ประสูติกาลของพระโพธิสัตว์


ธรรมเนียมของคนอินเดียสมัยนั้น ฝ่ายหญิงจะเดินทางไปคลอดบุตรคนแรก ที่บ้านพ่อแม่ของตน

เมื่อครรภ์พระนางแก่จวนครบทศมาส (๑๐ เดือน) ธรรมเนียมของคนอินเดียสมัยนั้น (ถึงแม้ขณะนี้ ยังปฏิบัติกันอยู่ แต่โดยมากเฉพาะลูกคนแรก) ฝ่ายหญิงจะเดินทางไปอยู่คลอดบุตร ที่บ้านพ่อแม่ของตน พระนางมายาเทวี จึงเสด็จกลับยังพระราชวังเดิมของกษัตริย์โกลิยะ (พระราชบิดาของพระนาง) ที่เมืองเทวะทหะนคร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงกบิลพัสดุ์นัก ตามพุทธประวัติกล่าวว่าลุมพินีอยู่กึ่งทางระหว่างกบิลพัสดุ์กับเทวะทหะนคร (แต่เวลานี้ ตัวเมืองทั้งสอง ไม่มีซากเหลืออยู่เลย) เมื่อขบวนยาตราไปได้ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร จากกบิลพัสดุ์ถึงป่าลุมพินี พระนางเจ้าประชวรพระครรภ์หนักจะประสูติ จึงให้หยุดขบวนประทับ ใต้ต้นสาละ ทรงยืนเหนี่ยวกิ่งสาละ ณ วันวิสาขปุรณมี ดิถีเพ็ญเดือน ๖ แห่งปีก่อนพุทธศก ๘๐ เวลาสายใกล้เที่ยง เจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร ก็ได้ประสูติ จากครรภ์พระมารดา ทรงเพียบพร้อมด้วย มหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการครบบริบูรณ์ อันเป็นลักษณะแห่ง องค์พุทธางกูรโดยเฉพาะ และเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งที่พระองค์ได้เสร็จออกจากพระครรภ์แล้ว ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ก้าวพระบาทออกไปได้ ๗ ก้าว พร้อมกับกล่าววาจา ประกาศความสูงสุดว่า "เราเป็นผู้เลิศที่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดแห่งโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ภพใหม่ของเราจะไม่มีอีกแล้ว" ดังนี้ เป็นบุพนิมิตหมายว่า พระองค์จะประกาศรัศมีแห่งธรรมของพระองค์ไปใน เจ็ดชนบทน้อยใหญ่ ของอินเดียสมัยนั้น พระองค์ประสูติบริสุทธิ์ ไม่เปรอะเปื้อนพระองค์ ด้วยครรภ์มลทิน มีหมู่เทพยดามาคอยรับ ก่อนที่พระวรกายจะถึงแผ่นดิน มีธารน้ำร้อนน้ำเย็น พร้อมที่จะสรงสนาน พระวรกาย เมื่อพระองค์ประสูติแล้ว พระเจ้าสิริสุทโธทนะราชบิดา ก็ได้พาเสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์ อัญเชิญพราหมณ์ปุโรหิต ที่เป็นโหราจารย์ยอดเยี่ยม ๑๐๘ คน มาเลือกสรรค์ เอาแต่ผู้เชี่ยวชาญยอดเยี่ยมจริงๆ ได้ ๘ คน ในพราหมณ์โหราจารย์แปดคนนั้นเป็นคนแก่ เจริญด้วยวัยวุฒิเสียเจ็ดคน พยากรณ์รวมพร้อมกันเป็นสองคติว่า "พระกุมารนี้ถ้าอยู่ครองราชสมบัติ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ถ้าออกทรงผนวชจะได้ บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก" ส่วนโกณฑัญญะพราหมณ์ ซึ่งยังเป็นเด็กหนุ่มอยู่ในขณะนั้น แต่สูงด้วยความรู้ ได้ถวายพยากรณ์เป็นคติเดียวว่า "พระกุมารพระองค์นี้ จะไม่อยู่ในราชสมบัติ จะเสด็จออกทรงผนวชและตรัสรู้เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลกแน่นอน" ท่านโกณฑัญญะผู้นี้เชื่อในคำทำนายของตนเอง เลยออกบวชไปรออยู่ก่อน หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะ ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ก็ได้เป็นศิษย์องค์แรกของพระองค์ ต่อมาได้ฟังปฐมเทศนาจากพระพุทธองค์ได้สำเร็จโสดาบัน และเป็นพระสงฆ์องค์แรกของพุทธศาสนา เมื่อพระองค์ประสูติได้เจ็ดวัน พระนางสิริมหามายาเทวีก็เสด็จทิวงคต (พุทธองค์ทรงตรัสภายหลัง กับพระอานนท์ว่า "ถูกแล้ว อานนท์ จริงทีเดียว มารดาแห่งโพธิสัตว์มีชนมายุน้อย เมื่อประสูติพระโพธิสัตว์แล้ว ได้เจ็ดวัน ย่อมสวรรคต ย่อมเข้าถึงเทวนิกายชั้นดุสิต") พระนางสิริมหามายาเสด็จทิวงคตแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะ ได้มอบการเลี้ยงดู พระราชกุมารแก่พระนางปชาบดีโคตมี (น้องสาวพระนางมหามายาเทวี) และก็ทรงเป็นพระมเหสี ของพระเจ้าสุทโธทนะด้วย พระนางทรงมีพระเมตตารักใคร่พระกุมารยิ่งกว่าพระโอรสของพระนางเอง ทั้งๆ ที่ต่อมา จะทรงมีพระโอรสและธิดาถึงสองพระองค์ คือ นันทกุมาร (ซึ่งมีรูปลักษณะคล้ายคลึงพระบรมศาสดาอย่างยิ่ง ในกาลต่อมา) และรูปนันทากุมารี

หมายเลขบันทึก: 348451เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2010 09:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 13:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท