หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ชวนน้องคุยครั้งที่ ๒ (๔) : ฝึกวิชาเปิดประตูใจ


อืม เด็กรุ่นนี้ถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหินกันทั้งนั้นนะนี่ เห็นแล้วคนเป็นผู้ใหญ่ กว่าเรียนรู้อะไรจากวิธีฝึกเด็กของตัวเองบ้างนะ

ก่อนจะปล่อยให้ไปเติมอาหารให้ท้องในมื้อกลางวัน น้องสุชาดาก็ได้บอกนักเรียนแพทย์รู้กันว่า มื้อเย็นเด็กๆทุกคน คือ ผู้ที่พวกเราผู้ใหญ่รอให้เลี้ยงดู จะทำอาหารอะไรให้กินพวกเรายินดีทั้งนั้น ขอแต่ให้ส่งรายการวัตถุดิบที่ต้องการใช้ประกอบเป็นอาหารชนิดนั้นๆให้ก่อนถึงเวลาบ่ายโมงเพื่อมอบให้คนไปซื้อหามาให้ได้ทันเวลาก่อนลงมือปรุง อะไรมีอะไรไม่มีให้เด็กๆตรวจสอบกับแม่หวีดูเองก็แล้วกัน

มอบให้เด็กๆรับหน้าที่ทำกับข้าว ครูหมอก็รับหน้าที่หุงข้าวด้วยหม้อดินให้กิน การแบ่งกลุ่มทำกับข้าวของเด็กๆก็คืนหน้าที่การตัดสินใจให้เด็กๆว่ากันเอง นัดเด็กๆว่ากินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วให้กลับมาทำกิจกรรมร่วมกันใหม่ คือ นอนกลางวัน

เด็กๆอยากทำต้มกระดูกหมูใส่ใบชะมวง อาจารย์กลัวว่าจะไม่เสร็จจึงตามหาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้กลุ่มเปลี่ยนใจ อย่างนี้ใครติดกรอบ ใครคิดนอกกรอบกันนะ

กินข้าวกันแล้วน้องจิ๋มจากวงน้ำชาและน้องเพ็ญช่วยกันเลือกเพลงและอ่านนิทานให้เด็กๆฟัง ฉันไปนั่งคุยกับแม่หวีจนรู้สึกว่าง่วงจึงพาตัวเองกลับเข้ามานอนพักบ้าง เผลอหลับไปกับเด็กๆด้วย ตาสว่างกันแล้ว มะเดี่ยวก็รับไม้ต่อ แนะนำเด็กๆให้รับรู้ความคาดหวังเกี่ยวกับ "รูปลักษณ์มาดหมอ" ให้เด็กๆฟัง เริ่มจากให้ทายอาชีพของตัวมะเดี่ยวเอง อ้อ ไม่ใช่ซิ มะเดี่ยวเริ่มต้นด้วยการแนะนำผู้ที่แก่กว่าอย่างพี่ตึ๋งและฉันก่อน

ตื่นนอนแล้วก็นั่งเล่นกัน คุยกันไป ความสัมพันธ์ที่เห็นของวันนี้ เปลี่ยนไปจากเมื่อวานบ้างหรือเปล่านะ

ฟังคำแนะนำแล้วสะดุ้ง บอกว่าพี่ตึ๋งเป็นพ่อ ฉันเป็นแม่ แล้วตัวเองนั้นอายุรุ่นเดียวกับเด็กๆ ชวนเด็กๆคุยไปเรื่อยๆเรื่องทายอาชีพของมะเดี่ยว กว่าเด็กๆจะรู้ว่ามะเดี่ยวทำงานที่ไหน ก็ต้องงัดมุกออกมาใช้มากมาย เด็กๆงงค่ะ จนกระทั่งมาถึงช่วงต่อของคำถาม "คุณชอบผู้ชายแบบไหน" กับน้องผู้หญิง และ "คุณชอบผู้หญิงแบบไหน" กับน้องผู้ชาย บรรยากาศก็เริ่มกุ๊กกิ๊กเล็กๆ เริ่มมีเสียง...อิอิ..เบาๆดังขึ้นจากกลุ่มเด็กๆ

"แต่งตัวอย่างพี่ น้องคิดว่ามีอาชีพอะไร" คำตอบหนึ่งบอกว่า "คนขับรถ" สะกิดต่อมเอ๊ะเหมือนกันนะ

พอเด็กๆเริ่มเพลิน มะเดี่ยวนำพาต่อให้เด็กๆได้ฝึก "กอด" และแล้วการกอดก็พังทะลายกำแพงใจของเด็กๆใ้ห้เปิดออก โยงใยบางอย่างที่มีต่อกันเริ่มเกิดขึ้น แม้จะมีความเขิน

เด็กๆเริ่มเปิดประตูใจของตัวออกมามากน้อยแค่ไหน ดูจากภาพกันเองนะคะ

อืม เด็กรุ่นนี้ถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหินกันทั้งนั้นนะนี่ เห็นแล้วคนเป็นผู้ใหญ่กว่าเรียนรู้อะไรจากวิธีฝึกเด็กของตัวเองบ้างนะ

หลังจากมะเดี่ยวบรรเลงเพลงยุทธลุยเดี่ยวให้จนเด็กๆเปิดใจ กิจกรรมล้วงลึกความในใจของเด็กๆก็ถูกโยนใส่วง คราวนี้น้องเพ็ญโดนถีบลงเหวให้ทำหน้าที่กระบวนกร ชวนให้เด็กๆย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในวิถีของแต่ละคนย้อนไป แล้วให้เขียนคำถามสำคัญที่อยู่ในใจของแต่ละคนลงในกระดาษที่แจกให้เพียงคนละ ๑ ข้อ เมื่อเด็กๆทำเสร็จแล้ว พี่ตึ๋งก็ชวนให้แต่ละคนอ่านคำถามออกมาให้ฟังกันดังๆแบบอ่านหนังสือ อ่านจบก็ถือว่าจบ ไม่มีการขยายความ

เมื่อได้เช็คอินกับเด็กๆกันแล้ว น้องสุชาดาและฉันได้ร่วมสะท้อนสิ่งที่เราสัมผัสถึงความรู้สึกของเด็กๆที่เราสัมผัสได้ด้วยกัน ฉันว่าสิ่งที่เราช่วยกันสะท้อนนั้นได้กวนให้โลกภายในของเด็กๆทำงานกันอย่างช้าๆไปด้วยนะคะ

ฉันแน่ใจว่าเด็กๆเริ่มใคร่ครวญเรื่องของตัวเองและบางคนได้พบคำตอบบางอย่างที่อยากตัดสินใจก้าวข้ามแล้วค่ะ

นำพาให้สงบกับตัวเอง เพื่อชวนให้ค้นหาคำถามสำคัญที่ใจกำลังหาคำตอบ

บรรยากาศแห่งการใคร่ครวญเกิดขึ้นทั้งในอาจารย์และนักเรียน ระหว่างที่เด็กๆอ่านคำถามให้ได้ยิน

ความไม่คุ้นชินซึ่งมาพร้อมเงื่อนไข "ต้องลงมือ" ทำให้ได้รู้จักตัวเองในมุมใหม่ๆที่น่าทึ่งไม่น้อยเลย

จบแล้วก็สลายวงแยกย้ายกันไปทำงานเมื่อให้ท้องอิ่มในมื้อเย็น ระหว่างครูหมอกำลังหุงข้าว ฉันได้นั่งคุยกับครอบครัวหนึ่งจากพยัคภูมิพิสัย คุยกันไปได้สักครู่น้องจิ๋มก็มีโอกาสมาร่วมคุยด้วย รู้สึกดีกับการได้ร่วมกันช่วยคน แม้เป็นเพียงแค่คำแนะนำ ครอบครัวนี้แวะมาปรึกษาเรื่องของผู้เฒ่าผู้แ่ก่ที่บ้านที่กำลังไม่สบาย

๒๔ เมษายน ๒๕๕๓

หมายเลขบันทึก: 355545เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2010 14:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

พี่หมอเจ๊คะ ...อยากไปด้วยจังเลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท