ความผิดอาญาฐานบุกรุก...คราวนี้พาไปศาล


เมื่อถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง เข้าไปซักค้านพยานฝ่ายโจทก์จนได้ความว่า ตัวโจทก์ทราบเรื่องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินตั้งแต่วันที่รังวัดเสร็จ เพราะจำเลยบอกกับตัวโจทก์ในวันที่ชี้ระวังแนวเขตว่าเป็นคนปลูกยางพาราจำนวนสองแถวที่ล้ำเข้าไปในแนวที่ดินด้วยตัวเอง โจทก์จึงบอกในเวลานั้นว่าให้รีบถอนออกไปเลย ไม่งั้นจะฟ้องข้อหาบุกรุก

กลับมาแล้วครับท่านผู้อ่านและชาว G2K ทุกท่าน

โดยปกติแล้วบันทึกนี้จะมีบทความใหม่ทุกวันอังคาร

(ยกเว้น อ่านเรื่องสั้นแล้ว ถาม-ตอบ อย่างทนาย ซึ่งจะเขียนเมื่อมีอารมณ์ .อิ.อิ.)

แต่คราวนี้มีอันต้องสายกว่าที่กำหนดไปอีกสองวัน ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

เมื่อคราวที่แล้วผมเล่าเรื่องความผิดคดีอาญาฐานบุกรุก แต่เรื่องดังกล่าวสามารถจบได้ในชั้นพนักงานสอบสวนหากยังไม่ได้อ่านสามารถไปอ่านได้ที่นี้คลิกเลยครับ

และในครั้งนี้ผมบอกเอาไว้ว่าจะพาไปศาล ไหนๆเป็นความผิดแล้วก็ไปให้ถึงศาลกันเสียทีก็ดี

ขอถามในภาษาที่เข้าใจง่ายๆก่อนนะว่าท่านทราบหรือไม่ในคดีอาญานั้นมีความผิดที่ยอมความกันได้ กับความผิดที่ยอมความกันไม่ได้ หรือที่นักกฎหมายมักว่าความผิดต่อส่วนตัว กับความผิดต่อแผ่นดิน

ความผิดต่อส่วนตัวนี้หละครับที่เป็นความผิดอันยอมความได้ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรหละครับว่าความผิดแบบใดยอมความได้บ้าง อันนี้ต้องดูที่ตัวกฎหมายครับ ปกติจะมีกำหนดไว้ว่าในมาตราใดบ้างให้ยอมความกันได้เช่นในเรื่องความผิดอาญาหมวดความผิดฐานบุกรุกก็มีระบุไว้ว่า “มาตรา 366  ความผิดในหมวดนี้ นอกจากความผิดตามมาตรา 365 เป็นความผิดอันยอมความได้ ” ดังนี้เป็นต้น

แล้วทีนี้ความผิดอาญาที่ยอมความไม่ได้หรือที่เรียกว่าความผิดต่อแผ่นดินหละมันเป็นเยี่ยงไร หรืออยู่ๆเราขุดแผ่นดิน หรือเอามีดฟันลงแผ่นดินแล้วเป็นความผิดต่อแผ่นดินหรืออย่างไร เออ..ชวนให้คิดไปไกลเลย กฎหมายไม่ได้หมายถึงอย่างที่ว่ามา แต่หมายถึงการทำความผิดอย่างเช่นลักทรัพย์ ฆ่าคนตาย ปลอมเอกสาร แจ้งความเท็จ อะไรทำนองนี้เท่านั้น ยัง..งง..ป่าวครับ เอางี้ครับง่ายๆ....ถ้าความผิดใดไม่ได้ระบุว่าให้ยอมความกันได้ถือเป็นความผิดต่อแผ่นดิน  ถ้าอยากทราบมากกว่านี้ต้องอธิบายกันยาว เดี๋ยวเบื่อ

มาเข้าเรื่องดีกว่าครับ

เมื่อราวปี พ.ศ.2529 ได้มีจำเลยท่านหนึ่งเดินเข้ามาพบผมที่สำนักงานพร้อมกับหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องของศาล บอกให้ผมช่วยหน่อยกลัวติดคุก เหตุที่ได้มาพบผมโดยตรง เพราะลูกสาวของจำเลยท่านนี้เคยมาฝึกงานและทำงานที่สำนักงานประมาณปีเศษ  ผมกับน้องๆทนายในสำนักงานเคยไปเที่ยวไปนอนพักที่บ้านของจำเลยท่านนี้ จึงสนิทสนมกันพอควร ผมเรียกท่านว่าคุณอา ส่วนท่านเรียกผมว่าคุณทนาย

เมื่ออ่านเรื่องและสอบถามเบื้องต้นทราบว่า คุณอาได้ปลูกต้นยางพาราล่วงล้ำเข้าไปในที่ดินของฝ่ายโจทก์ และตามฟ้องก็ระบุว่าจำเลยได้บุกรุกเข้าไปปลูกยางพาราในที่ดินของฝ่ายโจทก์ เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ฝ่ายโจทก์มาบอกให้ถอนต้นยางพาราออกไปเสีย แต่จำเลยไม่ยินยอม บอกว่าก่อนปลูกยางพาราได้ให้เจ้าหน้าที่กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางมาตรวจนับแล้วและยืนยันว่าไม่ได้รุกล้ำที่ดินของฝ่ายโจทก์ จึงไม่ยอมถอน แต่เมื่อฝ่ายโจทก์ให้เจ้าหน้าที่มาทำการรังวัดสอบเขตก็ทราบชัดว่า จำเลยปลูกยางพาราล่วงล้ำเข้าไปถึง  5 ไร่ จากวันที่รังวัดสอบเขตเสร็จจนถึงวันที่จำเลยถูกฟ้อง ก็ปาเข้าไปจะปีหนึ่งส่วนต้นยางสูงจะสองเมตรกว่าแล้ว ทันทีที่จำเลยเซ็นรับหมายศาลก็รีบมาพบผมทันที ซึ่งผมทราบอยู่ว่าที่ดินของคุณอามีประมาณ 50 ไร่ มีแนวเขตที่ดินด้านหนึ่งติดกับที่ดินของฝ่ายโจทก์  ก่อนจะปลูกยางพาราแนวเขตที่ดินมีเพียงหลักเขตโฉนดที่ดินปักไว้เป็นแนวเขตเพียงสองหลัก ตอนจ้างรถไถมาปรับหน้าดินเพื่อปลูกยางพาราทำให้หลักเขตหายไปจนชี้ไม่ได้ว่าแนวเดิมอยู่ตรงไหน  ฝ่ายโจทก์มาเห็นว่ามีการปลูกยางพาราไว้ตอนต้นยางสูงประมาณครึ่งเมตร ก็ได้สอบถามหาหลักเขตที่ดินก็หาไม่เจอ เลยให้เจ้าหน้าที่ทำการรังวัดสอบเขตจึงทราบว่ามีการปลูกยางพารารุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ แล้วได้แจ้งให้จำเลยถอนต้นยางส่วนที่รุกล้ำออกไปเสีย แต่จำเลยก็ไม่ได้ถอนออกไปปล่อยไว้เฉยๆ เลยเป็นคดีไปสู่ศาล

พักสายตากันหน่อยนะครับ

 

มาต่อกันครับ

ผมสอบถามความต้องการได้ความดังนี้ครับ

ผม.....ถามหน่อย....ที่ดินส่วนที่คุณอา..รุกเข้าไปปลูกยางนี้ทราบป่าวว่าเป็นที่โจทก์

คุณอา....เดิมไม่ทราบ เพราะหลักเขตมันหายตอนไถที่

ผม.......แสดงว่าตอนนี้รู้แล้วว่าแนวเขตที่ดินของคุณอาอยู่ตรงไหน

คุณอา.....รู้...ตอนรังวัดสอบเขต

ผม......ถ้ารู้ทำไมไม่ถอนต้นยางส่วนที่ล้ำเสียหละ

คุณอา.....ปลูกยางเลยเข้าไปสองแถว ก็ไม่ได้คิดจะไปเอาที่เขา ปุ๋ยไม่ได้ใส่ตั้งแต่รู้ว่าล้ำ ตรงนั้นเป็นป่าหญ้าไม่มีใครใช้ทำอะไรเลยปล่อยไว้เฉยๆไม่เห็นแปลกอะไร

ผม....ตอนนี้มันแปลกแล้วเขาถึงได้ฟ้อง ถ้าเขาบอกให้ไปถอนอีกครั้งจะถอนป่าว

คุณอา.....ถ้าให้ถอนก็ถอนได้ ช่วยหน่อยคุณทนาย

ผม.....ช่วยอยู่แล้ว แต่ตังค์ค่าทนายหละ....ฮา....

คุณอา......เสียตังค์ด้วยหรือ.....ฮา.....

ผม....ที่ต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ ลูกสาวคนสวยก็ไม่มาด้วย ต้องเสียตังค์...ฮา....

คุณอา...อี..??...(ชื่อเล่นลูกสาว) มันเอาผัวแล้วคุณทนายจะเอาอีกหรือ...ฮา...

ผม......ลูกสาวไม่มา ก็ต้องคิดตังค์.....ฮา....

คุณอา.....แต่...ผัวมันไปทำงานเมืองนอก...จะถามมันก่อน.....ฮา...

ผม....ไม่เอาแล้ว.....ให้คนอื่นใช้..จนเก่าแล้วไม่เอา...ฮา..

คุณอา....แล้วถามทำไม ถามแล้วไม่เอา...ฮา....

ผม......เอางี้....ผมจะช่วยเสร็จคดีแล้วรีบไปถอนต้นยางให้เขาเสียนะ ส่วนลูกสาวคุณอาน่าจะเก่ามากแล้ว......ฮา....เก็บไว้หุงข้าวเถอะ...ฮา....

เมื่อถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ผมซักค้านพยานฝ่ายโจทก์จนได้ความว่า ตัวโจทก์ทราบเรื่องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินตั้งแต่วันที่รังวัดเสร็จ เพราะจำเลยบอกกับตัวโจทก์ในวันที่ชี้ระวังแนวเขตว่าเป็นคนปลูกยางพาราจำนวนสองแถวที่ล้ำเข้าไปในแนวที่ดินด้วยตัวเอง โจทก์จึงบอกในเวลานั้นว่าให้รีบถอนออกไปเลย ไม่งั้นจะฟ้องข้อหาบุกรุก นับจากเวลาดังกล่าวนี้จนถึงวันฟ้องคดีเป็นเวลา 11 เดือน 8 วัน  และการฟ้องคดีนี้โจทก์ได้ว่าจ้างทนายให้ฟ้องคดีด้วยตนเอง ไม่เคยแจ้งความร้องทุกข์ไว้  เมื่อได้ความดังนี้ศาลจึงพิพากษายกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความ  คือผมชนะคดีนี้ตั้งแต่ชั้นไต่สวนมูลฟ้องเลยครับ เพราะคดีนี้ฟ้องเมื่อเกินกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่โจทก์รู้เรื่องการกระทำความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งในที่นี้ โจทก์รู้เรื่องว่าที่ดินถูกบุกรุกแน่นอนตั้งแต่วันรังวัดสอบเขต และรู้ว่าจำเลยเป็นคนบุกรุก อายุความจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันดังกล่าว โดยโจทก์มีทางเลือกสองทาง คือ

1.แจ้งความร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน

2.หรือไม่ก็ต้องฟ้องคดีด้วยตนเองภายใน  3 เดือน

แล้วถามว่าท่านทนายโจทก์ไม่ทราบหรือว่าคดีขาดอายุความแล้ว ขอตอบว่าทราบครับ....ท่านผู้อ่านอาจคิดว่างั้นท่านทนายโจทก์ประสงค์อย่างเดียวคือเงินค่าทนาย....ขอตอบแทนเลยว่าไม่ใช่ครับ ท่านทนายโจทก์คิดอย่างนี้ครับ คือท่านคิดว่าคดียังมีอายุความอยู่เพราะการบุกรุกยังมีต่อเนื่องมาตลอดนับจากวันแรกที่บุกรุกเข้าไปปลูกต้นยางพารา แต่ศาลมองว่าการบุกรุกและเข้าไปทำลายหลักแนวเขตที่ดินเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกและถือเป็นความผิดที่สำเร็จแล้วแม้ต่อมายังมีการบุกรุกกันอยู่ก็ต้องถือว่าเป็นการบุกรุกที่ดินกันเพียงครั้งเดียวไม่ได้ถือว่าเมื่อเดินออกมาแล้วกลับเข้าไปใหม่ถือเป็นความผิดที่ได้เกิดขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่อย่างใด เมื่อโจทก์รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำความผิดต้องดำเนินคดีภายในกำหนดอายุความ 3 เดือน เพราะคดีนี้เป็นความผิดอันยอมความได้ ที่ผมว่ามานี้มีกฎหมายระบุไว้ตามนี้ครับ

มาตรา 363 ผู้ใดเพื่อถือเอาอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเป็นของตน  หรือของบุคคลที่สามยักย้ายหรือทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนเรื่องอายุความก็มีกฎหมายว่าไว้ตามนี้ครับ  

มาตรา 96  ภายใต้บังคับมาตรา 95 ในกรณีความผิดอันยอมความได้ถ้าผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ

พักอีกครั้งนะครับจะได้ไม่เบื่อ

 

 

มาต่อให้จบครับ

ดังนั้นจำไว้นะครับ ในคดีบุกรุกจะแจ้งความหรือจะฟ้องคดีเองก็ต้องทำภายใน 3 เดือน นับแต่มีเหตุการณ์ทำให้เราเกิด“รู้” สอง “รู้”  นะครับ

รู้ที่หนึ่ง รู้เรื่องการบุกรุก

รู้ที่สอง รู้ตัวคนกระทำความผิด

แต่ถ้าขาดรู้ใดรู้หนึ่ง อายุความยังไม่เริ่มนับครับ

 

ขอชี้แจงหน่อยครับ คือจำเลยท่านนี้สนิทสนมกับทนายในสำนักงานทุกคน พูดจาหยอกล้อกันเป็นประจำตอนที่ลูกสาวของท่านมาทำงานอยู่กับสำนักงาน เพราะทุกเย็นวันศุกร์ท่านจะต้องมารับลูกสาวกลับไปต่างจังหวัด ทนายทุกคนในสำนักงานมีโอกาสติดรถท่านไปเที่ยว ไปนอน ไปกินที่บ้านท่านเป็นประจำ ท่านมีความเดือนร้อยไม่สบายใจ ทนายทุกคนในสำนักงานยินดีช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าตอบแทนใดๆอยู่แล้ว ลูกสาวของท่านทนายในสำนักงานทุกคนก็รักเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง จึงกล้าหยอกล้อท่าน ตอนที่ท่านเดินเข้ามาในสำนักงานสีหน้าอมทุกข์เพราะกลัวติดคุก แต่เมื่อได้รับรู้แนวทางการต่อสู้คดีแล้ว กอปรกับผมชวนพูดเล่นเลยหายเป็นกังวล

คราวหน้าจะเล่าเรื่อง คดีอาญาใน ความผิดฐานหมิ่นประมาท

 

 

มีฎีกาใกล้เคียงกับเรื่องที่เล่าให้อ่านเล่นๆ จะอ่านก็ได้ไม่อ่านก็ได้ครับ 

2253/2531

     จำเลยเข้าไปปักเสา  และปลูกต้นมะขามในที่ดินของโจทก์ก็เพื่อ

ถือการครอบครองที่ดินของโจทก์ ดังนั้น ความผิดฐานบุกรุกได้เกิดขึ้น

และสำเร็จแล้วเมื่อจำเลยเข้าไปกระทำการดังกล่าว ส่วนการครอบครอง

ที่ดินต่อมาเป็นเพียงผลของการบุกรุก  การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็น

ความผิดต่อเนื่องตราบเท่าที่จำเลยยังถือการครอบครองที่ดินของโจทก์

     โจทก์บรรยายฟ้องว่า  เหตุเกิดระหว่างวันที่ 1 ถึง 10 สิงหาคม

2528 เวลาใดไม่ปรากฏชัด  ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 362 และ 363  โดยมิได้บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดเวลากลางคืน

แม้จะมีข้อความตอนหนึ่งว่าขณะนี้จำเลยยังคงบุกรุกอยู่ ซึ่งพอเข้าใจได้

ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินตามฟ้องทั้งเวลากลางวันและกลางคืน  แต่โจทก์ก็มิได้

ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(3) จึงถือไม่ได้

ว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา

365 (3)  อันเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน เมื่อความผิดตามประมวล

กฎหมายอาญา มาตรา 362 และ 363 เป็นความผิดอันยอมความกันได้

โจทก์มิได้ร้องทุกข์และได้ฟ้องคดีเองเมื่อพ้นกำหนดสามเดือนนับแต่วัน

รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์จึงขาดอายุความตาม

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96

หมายเลขบันทึก: 347152เขียนเมื่อ 25 มีนาคม 2010 22:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (31)

สวัสดีค่ะ ไม่ได้ทักทายสะนานสบายดีไหมคะ

เรื่องบุกรุกที่ดิน แล้วเจ้าของไม่ทราบจนขาดอายุความเนี่ยมีบ่อยๆเลยนะคะ ยิ่งคนที่มีที่ดินเยอะๆจนจำไม่ได้ไม่เคยไปดูที่ดินตัวเองด้วยแล้วเนี่ยเจอแบบนี้บ่อยเลยค่ะ

โชคดีนะที่เรามีที่เท่าหนวดกุ้ง ฮ่าๆ คุณทนายคะเคยได้ยินว่าสมัยนี้ที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรต้องเสียภาษีด้วยยังไงหรือคะ ^^

  • คุณทนายที่เคารพ
  • เป็นภาษาทนายที่อ่านง่ายที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา (ในมติชนไง เนื้อหาดี๊..ดี แต่เขียนอ่านแล้วปวดศีรษะมาก - ต้องอ่านตอนละ ๓ รอบ)
  • เคยเขียนจดหมายไปบอกด้วยนะคะว่า เรื่องคดีความ(ของชาวบ้าน-ไม่ใช่ของเรา)สนุกมาก ได้ความรู้มาก กรุณาเมตตาชาวบ้านตาดำๆ ที่อยากรู้(เรื่องชาวบ้าน)เขียนด้วยภาษาชาวบ้านหน่อยนะคะ แต่ท่านยังเขียนภาษาทนายอยู่ดี
  • ดิฉันเคยเกือบขึ้นศาลหนหนึ่งแล้วเชียว  แต่เผอิญ...ต่อสู้เองจนชนะซะก่อน...อดเลยค่ะ (เคยติดตามสามีไปเป็นพยานหนหนึ่ง  ชาวพนักงานศาลนี่เขาดุจัง..พูดแบบนี้หมั่นศาลมั๊ยคะ)
  • อ่านบันทึกของท่านแล้วราวกับนั่งดูหนัง "มนต์รักทะเลใต้" แน่ะ มี Intermission ด้วย ฮ่า...ฮ่า...
  • จะฝ่าม๊อบแดงมาอ่านบ่อยๆ 

... อ่านเรื่องสั้นแล้ว ถาม-ตอบ อย่างทนาย ซึ่งจะเขียนเมื่อมีอารมณ์...

อิ อิ เพิ่งทราบนะคะว่างานอาชีพทนายนี่ ต้องมีอารมณ์ ด้วย ;)

คืนนี้ขออนุญาติมีอารมณ์แค่ชมภาพเฉยๆ นะคะเก็บเนื้อไว้ก่อนค่ะ ;)

... ภาพแมลงปอปีกบาง เจ้ากางปีกสวย โบยบินพริ้วไหว งามจับใจค่ะ

ดาวกระจายก็พริ้วซะ ยังกะจงใจจับกลีบไหว .. ภาพแจ่มมากๆ  ฝันดีนะคะ

ยังไม่ได้อ่าน ผ่านตาไปชมภาพสวยๆ ก่อน แล้วค่อยย้อนมาอ่านหนึ่งรอบ

แบบนี้มันต้อง "ถอน" แม่นบ่ท่าน....

