คนชั่ว คนบาป


หลายคนดำเนินชีวิตด้วยอาชีพสุจริต ยังมีคนอีกกลุ่มที่เกียจคร้านมักง่ายในการทำมาหากิน หรือที่เรียกว่าประกอบอาชีพที่ไม่สุจริต

 

      ฉันคิดอยู่นานว่าจะเล่าเรื่องนี้ดีหรือไม่...เมื่อคิดได้จึงคิดว่าเล่าดีกว่าถือเป็นบทเรียนที่เกิดขึ้นจริงในสังคมปัจจุบัน  ที่ฉันเคยได้ยินแต่เขาเล่ามา  วันนี้มันเกิดใกล้ตัวของฉันแล้วและฉันขอเป็นคนเล่าเอง

        สังคมปัจจุบันจะว่าน่าอยู่  น่าภิรมย์  หรือน่ากลัว  ก็ไม่ผิดนัก  หลายคนต่างทำมาหากินเพื่อยังชีพของตนและคนในครอบครัว  หลายคนดำเนินชีวิตด้วยอาชีพสุจริต  เรียกว่าหนักเอาเบาสู้  ในขณะที่ยังมีคนอีกกลุ่มที่เกียจคร้านมักง่ายในการทำมาหากิน  หรือที่เรียกว่าประกอบอาชีพที่ไม่สุจริต   และยุคนี้จะเรียกว่าเป็นยุคข้าวยากหมากแพงก็ว่าได้  ประชากรของประเทศก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ทรัพยากรของประเทศก็อาจจะร่อยหรอลงทุกที

        เมื่อวานนี้ (๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓)  เป็นวันหยุด  "วันฉัตรมงคล"  เป็นวันอันมงคลจริงๆ  และอาจจะเป็นวันที่ต้องจดจำไปอีกนานสำหรับ  "น้าสาย"  เมื่อมีคนมาว่าจ้างให้น้าสายช่วยเป็นแม่ครัวในงานศพ  โดยว่าจ้างตามที่น้าสายเคยรับราคาค่าจ้างมา  ผู้ว่าจ้างอ้างว่าเป็นคนที่มาอยู่ใหม่ในละแวกหมู่บ้านของพวกฉัน 

        ตั้งแต่มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาตั้งในพื้นที่อำเภอของฉันอย่างมากมาย  สิ่งที่ตามมาคือชุมชนของกลุ่มคนต่างถิ่นที่เข้ามาเป็นพนักงานของบริษัทต่างๆก็มากมายตามไปด้วยและเติบโตอย่างรวดเร็ว  เดี๋ยวนี้คนหมูบ้านของพวกฉันเลิกทำไร่ทำนาหันมาหารายได้จากการปลูกห้องแถวให้เช่า  หลายคนที่ขายที่ทางให้กับโรงงานได้เงินก้อนโตก็นำมาสร้างห้องแถวให้เช่าเป็นจำนวนมาก  โดยที่พวกเขาไม่ต้องรอรายได้เหมือนแต่ก่อนที่มีรายได้เพียงปีละครั้งเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวเท่านั้น  แต่ตอนนี้เมื่อถึงสิ้นเดือนก็จะมีเงินค่าเช่าบ้านเป็นรายรับเข้ามาในครอบครัว  บางคนมีห้องเช่า ๕ ห้องบ้าง  ๑๐ ห้องบ้าง  หรือบางคนมากกว่านั้น  ซึ่งราคาบ้านเช่าก็ตั้งแต่ห้องละพันบาท  ไปจนถึงสองพันบาทต่อเดือน สำหรับบ้านเช่าเป็นหลังก็มีราคาตั้งแต่สามพันห้าถึงห้าพันบาท

        "มันเป็นไผละสาย  มึงจังไปฮับปากเขา"  เสียงแม่มาเล่าให้ฟังหลังได้ซักถามน้าสายตามประชาคนไทบ้านเดียวกัน 

