แผนยุทธศาสตร์ปี 53 ของ "กบข."
กบข. เปิด “แผนยุทธศาสตร์ปี 53 ” กบข. เปิดแผนยุทธศาสตร์ปี 2553 ผลักดันให้ กบข. บรรลุวิสัยทัศน์สู่องค์กรต้นแบบแห่งธรรมาภิบาล (Corporate Governance) มีการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งผลประโยชน์ของสมาชิกเป็นหลัก เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นการสร้างความไว้วางใจต่อ กบข. กลับคืนมา
มุ่งขับเคลื่อนองค์กร เสริมความแข็งแกร่ง - สร้างความเชื่อมั่นสมาชิก
ดร. สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ โดยคณะกรรมการ กบข. ได้เห็นชอบ “แผนยุทธศาสตร์ปี 2553” เพื่อให้ภารกิจของ กบข.ที่มีต่อสมาชิก 1.16 ล้านคนมีประสิทธิผลและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสมาชิก และผลักดันให้ กบข. บรรลุวิสัยทัศน์อย่างเป็นรูปธรรมสู่องค์กรต้นแบบแห่งธรรมาภิบาล โดยมีเป้าหมายการปรับภาพลักษณ์องค์กรเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและสร้างความไว้วางใจของสมาชิกและสังคมต่อ กบข. นายสถิตย์ได้กล่าวว่า “แผนยุทธศาสตร์ปี 2553 จัดทำขึ้นตามกรอบ “แผนแม่บทปี 2552-2554” และประเมินสถานการณ์ล่าสุดที่ กบข. เผชิญในปีที่ผ่านมา ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจ และความคาดหวังของสมาชิก โดยคณะกรรมการ กบข. เห็นควรตามแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ 4 ด้าน ได้แก่ 1.ยุทธศาสตร์การสร้างผลตอบแทนการลงทุน 2.ยุทธศาสตร์การบริหารความสัมพันธ์และบริการสมาชิก 3.ยุทธศาสตร์การเป็นเลิศด้านปฏิบัติการ และ 4.ยุทธศาสตร์วัฒนธรรมองค์กรและการบริหารการเปลี่ยนแปลง ซึ่งแต่ละยุทธศาสตร์มีแผนปฏิบัติการที่รองรับและกำหนดเป้าหมายอันพึงวัดผลได้สำหรับการดำเนินงานตามแผนดังกล่าวด้วย”
ด้านนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การดำเนินงานว่า ยุทธศาสตร์แรกเป็นยุทธศาสตร์การสร้างผลตอบแทนการลงทุน ด้วยการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่สมาชิกภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม เนื่องจากการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุนั้นเป็นการออมในระยะยาวเฉลี่ยคนละประมาณ 12 ปี และเนื่องจากปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมีปัจจัยเสี่ยงและความผันผวนสูง ดังนั้นการลงทุนของ กบข. จึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมถึงปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งการที่จะผลักดันให้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปสู่เป้าหมายได้นั้น จะต้องมีการปรับกระบวนการทำงานภายในของ กบข.ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จะต้องมีการประเมินผลและการบูรณาการยุทธศาสตร์การลงทุนทั้งแผนงานใหญ่และแผนงานย่อย โดย กบข. ยังคงเน้นการลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลักและหาช่องทางการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใหม่ๆ มากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง อีกทั้งจะต้องรักษาสมดุลของเป้าหมาย ผลตอบแทนระยะยาวกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ซึ่งก็ต้องสอดคล้องกันไปเพื่อให้สมาชิกมีความมั่นคงทางการเงินหลังวัยเกษียณด้วย
สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 2 เป็นยุทธศาสตร์การบริหารความสัมพันธ์และบริการกับสมาชิก โดยปรับภารกิจหลักเป็นการให้ความรู้และการสื่อสารกับสมาชิกให้ตรงกับลักษณะเฉพาะของกลุ่มสมาชิก (Segmentation) เน้นในเรื่องที่เกี่ยวกับการลงทุนและการบริหารกองทุนระยะยาว และ กบข.ยังจะได้มีการจัดหาสวัสดิการใหม่ที่เป็นประโยชน์ให้กับสมาชิกเพิ่มเติมทั่วไปเกี่ยวกับโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัย และการให้คุณภาพชีวิตที่ดีต่อสมาชิก รวมถึงการจัดให้มีแผนการลงทุนที่สมาชิกสามารถเลือกลงทุนตามความเหมาะสมกับแต่ละบุคคลนอกเหนือไปจากแผนการลงทุนหลักที่มีในปัจจุบัน เพื่อสร้างความพึงพอใจของสมาชิกให้มากขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 3 เป็นยุทธศาสตร์การเป็นเลิศด้านปฏิบัติการ เป็นการพัฒนากระบวนการทำงาน และการให้บริการที่มีคุณภาพต่อสมาชิก และเสริมสร้างหลักธรรมาภิบาลในการบริหารองค์กร กบข. ได้มีการปรับปรุงระบบงานต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยให้ความสำคัญกับระบบเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการบริหารจัดการในทุกด้าน นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไปก็คือหลักการบริหารงานที่ยึดมั่นในธรรมาภิบาล จรรยาบรรณและหลักปฏิบัติที่เกี่ยวข้องทั้งตัวองค์กรและพนักงานในทุกระดับชั้นรวมถึงการแสดงออกซึ่งการเป็นผู้นำในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมต่อตลาดเงินตลาดทุนทั้งในฐานะนักลงทุนสถาบันหลักของประเทศและในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทที่ กบข. ร่วมลงทุนด้วย
ส่วนยุทธศาสตร์ด้านที่ 4 เป็นยุทธศาสตร์วัฒนธรรมองค์กรและการบริหารการเปลี่ยนแปลง ซึ่งในด้านนี้จะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจของพนักงาน และสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรบริหารเงินบำนาญในระดับสากล (High Performance Organization) ด้วยการประสานพลัง (Synergy) ในองค์กรผ่านโครงสร้างองค์กรที่มีการจัดการให้เหมาะสมกับภารกิจใหม่ และการทบทวนนโยบายบริหารทรัพยากรบุคคล ค่าจ้าง และค่าตอบแทน ให้สอดคล้องกับลักษณะงาน ซึ่งจะส่งผลในการผลักดัน กบข. ให้ปฏิบัติงานได้เต็มประสิทธิภาพ และเติบโตอย่างมีศักยภาพตามทิศทางการดำเนินงานในอนาคต นางสาวโสภาวดี ได้กล่าวในตอนท้ายว่า ในการทำแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวนี้ เป็นการกำหนดนโยบายและทิศทางการปฏิบัติภารกิจของทุกฝ่ายงานใน กบข. โดยมุ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างความพึงพอใจแก่สมาชิก กบข. ทุกคน
เกี่ยวกับ กบข. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดตั้งขึ้นตาม พรบ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 เพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำเหน็จบำนาญและให้ประโยชน์ตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อออกจากราชการ ส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิก และจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่สมาชิก กบข. มีสถานะเป็นองค์กรของรัฐจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะไม่มีสถานะเป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ มีคณะกรรมการ กบข.เป็นผู้กำหนดนโยบาย ปัจจุบัน กบข.มีสมาชิกทั้งสิ้น 1,160,869 คน จำนวน 12 ประเภทข้าราชการ แยกเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาร้อยละ 37.90 รองลงมาเป็นข้าราชการพลเรือน ร้อยละ 28.41 ข้าราชการตำรวจ ร้อยละ14.91 ข้าราชการทหารร้อยละ 14.10 ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ร้อยละ 2.26 ที่เหลือเป็นข้าราชการในกลุ่มอื่นๆ อีก 7 ประเภท ณ 1 กุมภาพันธ์ 53 กบข.มีมูลค่ากองทุน (ส่วนสมาชิก) ต่อหน่วยอยู่ที่ 15.32 บาท มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 335,773 ล้านบาท
ไม่มีความเห็น