สวัสดีครับคุณP Orn คนน่ารัก

คือในเรื่องความผิดฐานบุกรุกนี้โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายแล้วไม่ประสงค์ให้นำมาใช้เกี่ยวกับเรื่องการแย่งชิงที่ทำกินกัน แต่เจตนาจะให้มีการปกป้องการพักอาศัยในบ้านเรือนให้เป็นปกติสุข  แต่เมื่อเขียนออกมาแล้วนักกฎหมายนำมาใช้เพื่อบีบบังคับเอาที่ดินคืนจากผูแย่งชิง จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลากับการฟ้องร้องกันในทางแพ่ง ซึ่งคำตัดสินส่วนใหญ่ผู้บุกรุกจะถูกศาลลงโทษปรับ ส่วนโทษจำคุกให้รอการลงอาญาไว้ หนึ่งปีบ้าง สองปีบ้าง จะมีที่ต้องโทษจำคุกจริงๆน้อยมาก เพราะศาลมองว่าผู้บุกรุกมีความจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อการยังชีพเสียมากกว่าครับ กฎหมายถึงกำหนดให้เป็นความผิดอันยอมความได้และกำหนดอายุความให้น้อย เพราะหากเจ้าของที่ดินหรือบ้านจะให้ผู้บุกรุกออกไปหรือไม่ให้มาเกี่ยวข้องอีกก็ต้องไปฟ้องขับไล่ หรือฟ้องบังคับให้ส่งมอบคืนในทางคดีแพ่งครับ

ส่วนที่คุณอรถามว่า " คุณทนายคะเคยได้ยินว่าสมัยนี้ที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรต้องเสียภาษีด้วยยังไงหรือคะ "

คำตอบ (ขอตอบยาวหน่อย ทนอ่านนะครับมีประโยชน์)

คืองี้ครับ ตอนนี้รัฐกำลังจะจัดให้มีกฏหมายใหม่คาดว่าจะบังคับใช้ในอีก1ปีข้างหน้าเรียกกฎหมายนี้ว่า "พระราชบัญญัติการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" เพื่อใช้บังคับและจัดเก็บภาษีเกี่ยวกับที่ดิน แทน  พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งเป็นกฎหมายเดิม โดยมีหลักการจัดเก็บภาษีเป็น 3 อัตราคือ

 

  1. อัตราทั่วไปสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเชิงพาณิชย์ อัตราไม่เกิน 0.5% ของมูลค่าตามที่ประเมิน
  2. ที่อยู่อาศัย อัตราไม่เกิน 0.1% ของมูลค่าตามที่ประเมิน
  3. ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม อัตราไม่เกิน 0.05% ของมูลค่าตามที่ประเมิน

และตามกฎหมายฉบับนี้ในกรณีที่ดินว่างเปล่าคือเจ้าของที่ดินไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือได้ทำประโยชน์ในที่ดิน จะจัดเก็บในอัตรา 0.5% ของมูลค่าตามที่ประเมิน และจะต้องจัดเก็บเพิ่มขึ้น 1 เท่าของทุก 3 ปี ทั้งนี้รัฐมีเจตนารมณ์ในการบังคับให้เจ้าของที่ดินมีการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างจริงจัง เช่นบางคนมีที่ดินเป็น 1000 ไร่ แต่ไม่ได้เอามาทำอะไรเลย ขณะที่ยังมีชาวไทยอีกจำนวนมากไม่มีแม้แต่ที่จะนอนพักในยามค่ำคืน แต่มีที่ดินซึ่งปล่อยให้ว่างเปล่า เจ้าของที่ดินจะได้คิดจัดการหาวิธีการให้ที่ดินของตัวมีการใช้ประโยชน์ขึ้น โดยอาจให้เช่าปลูกพืชผัก หรืออาจว่าจ้างบุคคลที่ไม่มีที่ดินทำกินให้เข้าไปทำกินในที่ดินเพื่อจะได้เสียภาษีน้อยลง เป็นแนวคิดที่รัฐไม่ต้องลงทุนอะไรมากแต่บังคับให้มีการจ้างงานหรือจัดให้มีงานทำมากขึ้นไม่ใช่มีเงินแล้วซื้อแต่ที่ดินมาเก็บไว้เท่านั้น แนวคิดนี้เกิดมานานมากแล้วแต่ไม่มีการทำให้ก่อเกิดขึ้นจริง

ที่บอกมานี้ต้องเข้าใจด้วยนะครับว่า กฎหมายตัวนี้ยังไม่ได้ประกาศใช้นะครับก็รออยู่ว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีความจริงใจป่าว หรือเอาแต่พูด

กฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้แล้วดีแน่ครับ ใครมีเงินมากซื้อที่ดินเก็บไว้มากก็เสียภาษีมาก  คนในสภามีมากกว่า 80 % ครับที่มีที่ดินมากไม่ได้ทำประโยชน์

จริงๆแล้วตามกฎหมายเดิมหากปล่อยไว้ให้เป็นที่ดินว่างเปล่าก็ต้องเสียภาษีอยู่แล้วครับแต่ไม่ได้จัดเก็บในอัตราก้าวหน้าเพื่อบังคับให้ทำประโยชน์ และตามกฎหมายใหม่นี้ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน จะถูกจัดเก็บภาษีน้อยมากครับรวมแล้วไม่น่าเกิน  100 บาทต่อปี กฎหมายตัวนี้จะได้เห็นความจริงใจของคนในสภากันก็คราวนี้หละครับ

ขอบคุณนะครับที่ถาม ท่านอื่นๆที่ผ่านมาอ่านความเห็นนี้จะได้ทราบด้วย

สวัสดีครับคุณ P nui

อิ.อิ.คุณนุ้ยเรียกผมยังกับเป็นผู้อำนวยการเลยนะครับ คราวหน้าเรียกทนายหรือคุณทนายก็พอแล้วครับ หากจะบอกว่าให้เรียก"ทนายเฉยๆ" เดี๋ยวเรียก "ทนายเฉยๆ" เลยไปกันใหญ่....ฮา...

ผมก็พยายามเขียนให้อ่านในรูปแบบง่ายๆนะครับ หลีกหนีภาษากฎหมายเพื่อความเข้าใจอย่างง่ายๆ มีแทรกอารมณ์ขันบ้าง เพื่อไม่ให้น่าเบื่อ แต่ก็มีบางครั้งยังอดไม่ได้ที่จะใช้ภาษากฎหมาย เพราะเกรงจะเข้าใจความหมายที่ผิดไปจากเจตนารมณ์ของกฎหมาย นี้ก็เกรงอยู่ว่าอาจมีนักกฎหมายออกมาท้วงติงว่าทำให้ภาษากฎหมายผิดเพี้ยนไป ก็ต้องขออภัยต่อนักกฎหมายทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย

เดี๋ยวนี้ศาลและชาวพนักงานศาลปรับปรุงและปรับตัวกันมากแล้วครับ บริการผู้ที่ไปติดต่อด้วยน้ำใจไมตรี ยิ้มแย้มมากขึ้น พูดจาน่ารักขึ้นมากแล้วครับ ผมยังเคยได้ยินเจ้าหน้าที่งานธุรการศาลที่ ศาลแขวงพระนครใต้ พูดกับลูกของจำเลยที่กำลังยื่นขอประกันตัวแม่ว่า "น้องนั่งรอคะ ขอเวลาพี่เดี๋ยว รับรองว่าจะเสนอเรื่องประกันให้ทันศาลสั่งก่อนสี่โมง พี่เต็มใจช่วย ถ้าคุณแม่ของน้องได้ประกันตัว พี่ก็ได้บุญด้วย ใจเย็นๆนะ " ผมจำคำพูดนี้ได้แม้นเลยครับ ก่อนกลับออกจากศาลผมยังเดินไปขอบคุณเจ้าหน้าที่ท่านนั้นเลยครับเพื่อให้กำลังใจท่านว่าท่านทำดีมีคนเห็นทั้งที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในคดีนั้นเลย

ขอให้คุณนุ้ยปลอดภัยและมีความสุขไม่ต้องไปศาลหรือใช้บริการทนายตลอดชาตินี้นะครับ

ขอบคุณนะครับที่แวะมาให้กำลังใจ

สวัสดีครับคุณ P pooดำอันดามัน

เข้ามาจองที่นั่งชมความสวยของดาวกระจายแล้วรีบกลัมมาอีกนะครับทนายกลัวเหงา ยิ่งคนสวยอันดามันตัวดำๆอ้วนๆมาเยี่ยมแต่ละครั้งเหมือนได้กินข้าวกับ"แกงพุงปลา" อิ.อิ.

ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมบ่อยๆ

สวัสดีครับคุณ P อิงคนสวยหน้าตาดี

อย่างนี้ต้องล่อด้วยของสวยๆอีกทีกลัวไม่กลับมาถอน

แฮ...รีบๆมาถอนนะครับ ขืนช้าเดี๋ยวค้าง....อิ.อิ.

ขอบคุณครับรีบแวะมานะครับจะรอ

สวัสดีค่ะ

ตามมาขึ้นศาลด้วยค่ะ อิอิ

เพิ่งทราบเลยค่ะว่าต้องดำเนินคดีให้เสร็จในสามเดือน ทำไมกฏหมายให้เวลาน้อยจังเลยคะ

ถ้างั้นคดีนี้คุณทนายชนะคดี แล้วฝ่ายที่บุกรุกที่ดินเค้าก็ไม่ต้องรื้อถอนออกไปเหรอคะ

แหะๆๆ ถ้าเราเป็นฝ่ายโจทก์ สมมติว่าต้นไม้ที่มาปลูกในที่ดินเราเป็นผลไม้ที่ออกผลได้ เราสามารถเก็บผลนั้นไปขายได้หรือไม่คะ

ถ้าจำเลยไม่ยอมรือถอนออกไป คือว่า ไม่เข้าใจจริงๆค่ะ แหะๆๆ

โอ้ย..ยายลาย...

โชว์บวบเลยดีกว่า ^^


สวัสดีครับคุณ P หนึ่งห้าหน้า

จริงๆแล้วในคดีอาญาเรื่องบุกรุกนี้ เจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการจะคุ้มครองผู้พักอาศัยในบ้านเรื่อนมากกว่าครับ แต่เป็นเพราะนักกฎหมายนำมาใช้ในเจตนาอื่นเพื่อประหยัดเวลาการดำเนินคดีแพ่งนะครับ ไม่ได้มีเจตนาจะให้มีการติดคุกกันเพราะเหตุนี้ และศาลท่านก็อ่านและเข้าใจเจตนาของทั้งโจทก์และจำเลยดีว่าต้องการอะไร

หากเราเป็นเจ้าของที่ดินเมื่อเขาบุกรุกเข้ามาแย่งชิงการครอบครองของเราก็ต้องฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายกันในทางแพ่งครับ อันที่จริงแล้วที่ดินไม่ควรจะปล่อยให้ว่างเปล่าโดยไม่ทำประโยชน์ มีกฎหมายหลายฉบับบังคับไว้ด้วยซ้ำว่าหากปล่อยให้รกร่างว่างเปล่าให้รัฐยึดกลับเป็นของรัฐ แต่ในทางปฏิบัติไม่ได้กระทำกัน เพราะหากเราดูแลทำประโยชน์อยุ่ในที่ดินการบุกรุกแย่งชิงการครอบครองก็จะไม่เกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องฟ้องเอาคืนในทางแพ่ง แต่นักกฎหมายจะใช้วิธีลัดครับคือใช้ทางอาญา เพื่อบีบบังคับให้คืนที่ดินกัน

ส่วนคดีนี้ จำเลยไม่มีเจตนาจะเอาที่ดินของโจทก์อยู่แล้วครับ หลังจบคดีก็ได้ทำบันทึกส่งมอบคืนกันโดยดี เหตุที่โจทก์ฟ้องเพราะไม่กล้าไปโค้นหรือถอนต้นยางพาราของจำเลยเกรงว่าจำเลยจะดำเนินคดีฐานทำให้เสียทรัพย์

อย่างกรณีที่คุณหนึ่งถามว่า

" สมมติว่าต้นไม้ที่มาปลูกในที่ดินเราเป็นผลไม้ที่ออกผลได้ เราสามารถเก็บผลนั้นไปขายได้หรือไม่คะถ้าจำเลยไม่ยอมรือถอนออกไป "

คำตอบครับ

คุณหนึ่งไม่สามารถจะไปเก็บผลไม้ของจำเลยไปขายได้ครับ เพราะผลไม้เป็นของจำเลยทั้งนี้เพราะจำเลยเป็นคนปลูก

คุณหนึ่งเป็นเพียงเจ้าของที่ดินไม่ได้เป็นเจ้าของต้นไม้ที่ออกผลมาหากเก็บไปขายอาจมีความผิดฐานลักทรัพย์

ส่วนที่จำเลยบุกรุกเข้ามาปลูกต้นไม้จนเป็นผลแล้ว คุณหนึ่งทำได้อย่างเดียวคือฟ้องขับไล่จำเลยให้รือถอนต้นไม้ออกไปและเรียกร้องค่าเสียหายเอาจากจำเลยหรือจะฟ้องเป็นคดีอาญาฐานบุกรุกหรือจะฟ้องทั้งแพ่งและอาญาก็ได้ครับ

อันนี้ต้องแยกกันนะครับระหว่างการเป็นเจ้าของที่ดินกับเจ้าของต้นไม้ ก็อย่างที่ผมว่าไว้แล้วถ้าเราได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยตลอดจะไม่มีใครมาบุกรุกได้หรอกครับ ต่อไปจะมีกฎหมายใหม่ออกมาบังคับโดยใช้ภาษีเป็นตัวบังคับให้เจ้าของที่ดินต้องใช้ประโยชน์ในที่ดินให้มากขึ้น หากไม่ใช้ประโยชน์ก็จะเก็บภาษีมากขึ้นเป็นทวีคูณครับ

หวังว่าคงไม่ งง กับคำตอบนะครับ หากคุณหนึ่งมีที่ดินมากๆดูแลไม่ทันยกให้ผมบ้างก็ได้นะครับ..ฮา....ใครมาบุกรุกผมจะฟ้องคดีเองไม่จ้างทนายด้วย...อิ.อิ.

ขอบคุณครับที่ถามเพราะท่านอื่นที่เข้ามาอ่านความเห็นนี้จะเข้าใจได้ด้วย

สวัสดีครับท่าน P เกษตร(อยู่)จังหวัด

ฮา....ท่านโชว์บวบยาวๆของใครครับท่าน

แล้วของท่านหละครับทำไมไม่โชว์....อิ.อิ.

ผมหมายถึงบวบที่ท่านปลูกเองนะ..ฮา...(คิดมากไปป่าว)

ขอบคุณครับที่แวะเอาบวบมาฝากน่ากินจัง

สวัสดีครับท่านทนาย

ผมตอบแทนครับ

บวบที่ท่านเกษตรอยู่จังหวัดเอามาโชว์

เป็นบวบท่านเกษตร ยะลาครับ (บวบยาว) ฮาๆๆ

สวัสดีครับท่าน P วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei

ฮา...รู้เดี๋ยวนี้เองว่าท่านวอญ่าชอบดูแล้วจำว่าบวบของใคร

แล้วท่านเคยเห็นบวบของท่านเกษตร(อยู่)จังหวัดป่าว

ไม่รู้ยาวเหมือนของท่านเกษตร ยะลา ป่าวนะ...ฮา....

ขอบคุณครับที่มาให้กำลังใจบ่อยๆ

สวัสดีค่ะ..วันนี้คุณทนายมีเรื่องมาเล่าให้ความรู้อีกแล้ว

..พวกบุกรุกเนี๊ยะ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆน่ะค่ะ..

 

ขอบคุณค่ะ คุณทนายที่ช่วยให้ความรู้

เห็นด้วยค่ะ มีที่ดินเยอะแยะที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย เสียภาษีก็ไม่ได้เสียปล่อยทิ้งว่างไว้เก็งราคาเฉยๆ

กลับกันยังมีชาวบ้านอีกมากมายที่ไม่มีที่ทำกิน

ความแตกต่างของชนชั้นมันมากจริงๆค่ะ คนรวยๆล้นฟ้า คนจนก็จนจมดินไปเลย

ที่ๆบ้านอรก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรก็ให้ ชาวไร่ ชาวนา เขาเช่าไปทำนา ปลูกข้าวค่ะ ปีละไม่กี่พันบาท แต่ชาวบ้านเขาก็น่ารักค่ะพอถึงหน้าเก็บเกี่ยวก็จะเอาข้าวมาฝากหลายกระสอบ ที่บ้านไม่เคยต้องไปซื้ัอข้าวทานเลยค่ะ มีแต่คนเอามาให้ บางทีเยอะเกินจนหนูมันมากัดกินต้องเอาแจกจ่ายหรือเอาไปขายโรงสีด้วย ^^

อยากถามเรื่องเช่าด้วยค่ะ บางทีเราให้ชาวบ้านเขามาเช่าแบบปากเปล่า เขามาขอยืมที่ทำไร่ทำนา เราก็อนุญาติไปไม่ได้คิดอะไรไม่ได้ทำเป็นหนังสือสัญญาด้วย แบบนี้ถ้าเขาทำไร่ทำนาปลูกกระท่อมบนที่ของเราหลายๆปีเข้าเขายึดไปเลย กฎหมายจะช่วยอะไรได้ไหม๊คะ ? ถามไว้เผื่อไปเจอพวก"หัวหมอ"ค่ะ

คุณทนายค่ะ

ถ้าเราไปซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง เมื่อเราทำรั้วรอบที่ดินเสร็จปรากฏว่าที่ดินข้างเคียงเขาปลูกต้นมะปรางใหญ่เป็นแนวเขตตลอดที่ดินของเขา โดยที่กิ่งก้านของมันเข้ามาในที่ดินของเราประมาณ 5 เมตร ต้นไม้ในฝั่งของเราไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เขาไม่แก้ปัญหาใดๆ เราจะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ

สวัสดีครับคุณ P New.ครูบันเทิง

เรื่องบุกรุกนี้ส่วนใหญ่ที่เป็นปัญหาจนต้องไปจบกันที่ศาล  เป็นการบุกรุกที่ดินมากกว่าบุกรุกที่อยู่อาศัยครับ เพราะการบุกรุกที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเป็นความผิดด้านอื่นด้วยเช่น การลักทรัพย์ การข่มขืน การทำร้ายร่างกาย อะไรทำนองนี้ ดังนั้นหากคุณครูมีที่ดินก็ต้องไปตรวจสอบดูแลบ่อยๆ และแต่ละครั้งที่แวะไปดูที่ดินก็ควรจะถ่ายภาพไว้บ้าง โดยถ่ายให้ติดหนังสือพิมพ์ไว้ด้วย คืออาจให้มีคนยืนถือหนังสือพิมพ์ ที่มีหัวข้อข่าวในวันที่ถ่ายภาพ เพื่อไว้ยืนยันว่าในวันดังกล่าวได้เข้าไปดูแลที่ดินจริงๆ หากมีกรณีบุกรุกขึ้นก็จะเป็นประโยชน์ครับ

ขอบคุณครับที่ติดตามให้กำลังใจบ่อยๆ

สวัสดีครับคุณP  Orn คนน่ารัก

ผมกำลังรอให้กฎหมายใหม่ใช้บังคับได้จริง...จะสามารถลดปัญหาเรื่องที่ทำกินไปได้มากครับ ชาวบ้านจะได้มีที่ทำกินกันได้บ้างแม้ไม่ใช่ที่ดินของตนเอง ผู้มีที่ดินจำนวนมากๆก็จะต้องให้ชาวบ้านช่วยเข้าไปทำกิน ไม่งั้นก็ต้องจ่ายภาษีที่ดินแพงเป็นทวีคูณ

ที่ดินของบ้านคุณอรได้ให้ชาวนาเช่าหรือใช้อยู่อาศัย นับว่าเป็นกุศลยิ่งเลยครับ เพราะอย่างน้อยก็ได้ให้โอกาสคนหนึ่งคนมีที่ทำมาหากิน แต่คนหนึ่งคนนั้นเขาสามารถทำให้ครอบครัวของเขามีชีวิตที่ดีขึ้น กุศลที่บ้านคุณอรสร้างนี้ไงครับถึงไม่ต้องซื้อข้าวทาน ยิ่งให้มากเราก็ได้มากครับคุณอร

ที่คุณอรถามว่า

อยากถามเรื่องเช่าด้วยค่ะ บางทีเราให้ชาวบ้านเขามาเช่าแบบปากเปล่า เขามาขอยืมที่ทำไร่ทำนา เราก็อนุญาติไปไม่ได้คิดอะไรไม่ได้ทำเป็นหนังสือสัญญาด้วย แบบนี้ถ้าเขาทำไร่ทำนาปลูกกระท่อมบนที่ของเราหลายๆปีเข้าเขายึดไปเลย กฎหมายจะช่วยอะไรได้ไหม๊คะ ? ถามไว้เผื่อไปเจอพวก"หัวหมอ"ค่ะ

