เลิกเสียที งานวิจัยหาแต่ปัญหา


ศึกษาวิจัย

 

เลิกเสียทีงานวิจัยหาปัญหา

                ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ “สถาบันทางการวิจัย” “สถานศึกษา”หรือ “หน่วยงานราชการ”ทั้งหลายจะเลิกให้ทุนวิจัย “หาปัญหา”แก่บรรดา “นักวิจัย”เสียที  เพราะผมรู้ว่าข้อมูลชักจะ “เว่อร์”หรือ “เกินจริง”มากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะการวิจัยที่เข้าข่าย “ถ้ำมองทางวิชาการ”ที่เที่ยวเสาะหาข้อมูลด้านลบของเด็กและเยาวชนออกมาเผยแพร่  ให้ปรากฎเป็นข่าวได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์  โดยไม่ได้ประโยชน์อะไรกับเด็กแ ละเยาวชน  นอกจากได้เป็นข่าวไปพร้อมข้อมูลปัญหาเด็ก  หรืออาจจะโชคดีได้ “ดังข้ามวัน”และมีโอกาสได้รับเชิญไปพูดถึงปัญหานั้นๆ ในแวดวงวิชาการต่างๆ ต่อไป

                 ยกตัวอย่างข้อมูลที่เผยแพร่ออกมา  เช่นพบว่าเด็กมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ 8 ขวบจนเป็นข่าวฮือฮาขึ้นหน้าหนึ่ง  เมื่อตามไปสอบถามเชิงลึกว่าข้อมูลได้มาอย่างไร  ปรากฎว่าเป็นการรับฟังมาจากเยาวชนคนหนึ่งที่พูดบอกให้รู้ โดยไม่รู้เช่นกันว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่  หรือล่าสุดข้อมูลที่บ่งชี้เป็นสถิติว่าเด็กไทยมีเพศสัมพันธ์เร็วที่สุดในเอเซีย  ก็ยังค้นไม่พบว่ามีแหล่งอ้างอิงมาจากที่ใด

                  ตัวอย่างเหล่านี้  ทำให้เด็กและเยาวชนเสียหายไปทั่ว 

                  ครั้นแย้งว่า ในงานวิจัยนั้น “บทท้ายของงานก็จะมีข้อเสนอแนะอยู่เหมือนกันนี่” ผมไม่เถียงครับ  แต่ขอให้ไปอ่านให้ละเอียดเถิดครับ จะพบว่ามักเป็นเสนอสั้นๆ ประมาณหนึ่งหน้าและก็เป็นข้อเสนอเดิมๆ ที่มีอยู่ในงานวิจัยเล่มอื่น  เหมือนกับไปรวมๆ เอามาไว้ให้ปรากฎอยู่บ้าง  จนแทบกล่าวได้ว่าใช้ประโยชน์ได้น้อย                

                  ที่ต้องการจะป่าวร้องออกมาให้ชัดเจนอีกข้อก็คือ  รู้หรือไม่ว่างานวิจัยที่เที่ยวแต่ศึกษาหาปัญหามาบอกกล่าวกันให้รู้นั้น  ต้องใช้งบประมาณอย่างน้อย 500,000 บาท (ห้าแสนบาท)ต่อการเก็บข้อมูลและใช้เวลาไม่นานนักราว 6 เดือน  เป็นงานสบายๆ ที่นักวิชาการจำนวนมากใช้เป็นงานหารายได้หลักมากกว่าการสอนหนังสือเสีย  ในมุมกลับกัน  ลองคิดดูซิว่าหากเรานำเงินจำนวนนี้ไปช่วยเหลือเด็กๆ หรือคนที่ยากลำบากแล้ว  เราจะช่วยได้มากทีเดียว  หรือนำไปสนับสนุนองค์กรเล็กๆ ที่ทำงานเพื่อเด็กๆ ที่กระจายตัวอยู่ตามชนบท  รู้หรือไม่ว่าพวกเขาสามารถใช้งบประมาณเท่านี้ทำงานช่วยเด็กได้ทั้งปี

              พูดตรงๆ เช่นนี้แล้ว บรรดานักวิจัยทั้งหลายอาจจะเกลียดผม หาว่าผมปฏิเสธงานวิชาการ  ซึ่งไม่เป็นไรครับ เราะผมมีคำอธิบายว่า  ที่วิจารณ์เช่นนี้  ไม่ใช่เพราะผมจะไม่เห็นประโยชน์ของงานวิจัย  ตรงกันข้ามเสียอีก  ผมต้องการเห็นการวิจัยมากมายที่เป็นการ “วิจัยเชิงคุณภาพ” โดยเฉพาะการทุมเทวิจัยเพื่อหา “ข้อเสนอแนะต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้แก่เด็กและเยาวชน”อย่างยั่งยืน

             กระทั่งหลายครั้ง ที่ผมต้องอภิปรายท้าทายในแวดวงวิชาการบ่อยครั้งว่า  ขอให้นักวิจัยช่วยเสนอทางป้องกันและแก้ไขปัญหาให้มากหน่อย จะได้นำเอาไปใช้ได้บ้างและขอให้การอภิปรายนั้นใช้เวลาพูดถึงปัญหาแต่น้อย  ให้ใช้เวลาที่เหลือมากๆ เพื่อนำเสนอทางออกจะเป็นประโยชน์มากว่า  ซึ่งสิ่งที่ผมก็ได้รับก็คือ “ความเงียบกลับคืนมาเป็นคำตอบ” ดังนั้นผมจึงขอเรียกร้องให้แหล่งทุนการวิจัยทั้งหลาย โดยเฉพาะทุนจากภาครัฐที่งบประมาณมาจากเงินภาษีอากรของพวกเราทั้งหลาย  ได้สนับสนุนให้นักวิชาการทำวิจัยที่มีประโยชน์มากขึ้น โดยเฉพาะในการศึกษาหาคำตอบที่ดีเพื่อช่วยเหลือ ส่งเสริมเด็กๆ ในสังคมไทย มากกว่าการศึกษาหาแต่ปัญหาเสียที

                                        ......................................

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 356216เขียนเมื่อ 5 พฤษภาคม 2010 13:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

สวัสดีค่ะครูหยุย

.ข้อนี้ดิฉันเห็นด้วยนะคะ หลายครั้งหลายหนดิฉันสงสัยว่าได้ข้อมูลมาถูกต้องหรือไม่ และเมื่อเปิดเผยมาแล้วดีและเสียไหนมากกว่ากัน

ถ้าผลของวิจัยเพื่อแก้ปัญหา ดิแนก้ไม่เคยคิดเป้นรูปธรรม ได้แต่พูดมากกว่า ก็สงสารเด็กนะ เมื่อเด็กรู้ข่าว บางกลุ่มก็คิดว่า ที่เรามีเพศสัมพันธ์วัยเด็กก็ไม่เป็นไร ในข่าวยังเด็กกว่าเราอีกที่มีเพศสัมพันธ์ กลายเป็นการขยายวงปัยหาให้มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

.ขอบคุณเรื่องดีที่นำเสนอค่ะ

  • รูปัญหาเล็ก..แทนที่จะช่วยกลบ .ก็กลับขยายให้กว้างขึ้น..เพื่อถากถางไปสู่การวิจัย..อย่างนี้ มีให้เห็นมิได้ขาด ในบ้านในเมืองนี้ มันสูญ..แต่ไม่เสียซ๊ะเลยทีเดียว เพียงผลตอบแทนไม่งอก ไม่โง ไม่เงยให้เป็นผลดีต่อสังคม.มันช่างน้อยนิดเหลือเกิน

 

คุณสามสัก ชัดเจนและใช้ภาษาได้สวยมากครับ

จากตัวอย่างข้างต้น ถ้าเป็นข้อมูลที่เป็นจริง ก็น่าใจหายครับ ถ้าไม่...ก็เสียหายนะสิครับ

ระยะหลังฟ มานี้ มีสำนักต่างๆ ที่ทำโพลเกิดขึ้นมาก นักวิจัยก็มีมาก จริงครับถ้าข้อมูลถูก เที่ยงตรงก็ดี ที่ผิดพลาดก็มีมากและสร้างความสับสนเสียหายได้

สวัสดีครับอาจารย์

ผมมีเรื่องที่จะสอบถามเเละขอคำเเนะนำในการจัดตั่งสถาบันเพือเยาวชน เลยได้ส่งคำถามไปทางเมล์เเล้วครับ

 

เรียนครูหยุยครับ

เห็นด้วยครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง

เขียนบ่อยๆ หน่อย จะได้เลิกแบบเก่าเสียที

สวัสดีค่ะครูหยุย...บันทึกนี้ถูกใจที่สุดเลยจ้า....