        "มันบอกข่อยวามันอยู่มูบ้านเทียนทอง"  น้าสายตอบคนที่ไปถามไถ่ข่าวคราว  

        น้าสายเล่าให้ฟังว่า  ชายไม่ทราบนามมาว่าจ้างให้เป็นแม่ครัวทำอาหารต้อนรับแขกตอนกลางคืนในงานศพญาติของชายผู้นั้น  ที่จะมีขึ้นในวันฉัตรมงคลที่ผ่านมา ซึ่งภรรยาของเขากำลังไปรับศพที่โรงพยาบาลสระบุรี เมื่อตกลงราคาค่าจ้างกันแล้วโดยเจ้าภาพจะเป็นคนซื้ออาหารสดและวัตถุดิบสำหรับทำอาหารมาให้  เพียงแต่ให้น้าสายและลูกทีมเป็นคนปรุงและออกแรงเท่านั้น    การรับจ้างแบบนี้น้าสายก็เคยทำมาบ่อยๆ  ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ  งานศพ  ซึ่งก็ไม่แปลกอีกเพราะอย่างที่ฉันเล่าว่าหมู่บ้านของพวกฉันมีคนต่างถิ่นเข้ามาอาศัยบ่อยครั้งที่มีการเสียชีวิตก็ฌาปณกิจกันที่วัดในหมู่บ้าน  ใครที่พอรู้จักกันก็จะออกไปช่วยงานกันทั้งคนในหมู่บ้านและญาติๆของผู้ตายที่มาจากต่างจังหวัด  ชายนิรนามผู้นั้นทำตัวตีสนิทเหมือนคนคุ้นเคยให้น้าสายพาไปหาเจ้าของเครื่องไฟที่จะเปิดในงานศพที่วัด  ให้น้าสายพาไปหาเจ้าอาวาสแจ้งว่าจะมีศพเข้ามาในวันนั้น  หลังจากนั้นก็ให้น้าสายพาไปสั่งน้ำแข็งหนึ่งร้อยกิโลกรัม  ซึ่งร้านน้ำแข็งอยู่หน้าปากซอยหน้าทางเข้าวัด  หลังจากนั้นก็ให้น้าสายพาไปสั่งเนื้อหมูที่ตลาดใกล้บ้านที่จะใช้ในงานอีกแปดสิบกิโลกรัม โดยเขาเป็นผู้พาน้าสายไปเองมีรถปิ๊คอัพเป็นพาหนะ มันดูวุ่นๆไปหมด  น้าสายเข้าใจว่าคนตายแบบนี้อะไรมันก็กระทันหันต้องเตรียมให้พร้อม   เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วชายผู้นั้นจึงฝากน้าสายช่วยดูที่วัดให้ด้วย  และบอกว่าจะไปรับภรรยาของเขาที่โรงพยาบาล  และจะไปสั่งของที่อื่นต่ออีก  แต่ตอนนี้เหลือเงินอยู่แค่สองร้อยบาท  อยากจะขอยืมเงินจากน้าสายสักสองพันบาทก่อนได้มั้ย  เมื่อนำศพมาพร้อมกับภรรยาเขา เขาจะเอาเงินใช้คืนให้  ตอนนี้ขอไปสั่งของที่ขาดอีกก่อนและจะลยไปที่โรงพยาบาลเลย  น้าสายก็ให้ยืมไปโดยไม่คิดอะไร 

        หลังส่งน้าสายที่บ้านเรียบร้อยแล้วชายผู้นั้นก็หายไป  จนเวลาล่วงเลยมาสี่ชั่วโมงกว่าน้าสายชักเอะใจว่าจะโดนต้มตุ๋นหรือเปล่าจึงได้แต่รอดู  และไปบอกร้านน้ำแข็งว่าอาจจะโดนหลอกเข้าให้แล้ว  รอจนเย็นค่ำก็ไม่มีวี่แววของชายผู้นั้นอีกเลย น้าสายจึงมั่นใจว่าโดนแก๊งสิบแปดมงกุฏหรือนักต้มตุ๋นเข้าให้แล้ว เมื่อถามถึงทะเบียนรถน้าสายบอกไม่ได้จำและไม่ได้ดูเลย  น้าสายบอกว่าทั้งชีวิตของน้าสายไม่คิดว่าคนจะใช้วิธีต้มตุ๋นโดยอ้างว่าญาติตายมาหากิน   หลังจากน้าสายกลับบ้าน   ไทบ้านต่างจับกลุ่มวิพากย์วิจารณ์กันต่างๆนาๆ   

        นี่คือเรื่องจริงที่อาจเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนซื่อและจริงใจอย่างไทบ้านฉัน  ฉันคิดว่าน้าสายยังโชคดีที่เสียเงินไปแค่นั้นคิดว่าฟาดเคราะห์  แต่เคราะห์ครั้งนี้มันอาจยิ่งใหญ่สำหรับน้าสาย  เงินสองพันบาทอาจไม่มากสำหรับบางคน  แต่สำหรับน้าสายและใครอีกหลายๆคนนั้นมันมีค่ามากมาย  มันเป็นเงินที่หามาด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและหยาดเหงื่อแรงกายของน้าสายเอง  

ไทบ้าน  คือ  ชาวบ้าน

  

คำสำคัญ (Tags): #คนชั่ว#คนบาป
หมายเลขบันทึก: 356537เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2010 22:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 14:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

ร้ายกาจจริงๆครับ

จะทำให้สังคมเราเลิกอยู่กันอย่างไว้วางใจแล้ว

ทุกอย่างต้องมีกฎกติกาชัดๆ ซึ่งทำให้ความเอื้ออาทรหายไป

สวัสดีค่ะ

โดนหลอกประจำค่ะ

มีคนมาขอความช่วยเหลือค่ะ

น่าสงสารทุกคน

ช่วยทุกคนค่ะ

แล้วก้อโดนหลอกค่ะ

ตอนหลังก้อให้พี่พี่ที่เคยมีประสบการณ์หลาย หลายด้าน

ช่วยตัดสินใจค่ะ

ขอบคุณสำหรับบันทึกที่เป็นอุทาหรณ์นะคะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • สังคมเรามีคนประเภทนี้มากเหลือเกิน
  • บาปกรรมมีจริงเชื่ออย่างนั้นนะคะ ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่มีประโยชน์ค่ะ

เป็นเรื่องใหม่ที่ผมเพิ่งได้รับรู้ครับ...ต้องบอกต่อ ขอให้ประสบการณ์ของน้าสายเป็นรายสุดท้ายนะครับ

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาอ่านเรื่องราว "คนชั่ว คนบาป" สะท้อนสังคมได้ดีทีเดียว เป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ
  • นำภาพขำ ๆ มาฝากกันอีกแล้ว

                         

 

คนสมัยนี้ร้ายจริงๆ ครอบครัวไหนเจอเข้า คงมองโลกในแง่ร้ายไปอีกนานเชียวค่ะ

  สวัสดีค่ะ ต้องการให้โปรไฟล์เป็นลูกอม ขนม เข้าไปศึกษาที่ เวป calgot maimai

พิมพ์ใน google ดูน่ะค่ะ จริงๆอยากเอาโค๊ดมาให้เลยแต่ว่าไม่รู้หายไปไหนแล้ว เพราะทำไว้นานแล้วค่ะ  ส่วนนาฬิกาแต่งเวปสวยๆที่นี่ค่ะ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=keerinoy&month=28-07-2007&group=10&gblog=4

ลองทำดูน่ะค่ะ

เป็นข้อคิด สำหรับเตือนใจของทุกคน เรามีโอกาสถูกหลอกได้ทุกคน ต้องรอบคอบมากขึ้นครับ

เสียรู้แล้วอย่าเสียใจ..อย่างที่น้าสายคิดได้ว่าเป็นการฟาดเคราะห์นั้นแหละค่ะ..