คำตอบครับ

ขอแนะนำเลยครับว่าควรอย่างยิ่งที่จะต้องทำเป็นหนังสือ เพื่อตัดปัญหาที่อาจคาดไม่ถึงครับ เช่นเราอนุญาตให้ นาย ก.เช่าหรืออาศัยทำกิน แต่อย่าลืมว่า นาย ก. อาจมีลูก มีพี่ มีน้อง มีเมีย ฯลฯ เมื่อ นาย ก. ตายบรรดาท่านเหล่านี้อาจไม่ทราบว่าที่ดินที่ให้เช่าหรืออาศัยทำกินนั้นเป็นเจตนาดีของทางเรา แต่เขาอาจอ้างสิทธิครอบครองเมื่อสิ้น นาย ก. แล้วก็ได้ หรือไม่ต่อไปลูกหลานเราเองอาจไปมีปัญหากับท่านเหล่านี้ก็เป็นได้ ดังนั้นคุณอร ควรเรียกมาทำสัญญาเป็นหนังสือเสียทุกราย อันนี้เราต้องมองให้ไกลไปในอนาคตครับ

ส่วนสัญญาที่จะต้องทำ เช่นกรณีให้เช่าทำนา ก็ทำสัญญาให้เช่าทำนา  หรือให้สิทธิทำกิน ก็ทำสัญญาให้สิทธิทำกิน หรือให้ใช้ปลูกบ้านพักอาศัย ก็ทำสัญญาให้อาศัย ซึ่งบรรดาสัญญาเหล่านี้มีขายเป็นแบบสำเร็จทั่วไปลองไปหามาทำเสียเถอะครับ แต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ส่งอีเมล ถึงผมแล้วจะส่งไปให้ครับ

ขอบคุณครับที่ติดตามอ่านบันทึกตลอดมา

สวัสดีครับคุณครู P ปริมปราง

ตอนนี้โรงเรียนปิด คุณครูคงคิดถึงบรรดาศิษย์รักซิครับ บางคนจบไปเรียนต่อที่อื่นยิ่งไม่ได้เห็นหน้าอีกหลายปี อาจเห็นหน้าอีกทีตอนเขามาเป็นผู้ปกครองของลูกเขาอีกที นึกถึงตอนนั้น....อิ.อิ. ไม่รู้คุณครูยังสวยอยู่ป่าวนะ

คุณครูถามผมว่า

ถ้าเราไปซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง เมื่อเราทำรั้วรอบที่ดินเสร็จปรากฏว่าที่ดินข้างเคียงเขาปลูกต้นมะปรางใหญ่เป็นแนวเขตตลอดที่ดินของเขา โดยที่กิ่งก้านของมันเข้ามาในที่ดินของเราประมาณ 5 เมตร ต้นไม้ในฝั่งของเราไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เขาไม่แก้ปัญหาใดๆ เราจะทำอย่างไรได้บ้างค่ะ

คำตอบครับ

ปัญหานี้คุณครูคงต้องชม ท่านที่คิดและมองเห็นถึงปัญหานี้และได้หาทางแก้ไขไว้ก่อนเป็นการล่วงหน้า คือมีกฎหมายแพ่งกำหนดวิธีการแก้ไขไว้ให้แล้วครับแต่คุณครูต้องทำตามวิธีที่ผมจะบอกให้ดังนี้

  1. ทำหนังสือบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่ดินแปลงที่ปลูกต้นมะปราง โดยแจ้งในหนังสือว่าให้ทำการตัดกิ่งต้นมะปรางส่วนที่ล้ำเข้ามาในที่ดินของคุณครู โดยกำหนดเวลาให้สัก 15 หรืออาจจะมากกว่านั้นตามความเหมาะสม และให้แจ้งไว้ด้วยว่า หากทางเขาไม่ดำเนินการตัดกิ่งต้นมะปรางส่วนที่ล้ำเข้ามาในที่ดิน ทางเราก็จะดำเนินการตัดเสียเองโดยจะคิดค่าใช้จ่ายจากทางเขา แล้วส่งหนังสือทางไปรษณีย์ตอบรับไว้เป็นหลักฐาน
  2. เมื่อส่งหนังสือไปแล้วให้นำเอาสำเนาไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานอีกชั้นหนึ่งเพื่อไว้ยืนยันว่าทางเราได้บอกกล่าวและให้เวลาตามสมควรแล้ว
  3. เมื่อครบกำหนดตามที่ได้ให้เวลาแล้ว คุรครูก็สามารถจะว่าจ้างใครก็ได้ครับให้ไปตัดกิ่งมะปรางเฉพาะส่วนที่ล้ำเข้ามาในที่ดินได้เลย ส่วนค่าใช้จ่ายเราสามารถเรียกร้องเอาจากทางเขาได้ครับ หากเขาไม่ยินยอมจ่ายก็ต้องฟ้องศาลครับ (แต่ถ้าค่าใช่จ่ายไม่มากนักก็ถือว่าเราใช้ไปเพื่อบำรุงรักษาที่ดินเราก็แล้วกันครับ)

ที่ผมแนะนำเช่นนี้เป็นการทำตามกฎหมายแพ่งมาตรานี้ครับ

มาตรา 1347 เจ้าของที่ดินอาจตัดรากไม้ซึ่งรุกเข้ามาจากที่ดินติดต่อและเอาไว้เสีย ถ้ากิ่งไม้ยื่นล้ำเข้ามา เมื่อเจ้าของที่ดินได้บอกผู้ครอบครองที่ดินติดต่อให้ตัดภายในเวลาอันสมควรแล้ว แต่ผู้นั้นไม่ตัด ท่านว่าเจ้าของที่ดินตัดเอาเสียได้

คุณครูอย่าไปตัดกิ้งมะปรางโดยไม่มีการดำเนินการตามที่ผมแนะนำนะครับ เพราะยังไงเสียกิ่งมะปรางก็ยังเป็นทรัพย์ของเขาหากเราตัดไปโดยไม่บอกกล่าวและให้เวลาเขาตามสมควรแล้วเราอาจถูกเขาฟ้องฐานทำให้เสียทรัพย์ได้ครับ

ขอบคุณครับที่ถามคำถามนี้เพราะอาจยังปประโยชน์ต่อท่านอื่นได้ด้วย

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

เรื่องที่บางทีก็ไม่ได้สนใจ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่เคยเป็นคนงานเก่าของคุณพ่อมาขอที่ไปทำนาปลูกผลไม้ ก็ให้ไปไม่ค่อยได้ทำสัญญาอะไร แถมที่ก็อยู่ไกลไม่มีเวลาไปดูด้วย พวกต้นไม้ที่เคยไปปลูกไว้แถวนั้นหายไปหมดเลยค่ะ ฮ่าๆ ไว้จะไปลองไปแนะนำให้พ่อทำสัญญาเผื่อไว้เวลามีปัญหาจะได้ไม่ต้องมานั่งขึ้นโรงขึ้นศาล ^^ ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ ไม่ได้เข้ามานานคิดถึงเรื่องราวของคุณทนายคืนนี้แวบงานมาอ่านได้หนึ่งเรื่องแบบคร่าวๆ งานเสร็จเมื่อไร (หลังสิ้นเดือน)แล้วจะมาติดตามอ่านใหม่นะคะ

