น้องไหม
นางสาว เสาวนีย์ ไหม ศรีเขื่อนแก้ว

บันทึกที่ 2 : ความทรงจำ


ความทรงจำ

 

 

ฉันเป็นลูกคนเดียวของแม่  ฉันอาศัยอยู่กับตา  ยาย  และแม่สามคน 

 ส่วนพ่อของฉันนั้นมีครอบครัวใหม่แล้ว  แต่ฉันก็ไม่เสียใจที่พ่อไปมีครอบครัวใหม่  ฉันกลับภูมิใจที่ฉันสามารถเรียนหนังสือจนจบมหาวิทยาลัยโดยที่ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเป็นเด็กกำพร้าเลยซักนิด

 

  แม่เป็นบุคคลที่ฉันรักมาที่สุด  เพราะแม่ของฉันเลี้ยงดูฉันมาโดยตลอด 

 บางครั้งแม่ก็เหมือนพ่อ  บางครั้งก็เหมือนเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษา  หัวเราะกัน  สนุกสนาน  ฉันมีความสุขมากที่ฉันมีแม่อย่างนี้ฉันไม่เสียดายเลยที่ฉันไม่มีพ่อ  เพราะแม่คอยให้ความรักเติมความสุขให้ฉัน  ฉันภูมิใจมากๆที่มีแม่คอยอยู่เคียงข้าง

 

แม่ทำงานหนักเพื่อส่งให้ฉันเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี 

 งานที่แม่ทำฉันไม่อยากให้แม่ทำเพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง  คือโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร  ซึ่งจะต้องอยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิต่ำ  และจะต้องยืนทำงาน  ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำงาน 8 ชั่วโมง  และมีเวลาพักแค่  1  ชั้วโมงเท่านั้น ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือต้องทำงานเป็นกะ  ส่วนมากแม่จะต้องทำงานกะตอนกลางคืน  ซึ่งทำให้ฉันกับแม่จะต้องพบกันน้อยลง 

 

ตั้งแต่ฉันเรียนประถมแล้วที่แม่ต้องทำงานที่นี่ 

 ตอนนี้ฉันเรียนจบแล้วแม่ก็ยังต้องทำงานอยู่  ฉันเคยบอกให้แม่ว่าให้เปลี่ยนงานอื่นแต่แม่ก็ยังยันว่าจะยังทำงานที่นี่  ซึ่งฉันสงสารแม่ที่ต้องคอยทำงานหนักเพื่อครอบครัวฉันตอนหางานทำช่วยแม่ของฉัน

 

ตอนเรียนอยู่ประถมศึกษาปีที่  6 

ฉันเริ่มคิดหารายได้ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระแม่  ฉันจึงคิดหางานทำโดยการไปอยู่กับร้านรับซื้อของเก่าในช่วงปิดเทอม  ตอนนั้นฉันรู้สึกเหนื่อยมากที่ต้องทำงานและร้อนมากๆสำหรับเด็กที่เพิ่มหัดทำงาน  ฉันได้เงินวันละ  100  บาท  ฉันไม่ได้ไปเที่ยวสงกรานต์เลย  เพื่อนๆบางคนกลับดูถูกว่าฉันทำงานที่สกปรกแต่ฉันกลับว่าประสบการณ์ครั้งแรกที่ฉันได้จากร้านรับซื้อของเก่า  คือ  ความอดทน  และได้ความรู้เกี่ยวขยะที่สามารถนำมาขายเป็นเงินได้ ความภูมิใจที่สามารถหาเงินได้ด้วยตนเอง  และฉันสามารถนำเงินไปเป็นค่าเทอมที่จะเรียนต่อในชั้นมัธยมปีที่ 1 ต่อไป

 

ฉันเริ่มสนุกกับการทำงานและเรียนหนังสือในระดับมัธยม 

ตอนวันหยุดเสาร์ อาทิตย์  ฉันชอบไปช่วยตากับยายไปสวน เพื่อไปให้น้ำกระเทียม  บางครั้งก็ไปเก็บพริก  ซึ่งฉันชอบเก็บพริกมากเพราะถ้าขายได้ยายก็ให้เป็นค่าขนมเลยวันหนึ่งเก็บได้ก็ประมาณ 100 – 200  กว่าบาท ต้องขึ้นอยู่กับราคาของพริกตอนนั้น  ยายของฉันเก็บพริกได้วันละประมาณ  500  กว่าฉันทึ่งมากที่ยายเก็บพริกได้เยอะ  ฉันเห็นยายมีความสุขทุกครั้งที่เห็นหลานหาเงินได้ด้วยตนเอง

 

ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี 1

ฉันก็เริ่มหางานทำในช่วงตอนเย็นหลังเลิกจากการเรียนหนังสือจึงไปสมัครงานที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเชียงใหม่  ซึ่งเป็นร้านขายอาหารฉันก็รู้สึกชอบมากๆ  ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานมากขึ้น  ฉันเริ่มรู้สึกเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น  ฉันทำงานที่นี่จนฉันเรียนจบ  ระหว่างทำงานฉันไม่ค่อยรบกวนเงินของแม่เลย  เพราะฉันรู้ว่าแม่เหนื่อยมามากแล้ว

 

ในตอนนี้ฉันเรียนจบฉันก็มีงานทำเลยฉันดีใจมากๆ 

ซึ่งฉันได้ทำงานอยู่ใกล้บ้านฉัน  ได้ดูแลแม่ ตาและยายฉันอยากให้ท่านได้พักผ่อน  ฉันไม่อยากให้ท่านทำงานหนัก  ฉันตั้งใจว่าฉันจะเลี้ยงครอบครัวของฉันให้ได้

 

ฉันภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ 

เป็นหลานของตายาย  ซึ่งคอยฝึกสอนให้ฉันทำงานตั้งแต่ฉันยังเด็ก  ทำให้ฉันใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 351914เขียนเมื่อ 16 เมษายน 2010 12:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีปีใหม่ ไทย

ขอให้มีความสุขนะ

ชีวิตต้องสู้ สู้ต่อไปเจ้า

คุณแม่ คุณตา คุณยาย ก็คงภูมิใจมากที่มีลูกหลานเป็นคนดี

ขอชื่นชมครับ

และขอให้เปลี่ยนจาก ว่าที่ครู มาเป็น คุณครู เร็ว ๆ นะครับ

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

  • สวัสดีค่ะ 
  • แวะมาทักทายและมาเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
  • นำภาพน้ำตก สวย ๆ มาให้ชมค่ะ

                           

ขอบคุณพี่ Nhengnga

มากๆเลยนะค่ะที่มาอวยพรให้หนู

หนูจะตั้งใจเรียน

เพื่อจะได้ตอบแทนบุญคุณตา ยาย แม่ค่ะ

ขอบคุณพี่ หัวใจสะพายเป้ มากๆเลยค่ะ

ที่คอยให้กำลังใจหนู

หนูจะอบรมให้เด็กเป็นคนกตัญญูรู้คุณ

เพื่อสังคมของเราจะได้น่าอยู่ขึ้น

ขอบคุณมากๆนะคะ

ขอบคุณคุณพี่บุษรา มากๆค่ะ

ที่แวะมาทักทายและเป็นกำลังใจให้

และขอบคุณอีกครั้งนะค่ะที่มอบภาพสวยๆมาให้หนู

เห็นภาพน้ำตกแล้ว ก็หายร้อยมาทันทีเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะ

หากอยู่ใกล้ ๆ จะเชิญไปเป็นครู

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท