ต่อมามีตัวนิวรณ์ตัวที่ ๔ ซึ่งเป็นตัวหนุนเนื่องกันมาเป็นเส้นขบวนการ
เรียกว่าตัว อุทธัจจกุกกุจจะ คือ ตัวรำคาญ หรือตัวฟุ้ง
นิวรณ์ตัวนี้ทำให้รู้สึกอึดอัด และกระสับกระส่าย
ไม่รู้ว่าจะกำหนดอารมณ์อะไรดี
ไม่ว่าจะกำหนดพองตรงไหน ยุบตรงไหน
เราไม่รู้จุดที่จะกำหนดและหาฐานกำหนดไม่ได้
พอหาฐานกำหนดไม่ได้ จิตก็ฟุ้ง วุ่นวายใจหมด
พอวุ่นวายใจ จึงทำให้รู้สึกเซ็งและรู้สึกเบื่อ
เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ปฏิบัติจะมีญาณพิเศษอีกรอบหนึ่ง
ญาณพิเศษ คือ ความยุ่งเหยิง
บางครั้งเรียกว่าบ้าหอบฟาง จะต้องเลือกที่ปฏิบัติ
โดยอ้างว่าที่ตรงนี้ไม่สงบบ้าง มันวุ่นวายบ้าง มันต้องไปหาที่สงบ
พอไปที่สงบแล้วก็รู้สึกกลัวไม่รู้ว่าจะกำหนดอะไร
เพราะรู้สึกเวิ้งว้างไปหมด ไม่รู้จะกำหนดอะไรตรงไหนดี
ในที่สุดก็ขาดหลักขาดฐานในการกำหนด
เมื่อขาดฐานในการกำหนดแล้ว จิตก็ฟุ้ง
ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดต่าง ไม่มีจุดจบ
เริ่มต้นท่ามกลางที่สุด เราหาไม่เจอ
เมื่อหาไม่เจอ ถามว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้น เราจะทำอย่างไร
เมื่อจิตฟุ้งอย่างนี้ วิธีการปฏิบัติต้องสร้างสติขึ้นมาด้วยการกำหนดทุกอิริยาบถ
กำหนดฟุ้งหนอฟุ้งหนอ กำหนดไปมากๆ
หากอาการฟุ้งไม่หยุดก็กำหนดพองหนอ ยุบหนอ
กำหนดให้เร็วและกำหนดให้มันเต็มที่
โดยกำหนดให้มันทันและกำหนดให้ไว
กำหนดให้เร็วให้ทันตรงที่มันฟุ้งซ่าน
หากร้อนใจไปทุกอย่าง เราเรียกว่า ลนลาน
ไม่ว่าทำอะไรก็ลนลานห่วงหน้าพะวง หลังไปเสียหมด
นี่คือตัวฟุ้งซ่าน หรือเรียกว่าตัวอุทธัจจกุกกุจจะ
องค์ธรรมตัวนี้จะฉุดกระชากจิตของเราให้ตกต่ำลง
อย่างเช่นเราตั้งใจจะปฏิบัติธรรมชั่วโมงนี้ให้ดี
พอมาเจอแรงกระทบเข้า ใจมันก็วูบไปตาตุ่ม
ใจมันฟุ้ง และขาดสติ
เพราะกำหนดอาการไม่ทันกับสภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
ไม่มีความเห็น