ทักทายจากเมืองตรัง(อีกแล้ว)ค่ะคุณทนายแปดฯ

มาอมยิ้มคห.ของพี่ชายเกษตรปะทะคุณทนาย ได้ฮาเฮทุกที อิ อิ

ขอติดค้างเนื้อหาไว้ก่อนนะคะเพราะมันย๊าว ยาว แค่อ่านเครื่องเคียงก็ได้อมยิ้มแล้วค่ะ

ถ้าได้เข้าเมืองกรุง จะไปบุกรุกแถวลาดพร้าวแล้วกันนะคะ มีความสุขปีใหม่ไทยค่ะ  

สวัสดีครับคุณ P Ornคนน่ารัก

ยินดีอย่างยิ่งครับที่คำแนะนำของผมจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจมีมาในอนาคตได้ รีบทำสัญญาเสียในช่วงลูกน้องคนเก่าคนแก่ของคุณพ่อคุณอร  ขณะยังพูดคุยกันได้ด้วยดีเถอะครับ เท่าที่ประสบการณ์ของผมได้พบเห็นมาคือจะไปก่อปัญหาในรุ่นถัดไปเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ ถ้าคุณพ่อไม่แน่ใจก็ลองเอาเรื่องที่ผมเล่าไปให้ท่านอ่านดูก็ได้ครับ

ขอบคุณนะครับที่แวะมาอีกครั้ง

สวัสดีครับคุณ P มนัสนันท์

ไม่ได้เจอคุณแมวเสียนานคิดถึงเช่นกันครับ ตอนนี้งานคงหนักนะครับ

ได้แต่ส่งแรงใจไปช่วยครับ ขอให้งานสำเร็จด้วยดีนครับ

พักผ่อนมากๆนะครับ ขอให้สนุกกับงานที่ทำครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับคุณ P pooดำอันดามัน

น่าสงสัยเสียแล้วว่า เมืองตรังมีอะไรดีนะ สาวพังงาถึงติดใจไปทุกๆบ่อย...อิ.อิ..

ถ้าติดใจหมูย่างตรังก็แล้วไป หนุ่มพังงาจะได้ไม่ต้องกลายร่างเป็นภูเขา..แฮ...

ปีใหม่ไทยคุณปูจะอยู่ไหนครับ ใกล้หนุ่มพังงา หรือหนุ่มที่ไหนอยากรู้จัง

ขอบคุณครับ ทำภารกิจและเที่ยวให้สนุกนะครับ ทานหมูย่างเยอะๆเน่อ...

ในทรรศนะของความ เกี่ยวกับความผิดบุกรุก  คือ หากรู้ว่ามีการบุกรุกและรู้ตัวผู้บุกรุกเข้ามาทำกินในที่ดิน หากทำกินแล้วออกไป ไม่เข้ามาอีก  หากการรับรู้เกิน 3 เดือน ก็ต้องหมดอายุความครับ แต่ถ้าเขายังอยู่ในที่ดินทำกิน หรือใช้ที่ดินนั้นอยู่ นั่นก็คือการบุกรุกทุกวัน  อายุความก็นับใหม่ไปทุกวัน ครับ 

คือฉันได้ซื้อบ้านมือสอง แล้วบอกกให้เขาย้ายออกพอเขาย้ายเขาได้งัดเอาทรัพย์สิในบ้านไปด้วยเขามีความผิดไหม ฉันควรจะแจ้งความด้วยไหมค่ะกรุณาติบด้วยค่ะ

นางสาว พราวตา อยู่ทอง

เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2558 เวลา 12.00 น. ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่บ้านกับบุตรสาวเพียง 2 คน ได้มี นาย ธ และ นางสาว ณ ซึ่งทั้งสอง เป็นสามีภรรยากัน ได้บุกรุกเข้ามาภายในบริเวณบ้านพัก และ ทำลายทรัพย์สินของข้าพเจ้า อันได้แก่

1. รถยนต์ นิสสัน หมายเลขทะเบียน ผม 0000 นครราชสีมา

2. รถยนต์ อีซูซุ หมายเลขทะเบียน ผผ 0000 นครราชสีมา

3. รถยนต์ ฮอนด้า หมายเลขทะเบียน กต 0000 นครราชสีมา

โดยกระทำการ ขว้างปาสิ่งของใส่รถยนต์ ของข้าพเจ้า ได้รับความเสียหาย บุบ แตก

ได้ทำการลักทรัพย์ ของข้าพเจ้า มีรายการดังต่อไปนี้

1. ถังลมออกซิเจน 1 ถัง

2. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ไอโฟนห้า สีดำ 1 เครื่อง

( ได้ทำการคืนให้หลังจากที่ข้าพเจ้า ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทวงถาม ขณะที่ทั้งสองขับรถออกจากบ้านของข้าพเจ้า )

โดยทำการโยนโทรศัพท์ มือถือฯ ของข้าพเจ้าลงจากรถสู่พื้นเบื้องล่างซึ่งเป็นปูนซีเมนต์ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกให้คืนโทรศัพท์มือถือฯ ทำให้โทรศัพท์ฯ ของข้าพเจ้าเกิดความเสียหาย เครื่องดับและมีรอยขูดรอบตัวเครื่อง

ทั้งสองได้ทำร้ายร่างกายข้าพเจ้า ทั้งต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึงที่เกิดเหตุ

โดยการกระทำในครั้งนี้ เกิดจากความตั้งใจของ นายธนดลและภรรยา ด้วยทั้งสองท้าทายด้วยวาจาว่า ให้ไปแจ้งความเอาเอง

ว่า นาย ธนดลฯ และภรรยา นั้นตั้งใจกระทำ และยังได้กล่าวหาด่าทอ ข้าพเจ้า ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้ข้าเจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมทั้งถ่มน้ำลายใส่หน้าข้าพเจ้า ถึง 4 ครั้ง

โดยการกระทำในครั้งนี้ ข้าพเจ้ามีบุคคลเป็นพยานรู้เห็น ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายและคนข้างบ้านที่เข้ามาห้ามปราม นาย ธนดล ฯและภรรยาด้วย

ข้าพเจ้าจึงขอให้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

พอยกฟ้องแล้ว คือ ไม่ติดคุกแต่ต้องถอนออกมั้ยค่ะ?

รบกวนปรึกษาค่ะ ที่ดินหลุดขายฝากมา6ปีค่ะเนื้อที่10ไร่แต่ระหว่างนั้นมีการซื้อขายโดยไม่มีการโอนแต่มีการชำระเงินหลังจากนั้นมีการซื้อคืนจากผู้รับซื้อฝากเดิมโดยมีการทำสัญญาเช่ากับผู้ขายฝากเป็นเวลา1ปีเพื่อทำกินต่อในที่ดินเดิม(ที่ดินเดิมเป็นนากุ้ง)แต่ไม่ได้รับการชำระเงินค่าเช่าแต่อย่างใดหลังจากนั้นน้องชายผู้เช่ามาทำการบุกรุกที่ทำบ่อกุ้งต่อเราสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้างคะต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเรื่องทนายประมาณเท่าไหร่ได้คะ***ขอคำแนะนำวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดนะคะ..ขอบคุณค่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท