การประกาศตัวต่อสู้กับกิเลสและตัณหาแบบเต็มรูปแบบนั้นไม่ต่างอะไรกับทหารที่ย่างก้าวเข้าสู่ "สงคราม" แต่สงครามที่ใครสักคนตัดสินใจสละบ้าน สละเรือน สละคนที่รัก สละแม้นคนที่เคยรักนั้นถือได้ว่ากำลังทำสงครามแห่งจิตใจ (Mind's war)...
สงครามโดยทั่วไปใช้ปืน ใช้ระเบิด สงครามแห่งจิตใจนี้ต้องใช้ "ความอดทน"
ความอดทนต่อสิ่งเร้า ต่อแรงั่วยุ ที่มักโผล่ออกมาเสมอทุกครั้งที่เราพลั้ง เราเผลอ "ขาดสติ"
เมื่อใดที่ขาดสติครั้งหนึ่งก็เท่ากับเราปล่อยให้กระสุ้นของข้าศึกมาเจาะหน้าอกเราได้ครั้งหนึ่ง แต่สงครามที่ใช้ปืนนั้นหากเราโดนกระสุนเจาะหน้าอกอย่างนั้นเราก็จะตาย แต่ทว่าการทำสงครามแห่งจิตแห่งใจนี้ยิ่งโดนมากเท่าไหร่ยิ่งทุรน ทุราย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการ "ตายทั้งเป็น"
สงครามที่ไม่มีความตายเป็นจุดจบของนักรบ เป็นสงครามแห่งภพ แห่งชาติ
สงครามแห่งจิตแห่งใจนี้เป็นสงครามที่นักรบต้องสั่งสม "บารมี"
ยิ่งโดนยิงมากเท่าไหร่ โดนกระทบ กระแทกมากเท่าไหร่ ยิ่งแข็ง ยิ่งแกร่ง
ทหารในสนามรบโดยยิง โดนทำร้าย ร่างกายเขาจะอ่อนแอลง แต่ทหารที่รบสงครามในจิตใจนั้นทุกอย่างที่มาทำให้เจ็บ ให้ช้ำ ยิ่งแข็งแรง
การต่อสู้กับ "ความอยาก" เปรียบเสมือนกับการต่อสู้กับศัตรูที่ใส่เสื้อคลุมล่องหน ซึ่งมิต่างอะไรกับการที่เราต้องสู้กับโจรในคืนเดือนมืด ที่เขาเห็นเรา แต่เราไม่เห็นเขา
การฝึกใช้การรับรู้จากสัมผัสทั้ง 6 โดยเฉพาะ "ใจ" นั้นจะทำให้เราสามารถสัมผัสโจรจริงในจิตใจ
จิตใจของโจรมักโผล่ออกมาแสดงบทบาททุก ๆ ครั้งที่เราขาดสติ
ทหารขาดใจหมายถึงความตาย แต่ทหารธรรมอย่างเราขาดสตินั้นต้องทุกข์ยิ่งกว่าความตาย...
เป็นการต่อสู้กับตนเองโดยใช้สติเป็นอาวุธเมื่อไรเราวางอาวุธเราก็จะโดนโจมตีเมื่อนั้นการสู้กับจิตกับใจนี้ลำบากน่าดูมันสู้อยู่ทุกนาทีเลยก็ว่าได้เพราะความคิดนั้นมันเร็วมากพอๆกับความเร็วของโรที่ว่าเชียวน่ากลัวมากก็ต้องแพ้บ้างชนะบางสู้ต่อไปนะคะ