ยินดีครับคุณหลวงเวชการ ได้รับแล้วจะรีบตอบครับและถ้าผมพอจะช่วยอะไรได้บ้าง เชิญนะครับ

คุณโสภณครับ ผมพยายามเขย่าอยู่บ่อยเหมือนกัน แต่คงเปลี่ยนยากครับ แต่อย่างน้อยท้วงไว้บ้างก็ดี

คุณอ้อยเล็กนี่ ท่าจะวัยรุ่นอย่างแรง ภาพและคำนี่ สุดยอด

P...กลับมาแก้ข่าวค่า..วัยรุ่นค่ะ...รุ่นแย้มฝาโลงค่าฮาๆๆๆๆ

ยังเป็นครู ยังวัยรุ่นครับ เขาเรียก "รุ่นเก๋า" ต้องให้ฉายาใหม่ครับว่า "ครูอ้อยเล็ก เด็กเรียกรุ่นเก๋า เข้าท่าครับ"

ประทานโทษครับอาจารย์ ยังไม่พบจดหมายตอบกลับในเมลล์เลยครับ สงสัยจะมีอะไรผิดพลาด

สวัสดีครับ ท่านครูหยุย

หาปัญหา รู้ปัญหา แล้วอย่าลืมเสนอแนะ หาทาง ติดตาม ประเมิน แล้วทำซ้ำๆๆๆ จนปัญหามันเบาลง มอติเนอร์ไปเรื่อยๆ ถ้าถูกทางก็แก้ได้ครับ อย่ามัวไปโทษเด็กเลยครับ ว่าเลว ว่าไม่ดี ผู้ใหญ่แย่ๆก็เยอะครับ รู้แล้วแก้ปัญหาเชิงบวก ให้กำลังใจ เข้าใจ ฟื้นฟูใจ เขาดีกว่า เด็กมันโดนต่อว่ามาเยอะแล้วครับ

ขอบพระคุณสำหรับบันทึกนะครับ...

  • สวัสดีค่ะคุณครูหยุย
  • เห็นด้วยค่ะ ว่างานวิจัย(บางงาน บางเรื่อง)ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ควรส่งเสริมงานที่สามารถนำไปใช้ ให้เกิดประโยชน์ได้จริงๆดีกว่า ขอบคุณค่ะ

พูดไปแล้วคุณหลวงเวชการอาจจะไม่เชื่อว่า ผมไม่เปิดเมลล์เลยครับ พรุ่งนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่เขาเปิดดูให้ครับ แล้วผมจะตอบไปนะครับ ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกครับ

ครูด้วยครับ มีสำนักงานวิจัยแบบที่ครูหยุยบอก หาแต่ปัญหา แต่ไม่ช่วยกันแก้ไข

จะพิมพ์บอกว่าหเนด้วยครับ แบบว่ามึนๆๆครับครู

คุณ phornphon ครับ ถูกครับ หากศึกษาไปพ้นจากปัญหา ก้าวไปสู่ข้อเสนอแนะในทางบวกด้วย จะเป็นประโยชน์ยิ่งครับ

kranchana ครับ ใช่ครับ บางงานที่เขาทำได้ดีก็มีครับ ศึกษาลึกมากและเสนอทางออกที่เป็นประโยชน์จริงๆ หลายงานทำแบบขอไปที หาแต่ปัญหาไปเรื่อยๆ ทางออกตีบตันหาไม่พบ

ขอบคุณขจิตมากที่มาเยี่ยมเยือน สบายดีนะครับ

สบายดีครับ ครูหยุย ยังอยู่ตากอยู่เลยครับ เจอแต่ชาวต่างประเทศครับ

ข้ามมาตอบขจิตวันนี้ เมื่อคืนฝนถล่ม ต้องออกจากเครื่อง แล้วคงมีโอกาสพบกันนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท