ทบทวนบทเรียนความเสียดาย
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าเป็นเด็กย่างเข้าวัยรุ่น ช่วงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นวัยที่สุดแสนจะเพ้อฝัน ช่างคิดช่างจิตนาการ ข้าพเจ้าคนพบว่าตัวเอง เป็นคนที่ชอบดูหนัง และฟังเพลงเป็นอย่างยิ่ง (คิดว่าเข้าขั้นเสพติด ยังงัยอย่างนั้นเลย) ทุกครั้งที่ไปดูหนัง หรือ ดูรายการเพลง จำเป็นต้องมีเหตุต้องออกไปหาซื้อมาฟัง หามาดูจนได้ แต่ด้วยวัยอย่างนั้น จึงขอเงินพ่อ-แม่ เป็นว่าเล่น เพื่อจะเอามาเสริมสร้างจินตาการ และความสุนทรีเหล่านั้นจนเกินงาม (ณ ขณะนั้นไม่ได้คิดอย่างนี้)พ่อ-แม่ เคยเตือน ข้าพเจ้าอยู่บ่อยครั้ง ถึงความพอดี และพอเพียง แต่กระนั้นความอยากตัวเดียวที่บังตา เมื่อได้เงินมาหรือมีเงินก็จะเสพแต่สื่อเหล่านี้ มาจนบัดนี้เมื่อ ข้าพเจ้าเริ่มหาเงินมาใช้ได้ด้วยตนเอง ทุกครั้งที่นึกย้อนไปแล้ว แผ่นเพลง แผ่นหนัง ที่เคยซื้อมาเก็บก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ (เป็นคนที่ไม่รักษาของอย่างยิ่ง)นึกแล้วเสียดาย(เงิน)เสมอ และไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องซื้อทุกอย่างที่ต้องการ ยังนึกย้อนไปด้วยวัยเท่านี้ หากเก็บเงินที่นำไปซื้อของเหล่านี้มา ตอนนี้คงจะมีเงินไว้ทำอะไรได้เยอะแยะ เช่น ดาว์นรถซักคัน ก็คงทำได้สบาย (-.-")
บทเรียนเรื่องนี้แม้จะทำให้เสียใจ และเสียดาย และมันก็กลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว แต่มันยังคงย้ำในใจลึก ๆ เสมอว่า จะทำอะไรให้คิดถึงความพอดี ความพอเพียง ความจำเป็นหรือความต้องการ ชั่งใจให้ดีเพื่ออนาคตที่ดี และที่สำคัญไม่ควรจะลืมคิดถึงคำเตือนคำสั่งสอนของพ่อแม่ เพราะไม่มีใครจะประสงค์ดีกับเราเท่ากับพวกท่านอีกแล้ว
ปล ตอนนี้ก็ยังดูหนังฟังเพลงอย่างเช่นเดิม แต่ไม่คิดที่จะครอบครองมันซะ ทุกอย่างแล้ว (^.^)
ไม่มีความเห็น