เรื่องมีอยู่ว่า มีสามี-ภรรยา คู่หนึ่งตั้งใจจะไปซื้อรถในฝัน นั่นก็คือ BMW sereis 540i (ราคาเมืองไทยก็ 3-4 ล้านค่ะ) พอไปถึงร้านก็เจอ salesman ผู้ชายคนหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็ไปทดสอบรถกัน ฝ่าย salesman ก็บรรยายข้อดี นวัตกรรมเด่นๆต่างๆของรถ BMW ไปซึ่งพวกเราก็รู้ๆมาอยู่แล้วจากโฆษณา แต่คุณภรรยากลับไปติดใจอยู่ตรงที่วางแก้วน้ำค่ะ
ซึ่งพูดง่ายก็คือที่วางแก้วน้ำของ BMW คันนั้นมัน "กิ๊กก๊อก" บอบบางเหลือเกินแทบจะหักได้ง่าย ตอนแรกเธอคิดว่าจะไม่พูดอะไร แต่เธอก็ทำใจไม่ได้ถ้าเกิดซื้อรถคันนี้ไปแล้วเธอต้องทนอยู่กับเจ้าที่วางแก้วน้ำ "กิ๊กก๊อก" อันนั้นไปตลอด พอเธอต้องนึกถึงภาพกาแฟหกใส่บนรถของเธอ เธอก็ทำใจยอมรับไม่ได้ค่ะ
สุดท้ายเธอเลย ถาม saleman ไปประมาณว่าทำไมที่วางแก้วน้ำถึงบอบบางแบบนั้น?
salesman กับสามีเธอมองหน้ากัน พร้อมกับความเงียบ.....
salesman: BMW เป็นรถหรูของยุโรป และคนยุโรปไม่กินและดื่มอะไรบนรถ (คำตอบฆ่าตัวตายจริงๆค่ะ)
ภรรยา: แต่ฉันเป็นคนอเมริกันและคนอเมริกันกินและดื่มบนรถ ฉันเอากาแฟไปดื่มบนรถทุกเช้าระหว่างทางไปทำงาน (แก้วกาแฟที่เรียกว่า mug แก้วเซลามิคใหญ่ๆที่เห็นๆกันในร้าน Star Buck)
(แก้วใหญ่ขนาดนี้ มิน่าล่ะเธอถึงได้ติดใจกับเจ้าที่วางกาแฟ"กิ๊กก๊อก"นั่นค่ะ ! ^^)
salesman เงียบ....แล้วก็พูดออกมาว่า "ถ้าอย่างนั้นก็วางไว้ระหว่างขา 2 ข้างของคุณเป็นไง" (ปิดการขายด้วยการฆ่าตัวตายแบบสนิทหมดโอกาสชุบชีวิตแล้วค่ะ)
ไม่ต้องบอกนะคะว่าผลจะเป็นอย่างไร ?
ผลก็คือ salesman คนนั้นก็กลับบ้านไปนอนกินแห้วน่ะซิคะ ถ้าคุณภรรยาไม่เอา แล้วคุณสามีจะขัดได้หรอคะ!!
ท้ายที่สุด พวกเขาก็ไปหารถในฝันได้จากตลาดรถมือสองค่ะ เป็น BMW ที่ทางร้านได้ปรับปรุงแก้ไขเรื่องที่วางแก้วน้ำให้แข็งแรงทนทานถูกใจคนอเมริกันแล้วค่ะ
(ที่ต่างประเทศเขามีที่วางแก้ว cup-holders ที่เขาทำขึ้นมาเพื่อรถยุโรปขายโดยเฉพาะเลยค่ะ ถ้าใครเคยนั่งรถยุโรปคงจะเป็นที่รู้กันค่ะว่า ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องที่วางแก้วน้ำเอาสะเลย ไม่เมือนรถยี่ปุ่นเลยค่ะ)
หลังจากนั้นเธอเองก็ไปพบบทความของคนอื่นๆใน internet ที่บ่นไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องที่วางแก้วน้ำของ BMW ที่มัน...
"กิ๊กก๊อก"ไม่สมราคาเหมือนเธอเยอะแยะค่ะ ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่ติดใจเรื่องที่วางแก้วน้ำ
เธอบอกว่า ถ้า salesman คนนั้นเข้าใจลูกค้าแบบเธอแล้วแนะนำเรื่องการปรับปรุงที่วางแก้วน้ำแบบในตลาดรถมือ 2 เขาทำกันให้เธอ ป่านนี้ salesman คนนั้นคงได้นอนกอดเงินเธอสบายไปแล้ว
ใครจะคิดล่ะคะว่ารถราคาหลายล้านที่มาพร้อมกับความปลอยภัยและนวัตกรรมชั้นเลิศ จะมาตกม้าตายตรงที่วางแก้วน้ำ
แต่ตอนนี้ทางค่ายรถยุโรปคงได้เรียนรู้แล้วล่ะค่ะ ปัจจุบันรถยุโรปรุ่นใหม่ๆเขาใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ
สรุป
สำหรับเหตุการณ์แบบนี้ถ้าคุณเป็นคนขาย คุณควรใช้จิตวิทยาการขอแบบมีความยืดหยุ่นพลิกแพลงได้ แก้ไขเรื่องเฉพาะหน้าได้ค่ะ ดูลูกค้าว่าเขาต้องการอะไร ควรหาทางพยายามช่วยเหลือในสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ใช่พูดแบบปัดปัญหาแบบ salesman คนนั้น (ฆ่าตัวตายชัดๆค่ะ)
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ
อ่านเรื่องลักษณะของลูกค้าผู้หญิงเพิ่มเติมได้จากหนังสือ Why She Buys นะคะ
จริงครับ บีเอ็มคันเก่าที่ขับอยู่ ไม่มีที่วางแก้ว - -"
ปล. อวสานเซลส์แมน R.I.P
ขอบคุณค่ะคุณใหญ่ที่แวะมา
ในอดีตรถยุโรปออกแบบมาโดยดูจากลักษณะการใช้ชีวิตแบบคนยุโรปที่ saleman คนนั้นบอกว่าคนยุโรปไม่กินอาหารบนรถทำให้เขามองข้ามตรงจุดนี้ไปค่ะ
ใครจะคิดล่ะคะว่ารถราคาหลายล้านกับความปลอยภัย นวัตกรรมชั้นเลิศ จะมาตกม้าตายตรงที่วางแก้วน้ำ
แต่ตอนนี้ทางค่ายรถยุโรปคงได้เรียนรู้แล้วล่ะค่ะ ตอนนี้รถยุโรปรุ่นใหม่ๆเขาใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆแล้วค่ะ
Saleman น่าจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าคือ
1. แนะนำคุณผู้หญิงว่า คนใช้แก้วกระดาษใช้ครั้งเดียวทิ้ง ไม่ต้องเสียเวลาล้าง แถมสามารถเตรียมสำรองไว้ได้หลายใบ ไม่เปลืองเนื้อที่้ไม่หนักรถ
2. เน้นให้เห็นข้อดีเด่นของรถ BMW และหลบเลี่ยงข้อด้อยเรื่องที่วางแก้ว โดยควรแนะนำลูกค้าว่า สามารถนำไปปรับปรุงแต่งที่วางใหม่ได้จากร้านตกแต่งรถ ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายไม่เท่าไหร่
แค่นี้น่าจะได้ขายรถคันนั้นแล้ว ไม่ต้องมาตกม้าตาย
คำตอบฆ่าตัวตายจริงๆค่ะ
บางที่ถ้า Sale man เขามีไหวพริบ มีเทคนิค และหาคำตอบ หรือ หนทางแก้ปัญหาช่วยเธอ ที่ดีกว่านี้
เธออาจจะตัดสินใจซื้อรถคันนั้นก็ได้นะคะ
สวัสดีค่ะอร
saleman คนนี้ตอบคำถามแบบฆ่าตัวตายจริงๆค่ะ
เค้าคงคิดว่าการซื้อรถนั้นอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่คุณสามีคนเดียวมั้งค่ะ
เค้าเลยไม่ใส่ใจ ไยดี คุณผู้หญิงที่ติเลย
ก็เลยทำให้ขายไม่ได้ ซะงั้นอะค่ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆจ้า
ไว้คราวหน้าจะเอาเรื่องอื่นๆจากหนังสือ why she buys มาให้อ่านอีกค่ะ ^^
จะสงสาร เซลล์แมนดีมั้ยเนี่ย
ตอบได้ทุเรศสิ้นดีเลย จอร์จ!!
jw