              

สวัสดีค่ะ นพ.สาโรจน์ - สันตยากร

ใช่ค่ะสังคมตอนนี้ทำให้เราไว้วางใจคนยากมากสำหรับคนที่เราไม่รู้จัก 

ที่บ้านหนูตอนนี้ต้องปิดประตูหน้าบ้านตลอดเวลา  จากเมื่อก่อนไม่ต้องมีรั้วกั้น

ต้องคอยสอนลูกหลานให้เรียนรู้และรู้จักภัยต่างๆ

ขอบคุณคุณหมอค่ะ

ขอบคุณ  คุณNatcha Chalermklang

เหตุการณ์อย่างนี้ทำให้คนดีเกิดความหวาดระแวง  จนอาจกลายเป็นคนไม่เอื้ออาทร  เพราะความกลัว

ช่วยกันสอดส่องและบอกต่อนะคะ

ขอบคุณค่ะ คุณKanchana

กรรมคือการกระทำ  เหตุแห่งกรรมคือเหตุแห่งการกระทำ  ผลของกรรมคงให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

namsha  ก็เชื่อเรื่องบาปกรรมค่ะ

สวัสดีค่ะ  คุณหมอสีอิฐ

ยังมีเรื่องที่เลวร้ายกว่านั้นอีกค่ะ  ถึงขนาดเอาโลงศพมาตั้งหากิน หาเงินจากเงินทำบุญ  จากนั้นเจ้าภาพหายไป  เปิดโลงอีกทีพบแต่ต้นกล้วยในโลงนั้น

น่าเศร้านะคะ  หัวใจคนทำด้วยอะไร  อะไรทำให้เขาคิดวางแผนได้ถึงขนาดนั้น

ขอบคุณ  คุณหมอค่ะ

สวัสดีค่ะ  น้องนกบุษรา

พี่ก็กำลังคิดว่าสังคมเราเกิดอะไรขึ้น  ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทำให้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม...สังคมเริ่มที่บ้าน  แล้วเกิดอะไรขึ้นที่บ้านหลังแรก  น่าคิดมากค่ะ

ขอบคุณภาพน่ารักๆ  นะคะ

คิดถึงค่ะ

ขอบคุณค่ะ  คุณปริมปราง

ตอนนี้ namsha เองก็ไม่ค่อยกล้าช่วยเหลือคนแปลกหน้าแล้วค่ะ  รู้สึกกลัวๆไปหมด  

สวัสดีค่ะ  ครูบันเทิง

ครูบันเทิงน่ารักเสมอเลยค่ะ  มีความรู้มาฝากกันอย่างนี้รักกันตลอดไปเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะ อ.พรชัย

แวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจกันเสมอมา

อุทาหรณ์ครั้งนี้  คงจดจำไปอีกนานสำหรับหมู่บ้านพวกหนูค่ะ

ขอบคุณค่ะ  พี่ใหญ่นาง นงนาท สนธิสุวรรณ

ภาพสวยจังเลยค่ะ  ขอนำไปส่งต่อด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะ

 

เขาถึงว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ"

คนสมัยนี้มันใช้ความ ไว้วางใจเชื่อใจเป็นเครื่องมือในการทำมาหาคิด โดยไม่คิดว่า ผู้ที่ถูกกระทำเข้าจะทุกข์ และเดือดร้อนแค่ไหน

เหตุการณ์แบบนี้ เลยทำให้คนกลัวที่จะทำความดี เพราะไม่รู้ว่า ทำไปแล้วจะโดนหรอกหรือเปล่า

ขอบคุณมากค่ะ สำเรื่องราวที่เป็นอุทาหรณ์

ด้วยความระลึกถึงค่ะ

 

 

 

ใช่ค่ะ  คุณครูใจดี   "รู้หน้าไม่รู้ใจ"  และอาศัยความไว้วางใจ ความจริงใจของความซื่อของคน ไทบ้าน อย่างเรา  มาหากิน

อย่าว่าแต่กลัวทำดีเลยค่ะคุณครู  ไม่ไว้วางใจ  ไม่เชื่อใคร  ทำให้สังคมเราขาดหายซึ่งความเอื้ออาทร  และมิตรไมตรี

ขอบคุณค่ะ คุณครู

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท