ศูนย์ ร.ร.สุขสวัสดิ์วิทยา อ.ยะหา ศูนย์หลังนี้ผมมิอาจทอดทิ้งได้เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการดังกล่าวที่ผมเคยร่วมจัดมาตลอดทุกๆๆปีครับแต่ปีนี้จากการได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ใจดีอย่าง ผอ.สำนักวิทยบริการ (อ.อิบรอเฮม หะยีสะอิ บล๊อกเกอร์ Ibmครูปอเนาะ ของเรา) ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกหลานเจ้าของโรงเรียนก็เห็นแนวทางที่ชัดและควรจะเป็นมากขึ้น ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ผมพอจะทราบคำแนะนำจากน้องคณะทำงานที่ไปประสานพูดคุยกับอาจารย์ในวันนี้แล้วครับ
เมื่อเป็นเช่นนี้ผมเลยเสนอให้หาที่ปรึกษาอีกสองท่าน คือ อ.อิบรอเฮม หะยีสะอิ และ อ.จารุวัจน์ สองเมือง ผอ.สำนักบริการการศึกษา เพราะผมมองว่าไปเข้าทางนี้น่าจะสะดวกที่สุดและเหมาะสมกว่า ก็เป็นไปตามมติที่ประชุมครับ ทราบว่าวันนี้น้องผู้รับผิดชอบโครงการก็ได้ไปติดต่อทั้งสองท่านแล้ว อิอิ (มะอัฟแทนคณะทำงานกลุ่มเสียงเล็กๆด้วยนะครับที่เอางานไปเพิ่มให้ ฮ่าๆๆ) แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่งครับว่าผมแนะนำน้องเขาไปถูกทาง...วัลลอฮฺอะลัม เพราะหากผมไปผิดทางงานก็ต้องไปโผล่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในพื้นที่อีก แล้วมีเหตุผลอันใดที่ต้องเป็นอย่างนั้นในเมื่อมันถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเป็นผู้เริ่มและน่าจะทำได้ดีกว่าเพราะคณะทำงานที่ถูกเรียกใช้โครงการในลักษณะดังกล่าวนี้ก็คนของเราทั้งนั้นครับส่วนใหญ่ อิอิ น่าภาคภูมิใจแทนมหาวิทยาลัยอิสลามยะลากับความสำเร็จในอีกมุมหนึ่งที่น่าชื่นชมครับเท่าที่ผมสัมผัสนะครับ ผมเชื่อในหลายๆคนเขาไม่เคยเปิดตัวครับ ผมเองก็ไปทราบเอาก็เมื่อตอนได้รับเกียรติร่วมในหลายโครงการครับ เพราะฉะนั้นถึงเวลากลับมาบ้านตัวเองบ้างแล้ว(แต่ก็สุดที่ผู้ใหญ่จะให้โอกาสและช่วยกันสนับสนุนครับ...ขอแค่ท่านอนุมัติสถานที่ครับ ฮ่าๆ ที่เหลือคณะทำงานเดินหน้าเองอย่างสบายใจได้ครับ )
เก็บภาพความวุ่นวายของโตีะทำงานครับ...อิอิ
ตัวช่วยข้างกาย
ผมไม่รู้ว่าการก้าวมาร่วมดำเนินการและเป็นหัวเรือใหญ่ให้คณะทำงานในรอบนี้กับด้านนี้ (การศึกษา) ภารกิจอื่นคณะทำงานท่านอื่นรับไปครับ (เหตุผลง่ายๆครับคือผมไม่ถนัดครับ อิอิ) อีกครั้งจะเป็นอย่างไร แต่ที่ผมคิดไว้ก็คือ อาจจะเป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายกับการทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างของผมบนพื้นที่แห่งนี้ครับ และ ผมก็คิดว่าเป็นเรื่องหนึ่งเรื่องเดียวที่ผมถนัดมันมากที่สุดเพราะมันคือจุดจบของการตอบสัมภาษณ์ ณ วันที่ได้รับการสอบสัมภาษณ์ทำงาน ณ ที่แห่งนี้ว่าอะไรบ้างที่พอจะทำได้ ผมตอบชัดเจนวันนั้นครับว่าการศึกษาอย่างถูกทิศทางด้วยกระบวนการต่างๆครับ
วัลลอฮฺอะลัม...
บรรยากาศ น่าไปเยี่ยมยามครับ
ว่างเว้นจากการทำงาน แล้วมีโอกาสเดินทางไปไหนสักแห่ง ย่อมทำให้เราได้เห็น ได้สัมผัสอะไรใหม่ ๆ เพื่อเก็บเกี่ยวไว้เป็นต้นทุนในการทำงานชิ้นต่อ ๆ ไปได้เสมอนะครับ...
และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องเป็นการเดินทางไปไหนไกล ๆ นะครับ แค่ออกไปไกล้ ๆ เราก็ได้รับอะไรไว้เป็นต้นทุนชีวิตมากมายนะครับ...
เป็นกำลังใจให้เสมอนะครับเด๊ะ...
ขอบคุณมากครับบัง
บางครั้งเราก็หลงลืมอะไรบางอย่างไปครับ...สิ่งใกล้ตัวมักไม่มีค่าจนกว่าเราจะสูญเสียมันไปใช่ไหม๊ครับ
เป็นกำลังใจให้เช่นกันครับสำหรับว่าที่ ดร. ครับ
ได้เวลาใช้ปฏิทินออนไลน์ได้แล้วครับอาจารย์ คนเชิญจะได้ไม่ต้องเช็คมาก ฮิฮิ
ขอบคุณมากครับอาจารย์
สวย ประทัยใจครับ