เกริ่นนำ
การรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อการดำเนินกิจกรรมร่วมกันตั้งแต่การเรียนรู้ และการทำธุรกิจ เมื่อมีความแข็งแกร่งแล้วจะนำสิ่งดีๆ เข้าสู่กลุ่มและชุมชน เช่น ศูนย์ส่งเสริมและผลิตข้าวชุมชนวัดพระแก้ว ต.แพรกศรีราช อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ได้ก่อตั้งด้วยเกษตรตำบลแพรกศรีราชา ดำเนินงานตามหลักการของกรมส่งเสริมการเกษตร จนประสบผลสำเร็จ และได้สร้างเครือข่ายประสานงานกับศูนย์ข้าวชุมชนในตำบลอื่นๆ ของอำเภอสรรคบุรี เพื่อเรียนรู้ร่วมกันในรูปของ โรงเรียนชาวนา และอีกหลายกิจกรรมที่ได้รับการยื่นโอกาสจากหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ารวมให้การสนับสนุน โดยเฉพาะกิจกรรมแปลงทดสอบเพื่อพิสูจน์ทราบรูปแบบของการทำนาที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เช่น การทำนาดำ นาหวานน้ำตม และทำนาแบบโยนกล้า จากการทดสอบที่แสดงผลออกมาเชิงประจักษ์ให้ได้ทราบว่า การทำนาแบบโยนกล้าได้รับผลตอบแทนที่ดีแล้ว การนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ เพื่อขยายผลสู่ชุมชนต่อไป จึงเป็นหน้าที่ของครูติดแผ่นดิน ผู้ที่สละเวลาและสร้างโอกาสในการสร้างองค์ความรู้ ด้วยการเข้าร่วมมาโดยตลอด
การแสวงหา
จากการติดตามกิจกรรมของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอสรรคบุรีมาโดยตลอด แต่ด้วยเหตุผลที่อ้างถึงประจำคือ “ไม่ว่างจากงานด่วน” ทั้งๆ ที่ครูติดแผ่นดินส่งข่าวมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ไปเห็นความสำเร็จของผลงานที่น่าชื่นชม เช่นครั้งนี้ได้รับข่าวสารจาก “ครูติดแผ่นดินข้าว” เกษตรกรต้นแบบข้าวตำบลห้วยกรดพัฒนา ซึ่งมีนางชนิกา ขันธนิยม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ เป็นพี่เลี้ยง แจ้งว่าได้เพาะกล้าไว้จำนวนมาก พร้อมที่จะโยนลงแปลง จึงขออนุญาต หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์และสารสนเทศ (นายปราโมทย์ รัตนสัมฤทธิ์) และได้อนุญาตทันทีเพื่อให้นำสิ่งดีๆ สู่เกษตรกร โดยเฉพาะการลดต้นทุนการผลิตให้มากที่สุด ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ไม่ยากนัก
แนวคิด
นายวิเชียร สอนปาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 และประธานศูนย์ข้าวชุมชนบ้านคลองขี้เหล็ก ตำบลห้วยกรดพัฒนา อ. สรรคบุรี จ.ชัยนาท กล่าวว่า ได้ตั้งศูนย์ข้าวชุมชนมาตั้งแต่ปี 2548 แต่ในช่วงนั้นพบปัญหาข้าววัชพืชมาก สมาชิกจึงขาดความมั่นใจในพันธุ์ข้าวที่ผลิตขึ้นมาเอง จึงได้พยายามทำเป็นตัวอย่างให้สมาชิกได้รับรู้ แต่เสียทุนไปกับการกำจัดข้าววัชพืชจำนวนมากประมาณ 8,000 บาท/ครั้งในพื้นที่ 15 ไร่ แต่ได้ผลผลิตข้าวเพียง 6,000 กิโลกรัม จึงทดลองนำความรู้การปลูกข้าวแบบโยนกล้ามาใช้อย่างจริงจังในพื้นที่ 2 ไร่ 1 งาน ในปีแรกยังคงพบข้าววัชพืชบ้างแต่น้อยกว่าปลูกทั่วไปมาก แต่พอเริ่มครั้งนี้ 2 พบน้อยมากไม่ถึง 100 ต้น ด้วยต้นทุนประมาณ 2,100 บาท/ไร่ มีเพื่อนเกษตรกรสนใจมาก แต่บอกเสมอว่าขอให้ทำใจให้ได้เนื่องจากการทำนาแบบโยนกล้า ข้าวที่เห็นห่างๆ จนเจ้าของนาไม่สบายใจ เพราะความเคยชินกับการปลูกข้าวที่ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์สูง แต่มีผู้สนใจและติดต่อมาหลายราย จึงได้วางแผนลองรับการขยายตัวตอบสนองความต้องการของสมาชิกเป็นที่เรียบร้อย เพราะเป็นทางเลือกของการป้องกันและกำจัดข้าววัชพืชที่ดีที่สุด
การทำนาแบบโยนกล้า
เริ่มจากการเตรียมกล้าข้าวเพื่อโยนกล้า ขั้นต้นนำเมล็ดพันธุ์มาแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน นำกระบะพลาสติกที่มีหลุมเป็นช่องเล็ก ๆ มาวางเรียงเป็นแถว ก่อนเทเมล็ดพันธุ์ข้าวลงในกระบะของเครื่องหยอดเมล็ด หยอด 1 รอบ เมล็ดข้าวละหล่นลงสู่กระบะ สังเกตให้ทั่วเพื่อหยอดเมล็ดข้าวซ่อมในส่วนที่บกพร้อง เพื่อให้ได้เมล็ดในหลุมประมาณ 5-7 เมล็ด ถ้าใส่น้อยพบปัญหาจากการถอนกล้า แต่ถ้ามากเกินพบปัญหาความชื้นและดินไม่พอ หยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวจนครบตามจำนวนที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับขนาดของกระบะ (100 กระบะต่อพื้นที่ 1 ไร่ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว 10 กิโลกรัม) นำไปวางในที่มีแดดรำไร เทดินโคลนที่ตักดินเลนจากคลองทิ้งน้ำ นำมาเก็บเศษวัชพืชออก เทคลุมเมล็ดอีกครั้งให้เต็มหลุมพอดีอย่าให้ล้น เพราะรากจะเดินเข้าหากัน เกาะติดกันยากแก่การโยน ถ้าสังเกตดินแห้งให้รดน้ำให้ชุ่มชื้นพอประมาณทุกเช้า-เย็น ระยะเวลาการงอกและเจริญเติบโตประมาณ 12 วัน หรือความยาวของต้นกล้าประมาณ 3-4 เซนติเมตร
การเตรียมดินในแปลงปลูก ใช้วิธีการไถดะ ไถคราด ทำเทือก ระดับน้ำเล็กน้อย เพราะถ้าน้ำแห้งจะสังเกตได้ยาก จากนั้นนำกล้าที่เพาะไว้ หยุดการให้น้ำ 1-2 วัน ตามสภาพของดิน เพราะถ้าตุ้มเปียกเมื่อโยนกล้าจะติดกัน เมื่อเห็นว่าตุ้มกล้าแห้งพอแล้วจึงดึงกล้าออกจากกระบะเพาะ ใส่ในตะกล้าเพื่อการขนย้าย(ตะกล้าใส่ผลไม้ เพราะจะมีเหล็กกั้นการทับ) ว้ หยุดการให้น้ำ 1-2 วัน ตามสถ ตามสถาพของดิน เพราะถ้าตุ้มเปียกจะณ 5-7 เมล็ด ม่เพียงพอ แต่ได้วางแผนลองรับจะสามารถใส่ได้ถึง 10 กระบะต่อ 1 ตะกล้า โยนได้ในพื้นที่ 1 ไร่) เพื่อเตรียมโยนลงสู่แปลงปลูกด้วยการโยนไปข้างหน้าระดับศีรษะ เพื่อให้ต้นข้าวหล่นลงในนาลักษณะตั้งตรงมากที่สุด ระยะห่างแต่ละต้นประมาณ 20เซนติเมตร เมื่อโยนจนเต็มแปลงนาแล้ว ให้โยนซ่อมในส่วนที่ไม่ได้ระยะที่ต้องการ ทิ้งไว้ 2 คืนรากจะติดดิน จึงเริ่มระบายน้ำเข้าแปลงนาให้ระดับน้ำประมาณครึ่งลำต้นกล้า การดูแลต่อไปเหมือนกับทำนาทั่วไป
ผู้ใหญ่บ้านวิเชียร ฝากถึงผู้อ่านอีกว่า ผลการดำเนินงานลดต้นทุนจำนวนมาก และเป็นที่ถูกใจของสมาชิก ใช้ต้นทุนประมาณ 2,000 บาท/ไร่ ผลผลิตข้าวที่ได้เท่ากับการปลูกโดยทั่วไป แต่ผู้จะทำแบบนี้ ต้องเตรียมใจ เนื่องจากจะเห็นข้าวบาง แต่จะแตกกอ และแน่นเมื่อข้าวอายุ 60 วัน ผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจ คือ ลดอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว โรคแมลงน้อยลง เนื่องจากว่าไม่หนาแน่นเกินไป ลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดวัชพืช ลดการใช้ปุ๋ยเคมี เพราะข้าวไม่ถี่เกินไป ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ยินดีต้อนรับครับ
สวัสดีค่ะ
มาแวะเยี่ยมวิธีการที่ลดต้นทุน ในการปลูกข้าวค่ะ ข้าวบาง แต่จะแตกกอ และแน่นเมื่อข้าวอายุ 60 วัน เป็นวิธีการที่สุดยอดมากค่ะ ลดอัตราการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว โรคแมลงน้อยลง ลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดวัชพืช ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ด้วยหากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมมีเบอร์โทรศัพท์มั้ยคะ