ห้องเรียน&e-Learning


แนวทางการวิจัย
ลักษณะ ห้องเรียนปกติ e-Learning
สถานที่เรียน ต้องมีสถานที่สำหรับทำการเรียนการสอน ซึ่งอาจจะเป็นที่โรงเรียน หรือสถานที่ที่จัดไว้ก็ได้ จะมีห้องเรียนหรือไม่มีก็ได้ แต่โดยปกติมักจะไม่อาศัย ห้องเรียน ซึ่งเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งในการเรียนแบบ e-Learning (เพียงขอให้ผู้เรียนมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ สามารถต่อระบบเครือข่ายได้)
การเตรียมการสอน การเตรียมการสอนในห้องเรียนปกติจะง่ายกว่าการ เตรียมการสอนของe-Learning เพราะอาจารย์เตรียม การสอนตามปกติ เช่น เอกสารประกอบการสอน แผ่นใส วีดิทัศน์ เทปเสียง หรือการใช้PowerPoint ก็ได้ สำหรับe-Learning จะมีการเตรียมการสอนที่ยากกว่า เพราะเมื่อ อาจารย์เตรียมการสอนสำหรับสอนในห้องเรียนปกติแล้ว ก็ต้องนำ ทุกอย่าง มาแปลงให้อยู่ในรูปของไฟล์คอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถนำไป เปิดใช้งานโดยโปรแกรมเบราเซอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น IE หรือ Netscape
ผู้สอน ผู้เรียน เห็นหน้ากัน  เห็นหน้ากันหมด ซึ่งเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของการเรียนใน ห้องเรียนปกติ เพราะผู้เรียนสามารถพบปะพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างอิสระ(คุยกันในห้องเรียน) และอาจมีข้อจำกัดบ้างในเรื่องของการถามตอบเพราะ ผู้เรียนจะเขินอายกันเองหากตอบคำถามไม่ได้หรือ จะถามในส่วนใดส่วนหนึ่งของเนื้อหาที่ไม่เข้าใจ  จะขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าเป็นอย่างไร ซึ่งอาจจะมีการเก็บภาพวีดิทัศน์ ของอาจารย์ไว้แล้วให้ผู้เรียนเปิดดูพร้อมเนื้อหาโดยผ่านระบบเครือข่าย หรือจะเป็นการเรียนการสอนโดยอาจารย์สอนผ่านกล้องที่ต่อคอมพิวเตอร์ ผ่านในระบบเครือข่าย ผู้เรียนก็จะสามารถเรียนกับผู้สอนได้โดยทันที(Live) แต่ในเวลานี้ยังอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ เทคโนโลยียังคงต้องรอการพัฒนา เพื่อให้อยู่ในระดับดี และดีมากในอนาคตต่อไป
 ต้องมาเรียนพร้อมกัน  มีความจำเป็นมากที่ต้องมาเรียนพร้อมๆกันในการเรียน ในห้องเรียนปกติ ถ้าใครไม่มาก็มีโอกาสตามไม่ทัน พอมาเรียนอีกวันก็ไม่สามารถเรียนในเนื้อหาต่อไปได้ และอาจารย์จะต้องมาสอนทุกแม้ว่าจะมีผู้เรียนมาเรียน กี่คนก็ตาม  แต่ถ้าเป็นการเรียนแบบ e-Learning ใครจะมาเรียนเมื่อไรก็ได้ เวลาไหนก็ได้ ที่ไหนก็ได้(ที่มีคอมพิวเตอร์ต่อกับระบบเครือข่าย) อาจารย์ผู้สอนก็ไม่จำเป็น ต้องมานั่งเฝ้าสอนอีกต่อไป โดย e-Learning จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนที่เรียนไม่ ทันสามารถทบทวนบทเรียนที่เรียนมาแล้วได้ อีกทั้งใช้เวลาศึกษาได้นานซ้ำ ไปซ้ำมาได้ไม่จำกัดเวลาในการเรียนรู้
 คุณภาพในการสอน คุณภาพในการเรียนการสอนจะขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้สอน เป็นหลักถึงแม้ว่าจะเป็นเนื้อหาวิชาเดียวกัน หนังสือเล่ม เดียวกันแต่ก็ใช่ว่าผู้เรียนจะได้รับเนื้อหาที่สมบูรณ์หรือ เข้าใจในเนื้อหาที่เหมือนกัน เพราะอาจารย์แต่ละท่าน จะมีเทคนิคในการถ่ายทอดความรู้ที่แตกต่างกันไปตาม ประสบการณ์ และการที่อาจารย์ต้องสอนในเรื่องเดียวกัน ซ้ำๆบ่อยๆจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายและไม่อยาก อธิบายซ้ำๆจึงทำให้ผู้เรียนไม่เข้าใจในบางส่วนและไม่ กล้าที่จะถามซ้ำอีก การเรียน e-Learning คุณภาพการเรียนการสอนจะเท่ากัน คำว่าเท่ากันนี้ หมายความว่า เนื้อหาในบทเรียนนี้เป็นเนื้อหาบทเรียนเดียวกัน ผู้เรียนสามารถเปิดดูซ้ำกี่ครั้งก็ได้ ไม่เข้าใจก็สามารถดูซ้ำจนเข้าใจได้ ถ้ายังไม่เข้าใจอีกก็สามารถ e-mail มาถามอาจารย์หรือ เข้าWeb board เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันระหว่างผู้เรียนกันเอง
 เรียนไปพร้อมๆกัน เท่าๆกัน  การเรียนในห้องเรียนปกติผู้เรียนจะต้องตั้งใจฟังเนื้อหาไป พร้อมๆกันและต้องเข้าใจเนื้อหาที่อาจารย์สอนในเวลาที่รวดเร็ว เพราะถ้าไม่เข้าใจแล้วให้อาจารย์อธิบายซ้ำบ่อยๆ จะทำให้ผู้เรียนอื่น เสียเวลาในการเรียนเนื้อหาถัดไปหรือเบื่อหน่ายได้  เรียนกับe-Learningไม่ต้องรอกันใครเข้าใจก่อนก็สามารถเรียนในเนื้อหา ถัดไปได้เลย ส่วนใครที่ไม่สามารถเข้าใจในเนื้อหานั้นๆก็สามารถใช้เวลา ทำความเข้าใจในเนื้อหานั้นได้มากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้คนอื่น ช้าไปด้วย
 การวัดผลการเรียน ในห้องเรียนการวัดผลการเรียนต้องทำการสอบ มีการเก็บข้อสอบ อาจารย์ต้องมาตัดเกรดเองและประกาศผลเอง  e-Learning สามารถวัดผลการเรียนรู้ของผู้เรียนได้โดยทันที คือถ้าทำข้อใดผิด ก็จะแจ้งผลย้อนกลับทันที(Feedback) ซึ่งผู้สอนอาจจะ มีคำอธิบายที่ให้ผู้เรียนได้เข้าใจว่าที่ถูกเป็นเช่นไร ทำให้ผู้เรียนเข้าใจ และจดจำในวิชานั้นๆได้ดียิ่งขึ้น ข้อควรคำนึงที่อาจจะดูว่ายุ่งยากก็คือ จะต้องมีการออกข้อสอบให้มากกว่าที่ใช้สอบจริง 2- 3 เท่าให้มีข้อสอบมากๆ ในอยู่ในลักษณะของคลังข้อสอบ e-Learning จะทำการเลือกข้อสอบแบบสุ่ม ให้ตามจำนวนข้อที่ต้องการใช้สอบ ถ้าคิดกันให้ดีการทำอย่างนี้จะช่วยให้ สามารถประหยัดเวลาในการออกข้อสอบบ่อยๆ และคลังข้อสอบจะช่วยให้ ผู้เรียนไม่สามารถลอกข้อสอบกันได้เพราะจะได้ข้อสอบที่มีข้อแตกต่างกัน
 ต้นทุนการเตรียมการสอน  ต่ำกว่า เพราะแผ่นใส, ปากกาเขียนแผ่นใส(ฟรี) สื่ออื่นๆก็สามารถยืมได้ (ที่กองเทคโนโลยีการศึกษา)  สูงกว่า เพราะทางมหาวิทยาลัยต้องมีการลงทุนในด้านต่างๆเพื่อให้มีระบบ e-Learning
 ต้นทุนเมื่อทำการสอน สูงกว่า เพราะมหาวิทยาลัยต้องซื้ออุปกรณ์การสอนและสื่อต่างๆ และต้องบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอด    ต่ำกว่า เพราะลงทุนไปแล้ว เวลาสอนก็จะไม่ต้องลงทุนซ้ำอีก เพียงแต่เพิ่มหรือปรับเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
 จำนวนผู้เรียนในห้องเรียน ต้องมีการจำกัดจำนวนผู้เรียน หากมีผู้เรียนจำนวนมาก ก็ต้องแบ่งกลุ่มเข้าเรียน ทำให้ผู้สอนเหนื่อยซ้ำหลายครั้ง  e-Learning สามารถเข้าเรียนได้โดยไม่จำกัดจำนวนผู้เรียน และไม่มีเข้าเรียนสาย(แล้วโดดเรียน)
 ผู้เรียนสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้ มีโอกาสไปศึกษาด้วยตนเองน้อย เพราะเมื่อเรียนเสร็จ ก็จะกลับบ้าน ห้องสมุดเองก็เปิดในเวลาหลังเลิกเรียนได้ไม่นาน ก็ต้องปิด  ผู้เรียนสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมในขณะเรียนได้เลยเพราะมีLink ที่ให้ค้นคว้าได้ทันที แล้วกลับมาศึกษาต่อหรือควบคู่กันไปก็ยังได้
 ความเป็นส่วนตัว มีน้อยกว่า เพราะอยู่รวมกันหลายคน จะไอ จะจาม ก็คงลำบาก หรือทานขนมขบเคี้ยวไปด้วยก็ทำไม่ได้(เดี๋ยวอาจารย์จะขอด้วย)   อันนี้คงไม่ต้องบรรยายมาก หากอยู่ที่บ้านใส่ชุดนอนเข้าเรียนก็ได้ ไม่มีใครห้าม หรือกินข้าวเช้าไปด้วยก็ได้ (โปรดระวังข้าวหกใส่แป้นพิมพ์ด้วย)

::: เอกสารอ้างอิง :::
- เปิดโลกe-Learningการเรียนการสอนบนอินเทอร์เน็ต โดย ดร.ศุภชัย สุขะนินทร์ และกรกนก วงศ์พานิช

http://elearning.utcc.ac.th/main/Page4.htm
หมายเลขบันทึก: 35538เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2006 14:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท