องค์ปาฐก
ในการประชุมทางวิชาการครั้งใหญ่ ๆ ของโลกนั้น จะให้ความสำคัญของการ "ปาฐกถา" ซึ่งจะมีคนมาหรือไม่มีคนมาก็อยู่ที่ "องค์ปาฐก"
Gotoknow มีทุนที่ทรงพลังทางด้านองค์ปาฐกเหนือกว่าชุมชนเสมือนใด ๆ ของประเทศ เพราะเรามีบุคคลสำคัญระดับประเทศ มีทั้ง "กูรู" ทางด้าน KM โดยเฉพาะอย่างยิ่งมี "ปราชญ์" ที่ทรงความสามารถของชุมชน
ผมยังไม่เคยเห็นการประชุมระดับโลกครั้งใด ใช้วิทยากรกระบวนการหรือกิจกรรมต่าง ๆ มากมายแบบเมืองไทย
กิจกรรมนี้ไม่ใช่กิจกรรมที่น่าตื่นเต้นเหมือนกับ 10 ปีก่อน ครั้งนั้นสมัยหนุ่ม ๆ (ประมาณปี ๒๕๔๔) ตอนที่ผมเข้าอบรมโครงการเพชรราชภัฏที่จังหวัดกาญจนบุรี ผมตื่นเต้นกับกิจกรรมนี้มาก สนุกสนาน สร้างความรู้สึกดี มีความรัก ผูกพันธ์กันมากแบบ "แป๊บ ๆ" พอไม่กี่วัน กี่เดือน กี่ปีหลังจากนั้นไฟก็ไหม้ฟาง
หลังจากนั้นเมื่อเรียนจบ แล้วก็เรียนต่อ จนกระทั่งทำงาน กิจกรรมแบบนี้ก็เริ่ม "บูม" มีการคิด การพัฒนากันไปยกใหญ่ ค่าวิทยากรค่าตัวเรือนหมื่น เรือนแสนก็เคยจ้างมา สุดท้ายฟางก็ไหม้ไฟ
แต่ทุก ๆ ครั้งที่มีการจัดกิจกรรมแบบนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจจะไปผมก็จะถามตัวเองว่า "ถูกบังคับหรือไม่...?" ถ้าถูกบังคับก็คงจะต้องไป ถ้าให้เลือกหรือสมัครใจ "ไม่ไป"
ดังนั้นทางแก้ในหลาย ๆ องค์กร หลาย ๆ แห่งคือ "ไปจัดไกล ๆ" ห้ามเอารถไป เพื่อที่หนีกลับไม่ได้
การจัดงานของเราในฐานะผู้จัด ดูเหมือนจะตื่นเต้น แปลกตา เพราะปีหนึ่งเราจัดครั้งเดียว แต่ถ้าเราลองไปสัมภาษณ์ "จัดการความรู้" ของนักวิชาการ ข้าราชการที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ แล้วเราจะรู้ว่า เขาต้องเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้ปีละกี่ครั้ง และในชีวิตการทำงานของเขาต้องเข้ากิจกรรมแบบนี้มากี่ครั้ง และในแต่ละครั้งนั้น "คุ้ม" หรือ "ไม่คุ้ม" ที่เดินทางไป
ทุก ๆ คนมีประสบการณ์ชีวิต และทุก ๆ ประสบการณ์นั้นจะเป็นฐานในการจัดสินใจก้าวที่จะเดินต่อไปในอนาคต
แต่ทว่า ผมก็คิดย้อนกลับใกล้เข้ามาหน่อยเมื่อประมาณ ๔ ปีก่อน ผมจำได้ว่า ครั้งนั้นผมมี "ความอยาก" ที่จะเดินทางไปร่วมงานของ Gotoknow ที่จัดขึ้นโดย สคส.มาก (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมสิริกิตต์) ซึ่งค่าลงทะเบียนประมาณ 3,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมค่ารถและค่าที่พักที่จะต้องจ่ายเองทั้งหมด แม้แต่ข้าราชการก็มิสามารถเบิกกับต้นสังกัดได้ แต่การจัดในครั้งนั้นคนลงทะเบียนเต็ม... เราน่าจะกลับไปถอดบทเรียนกับการจัดงานครั้งนั้นกัน
แต่ถ้าถามผม ผมคิดว่างานนั้น "ขลังค์" มีพลังในการดึงดูด
ขลังค์อย่างไร...?
ตอนนั้นผมจำได้คร่าว ๆ ว่า จำได้ว่ามีท่านศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช และ ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืดเป็นองค์ปาฐก ผมคิดว่าแค่นี้ก็คุ้มค่ากับเงิน 3,000 บาทแล้วหละ
ในหลาย ๆ ครั้งที่ห้องประชุมของโรงแรมในกรุงเทพฯ มีนักวิชาการ ผู้บริหารจำนวนมาก ต้องจ่ายค่าบัตรหลักพัน หลักหมื่น ไปนั่งฟังองค์ปาฐกที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เราน่าจะมีการ "ถอดบทเรียน" จากกิจกรรมเหล่านั้นบ้าง ว่าทำไมคนถึงยอมเสียเงินไปฟังใครที่เขาศรัทธามาพูดเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ขออภัยที่ต้องกล่าวไปไกลถึงขั้นนั้น ย้อนกลับมาที่ไอเดียที่ผม "ปิ๊ง" เกี่ยวกับ Gotoknow Forum
บุคคลภายนอกที่ทรงคุณวุฒิ
นอกจากองค์ปาฐกคนสำคัญที่ได้กล่าวข้างต้น รวมถึงปูชนียบุคคลที่ได้กล่าวในบันทึกก่อน ผม "ปิ๊ง" เห็นหน้าและชื่อบุคคลอีกท่านหนึ่งที่เป็นคนที่มีความรู้มาก เก่งมาก ใกล้ชิดกับ สคส.มาก แต่เหมือนห่างไกลกับเรามาก เพราะท่านไม่ได้เข้ามาเขียนบล็อคเลย
ท่านอาจารย์ทรงพล เจตนวณิชย์ ผมเคยฟัง เคยร่วมงาน เคยร่วมงานท่านหลายครั้งทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ อุตรดิตถ์ และครั้งหลังสุดที่จังหวัดอุบลราชธานี
ตอนที่ผมเรียนหนังสืออยู่ที่อุบลราชธานี ขณะนั้นอาจารย์ทรงพลท่านมีงานที่ "ราชธานีอโศก" ท่านก็โทรตามผมไปช่วย ท่านไปที่ไหนก็มีเครือข่ายอยู่ที่นั่น และผมเชื่อว่าเครือข่ายท่านทางสงขลาและภาคใต้ก็มีไม่ใช่น้อย ที่จะมาร่วมเสริมเวทีให้มี "พลัง"
การมีคนนอกที่เก่ง ๆ มาพูดหรือพบปะและร่วมทำกิจกรรมกับ Gotoknow ของเราบ้างจะสร้างความตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจให้กับผู้เข้าร่วมประชุมมาก เพราะคนที่เห็นกันอยู่ทุกวันเจอกันบ่อยแล้ว การที่ต้องเดินทางไกลแล้วไปทำกิจกรรมกับคนใหม่บ้างจึงเป็นสิ่ง "คุ้มค่า" ที่จะไป
การมีองค์ปาฐกที่ดีและมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก จะเป็นแรงจูงใจที่สำคัญที่จะทำให้เวทีทางวิชาการนั้นมีพลังและทรงคุณค่า... (End of Part II)
ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ
๓๐ เมษายน ๒๕๕๓
Part III : ระยะเวลาและ Timing
ไม่มีความเห็น