บรรยากาศบ้านนอกก่อนเขาเคลื่อนทัพไป กทม. เขาบริจาคเงินกันไป บางคนบริจาคเป็นหมื่นเชียวนะ
ดูเหมือนเขาไปด้วยใจ ส่วนข่าวที่ออกมานั้นคนบ้านนอก คนดูข่าว โดนแหกตา มองมุมเดียว
ทุกวันนี้เขาโทรรายงานกัน ฟังข่าวบางที่เสียอารมณ์
สวัสดีค่ะ ท่าน ผอ. พรชัย
ขอบคุณมากค่ะ ท่านผอ. สุขภาพแข็งแรงนะคะ
ไม่เข้าใจ มีหลายอย่างที่ไม่รู้..พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียถ้าไม่รู้....ไม่กล้าวิจารณ์
ขอบคุณ คนของแผ่นดิน [IP: 125.27.195.9]
สวัสดีค่ะ Aimpai
นี่คุณ Aimpai
สงบ สันติ อหิงสา ไม่มีอาวุธ ปราศจากน้ำตาล : วิถีแห่งสุขภาพดีที่ยั่งยืน
เจริญพรคุณครูอ้อย แซ่เฮ
เมื่อวานนี้(๑๕ มีนาคม ๒๕๕๓) อาตมาก็เขียนไว้ด้วย เห็นใกล้เคียงกับของคุณครูอ้อยหรือไม่ใกล้เคียงกันก็ไม่รู้ได้ เลยขออนุญาตคุณครูอ้อย นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในที่นี้ เจริญพร
แวะมาเยี่ยมครับ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระมหาแล ขำสุข(อาสโย) [IP: 125.25.202.158]
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ น้อง Phornphon
แวะมาเยี่ยมบ่อยๆนะคะ มีความสุขมากมายนะคะ
สวัสดีครับครูอ้อย
ผมเห็น คลิป แล้วกังวลใจครับ
ผมแสดงความเห็นแรกที่นี่ครับ
http://gotoknow.org/blog/de-freedom/344070
สวัสดีค่ะ น้องปากกาด้ามเดียว วันเพ็ญ
นอกจาก ไปตัดต่อ อาจจะเปลี่ยนไป เอิ๊กเอิ๊ก
ขอบคุณมากค่ะ Aimpai
คุณ Aimpai
ผมมีกลอนฝากจากศิลปินแห่งชาติที่ชนชาวไทยต่างรู้จักและยกย่องในความเป็นศิลปเพื่อชีวิต
ท่านอุทิศตนเพื่อความเป็นธรรมให้กับสังคมเสมอมา ท่านเขียนกลอนเพื่อให้สติพวกเสื้อแดงครับ
เพื่ออะไร ทำไมและอย่างไร
ยิ่งตอบไป ยิ่งหลง เข้าพงหนาม
หนึ่งคำถาม ที่ต้องตอบให้ชอบความ
หนึ่งคำถาม คือ คำถาม...ทำเพื่อใคร
อย่าตอบว่า ทำเพื่ออุดมการ
ความสามานย์จะอุดมได้ไฉน
หรือทำเพื่อประชาธิปไตย
ความหยาบช้าสาไถยใช่คัลลอง
อุดมการและประชาธิปไตย
จะต้องถามเพื่อใครใครเกี่ยวข้อง
ประโยคที่ถูกธรรมถูกทำนอง
ประโยชน์ของประชาชนเป็นต้นธาร
ทำเพื่อตน พวกตน เพื่อนายตน
ยิ่งไม่ใช่เหตุผลอันพึงขาน
ยิ่งเคลื่อนไหวยิ่งสำแดงแห่งสันดาน
ที่เถื่อนถ่อยอันธพาลประจานคน
การเคลื่อนไหวที่ชอบต้องตอบโจทย์
มีประโยชน์มีขอบเขตมีเหตุผล
ยิ่งถามซ้ำ ยิ่งตอบ ยิ่งชอบกล
ศึกขุ่นข้น ยืดเยื้อนี้...เพื่อใคร
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
พฤ.11/3/53
สวัสดีค่ะ น้อง มนัสนันท์
กลอนนี้ท่านศิลปินแห่งชาติ ท่านประพันธ์ขึ้นเพื่อเตือนสติกลุ่มเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวอยู่ในใจกลางพระนครครับ
ด้วยความเคารพครับ
สวัสดีค่ะ น้องชาย มนัสนันท์
คุณยายข้างบ้านครูน้อง เป็นคนเดือนตุลา ที่หนีขึ้นไปบนเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร จับปืนสู้กับรัฐบาลในยุคนั้น และคลอดลูกคนแรกบนภูพาน ยืนยันได้ว่าคุณยายเป็นนักประชาธิปไตยทั้งกายและใจ ณ วันนี้คุณยายไปร่วมกับเสื้อแดง โดยคุณยายได้ซื้อข้าวสาร พริก อาหารแห้งหลายอย่าง นั่งรถทัวร์ไป กทม.คนเดียว...........ถามว่า ถ้ามีคนจ้าง คุณยายจะทุ่มเทขนาดนี้เหรอ ถามคุณยาย คุณยายตอบว่า "ใครเป็นรัฐบาลก็ได้ แต่ต้องเป็นเสียงข้างมากที่พวกฉันเลือกเขามา ไม่ใช่เอาช่องโหว่ของรํฐธรรมนูญปี 50 มาเอื้อประโยชน์ให้พวกตน" ฟังคุณยายพูดแล้ว ......หลาย ๆ คน ต้องศึกษารัฐธรรมนูญให้ลึกซื้ง
สวัสดีค่ะ ครูน้อง นิภารัตน์
ขอบคุณมากนะคะ ที่นำข้อมูลมาเขียนให้ บล็อกนี้ เป็นประวัติศาสตร์ ที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
ปัญหาคือ เรารู้อะไร เราเห็นอะไร
สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น อาจจะ(ขอย้ำว่า อาจจะ) ไม่ใช่สิ่งที่เป็น
สิ่งที่เป็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
สิ่งที่ถูกต้องวันนี้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตลอดไป
ครูอ้อยเป็นครู น่าจะทราบดีว่ากี่ครั้งที่เราเปลี่ยนเนื้อหาที่ใช้สอน ตามข้อเท็จจริงที่เราค้นพบใหม่
(ผมแนะนำให้อ่านช้า ๆ แล้วลองคิดดู)
จงตื่นและยอมรับความจริง เถอะคนไทย
ขอมองต่างมุม ว่านี้คือของจริงหรือของปลอม
http://www.oknation.net/blog/wachira89/2010/03/21/entry-1
สวัสดีค่ะ ท่าน อุทัย อาวรณ์
ขอบคุณที่ นำมาแลกเปลี่ยน ซึ่ง น่าจะมาเขียนตั้งนานแล้ว .....ใช่ไหมคะ
ขอบคุณค่ะ ท่าน ไม่แสดงตน [IP: 203.172.240.93]
อย่างไร ก็ ขอบคุณ
ปัญหาคือ เรารู้อะไร เราเห็นอะไร
สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น อาจจะ(ขอย้ำว่า อาจจะ) ไม่ใช่สิ่งที่เป็น
สิ่งที่เป็น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
สิ่งที่ถูกต้องวันนี้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตลอดไป
ครูอ้อยเป็นครู น่าจะทราบดีว่ากี่ครั้งที่เราเปลี่ยนเนื้อหาที่ใช้สอน ตามข้อเท็จจริงที่เราค้นพบใหม่
(ผมแนะนำให้อ่านช้า ๆ แล้วลองคิดดู)
ท่าน อุทัย อาวรณ์
ครูอ้อยตอบแล้วค่ะ......ตอบใหม่ก็ได้ค่ะ
ขอบคุณที่ นำมาแลกเปลี่ยน ซึ่ง น่าจะมาเขียนตั้งนานแล้ว .....ใช่ไหมคะ
ขอโทษด้วยคำมีการส่งซ้ำคำ ผิดที่ระบบ ผิดที่ผมด้วย
ช่วยลบด้วยครับ
คุณยายข้างบ้านครูน้อง เป็นคนเดือนตุลา ที่หนีขึ้นไปบนเทือกเขาภูพาน จ.สกลนคร จับปืนสู้กับรัฐบาลในยุคนั้น และคลอดลูกคนแรกบนภูพาน ยืนยันได้ว่าคุณยายเป็นนักประชาธิปไตยทั้งกายและใจ ณ วันนี้คุณยายไปร่วมกับเสื้อแดง โดยคุณยายได้ซื้อข้าวสาร พริก อาหารแห้งหลายอย่าง นั่งรถทัวร์ไป กทม.คนเดียว...........ถามว่า ถ้ามีคนจ้าง คุณยายจะทุ่มเทขนาดนี้เหรอ ถามคุณยาย คุณยายตอบว่า "ใครเป็นรัฐบาลก็ได้ แต่ต้องเป็นเสียงข้างมากที่พวกฉันเลือกเขามา ไม่ใช่เอาช่องโหว่ของรํฐธรรมนูญปี 50 มาเอื้อประโยชน์ให้พวกตน" ฟังคุณยายพูดแล้ว ......หลาย ๆ คน ต้องศึกษารัฐธรรมนูญให้ลึกซื้ง
ข้อมูลเพิ่มเติมของคุณยายข้างบ้าน
อดีตคุณยายเป็นคุณนายของครูใหญ่ที่ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว มีลูก 3 คน คนโตผู้ชายคลอดบนเทือกเขาภูพาน ปัจจุับันเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง คนที่สองเป็นครู คศ.3 แต่งงานกับสามีฝรั่ง คุณยายอยู่กับลูกสาวคนนี้ คนที่สามเป็นผู้ชาย เป็นเจ้าของโรงงานทำอิฐประเภทต่าง ๆ คุณยายมีรายได้จากลูกทั้งสามตกเดือนละประมาณ 2-3 หมื่นบาทต่อเดือน และมีูููธุรกิจบ้านให้เช่า 4 หลัง คุณยายอยู่กับลูกสาวในหมู่บ้านจัดสรร ราคาหลังละ 4.5 ล้าน ในการซื้อเสบียงลง กทม.แต่ละครั้งคุณยายใช้เงินส่วนตัวประมาณ 1-2 หมื่นบาท ซึ่งเสบียงที่ซื้อไปนั้นคุณยายบอกว่า "ซื้อเผื่อคนอื่นที่ไปร่วมประท้วง" ดู ๆ แล้วคุณยายมีรายได้พอเลี้ยงตนเอง คงไม่ต้องเดือดร้อนไปรับจ้างประท้วง ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งคุณยายจะเหมาสามล้อเครื่องไปนั่งฟังการอภิปรายหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส. ทุกครั้้ง โดยไม่เลือกพรรค และไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทุกครั้ง ขนาดนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลคุณยายยังขออนุญาตคุณหมอเพื่อไปลงคะแนนเลือกตั้ง แล้วค่อยกลับมานอนรักษาที่ รพ.ต่อ
ขอบคุณ ครูน้องมากเลยค่ะ นิภารัตน์
ขอให้ เมืองไทย มีความสุข ในเร็ววันค่ะ