ผู้หญิง บ่นไม่หยุด และจิตวิทยาการขอ


Appreciative Inquiry : การขอแบบโดนใจ... ยังไม่พอ ต้องได้ดั่งใจด้วยถึงจะ Work ^^

วันนี้ก็เป็นอีกวัน ที่อากาศยังร้อนไม่ปราณีใครจริงๆ

ตอนเย็นผมได้มีโอกาสไปช่วยเพื่อนๆขายของครับ

ที่เปิดท้ายใหญ่... สนุกมากมาย กินไปขายไป คุยกันไป

ขายผิดบ้างถูกบ้าง แต่ก็สร้างสีสันให้กับชีวิตดีครับ ลดความเหงาลงไปได้เยอะ

ก่อนเก็บของกลับ เพื่อนสาวของผมเดินบ่นงึมงัมๆมาครับ ผมเลยถือโอกาสถามซะเลย

ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเหรอ เผื่อจะเข้าทางกับเรื่อง "3 ใจ" ในแง่มุมใหม่ๆ พอคุยแล้วก็ได้ความว่า...



ผมถาม
"บ่นไรวะ... คือไม่หยุดไม่หย่อน" เพื่อนสาวผมตอบ "แกดูซิน้ำหอมเนี่ย มันให้ฉันไม่เต็มขวดอะ ฉันเคยซื้อ 100

แล้วมันได้เต็มขวดอะแก นี่มันได้ครึ่งขวดเอง" ผมถามต่อ "แล้วไปซื้อทำไมละงั้น... ก็บอกเขาไปซิว่าไม่เอา"

เพื่อนสาวผมตอบ "ก็อยากได้นี่หว่า เดินผ่านหน้าร้านแล้วเห็น อยากได้ ตอนแรกก็ไม่ทันได้เข้าไปหรอก เนี่ยพอกลับมา

นั่งสักพัก มันอดใจไม่อยู่ อยากได้เลยกลับไปซื้อมา ที่ห้องมันหมดพอดีด้วยละ แต่แบบขัดใจอะ เคยซื้อกับร้านอื่น

ปกติ 100 มันต้องได้เต็มขวดอะแก ไม่ได้ดั่งใจเลย" ผมแนะนำ "แกทำไมไม่รอไปซื้อร้านเดิมละ" เพื่อนผมตอบ "ก็มันหมด

แล้วนี่หว่า บางทีผู้หญิงก็ยอมที่จะจ่ายแพงกว่าในสิ่งที่ต้องการเหมือนกันนะ" ผมถามต่อ "งั้นก็ไปซื้ออีก 100 ดิจะได้เต็มขวด"

เพื่อนสาวตอบ "ไอบ้า... ไม่เอาแล้ว ร้านนี้ขายแพงเกิน คงเข้าทีเดียวนี้ละ นี้ถ้าที่ห้องไม่หมด ฉันไม่ซื้อหรอก"



ตัดมาที่จุดนี้ครับ... มาดูกันครับ ว่าเคสนี้ให้อะไรกับเราบ้าง เกี่ยวกับ "จิตวิทยาการขอ" ตรงไหน... ตามผมมาครับ ^^

จะเห็นได้ว่า
... สิ่งที่"ไม่ได้ดั่งใจ" เพื่อนสาวของผมคือ ปริมาณของน้ำหอม ซึ่งได้น้อยกว่าที่เธอเคยซื้อมาจากร้านอื่น

ในราคาที่เท่ากัน จึงทำให้เธอเกิดความไม่พอใจ   บ่นอย่างไม่หยุดยั้ง แถมยังบอกว่าจะไม่กลับมาซื้อที่ร้านนี้อีก

ปัญหาที่ร้านนี้เจอคือ "ราคา"(Price) ครับ  เจ้าของร้านอาจจะพลาดตรงที่ไม่ได้ทำการศึกษา หรือเปรียบเทียบ

ราคากับร้านคู่แข่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงให้ความสำคัญมาก จะเห็นได้บ่อยๆว่าการซื้อสินค้าหลายๆครั้งของคุณผู้หญิงนั้น

พวกเธอมักที่จะใช้การเปรียบเทียบราคา และคุณภาพก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ ในเคสนี้เรื่องของคุณภาพนั้นมันเท่ากันครับ

เพราะเป็นน้ำหอมแบ่งขายเหมือนกัน แต่ร้านนี้ไปพลาดเรื่องราคาแค่นั้นเอง จึงทำให้ไม่ได้ลูกค้าประจำเพิ่ม...

แต่สิ่งที่ร้านนี้ทำได้ดีคือ การเลือกชนิดของสินค้ามาลง และการจัดร้านครับ ที่จัดระเบียบ พร้อมทั้งคัดสรรค์ออกมาได้"โดนใจ"

เพื่อนของผม จนถึงขนาดอดใจไม่ไหวที่จะกลับไปซื้อ ทั้งๆที่เดินกลับมาถึงที่ที่พวกเราขายของแล้ว



เป็นอย่างไรกันบ้างครับ... กับ "การขอแบบโดนใจ" ต้องยอมรับครับว่า ร้านนี้หาสินค้า และจัดร้านได้โดนใจเพื่อนของผม

ซึ่งสิ่งนี้สามารถทำให้เขาดึงดูดความสนใจเพื่อนของผมได้ เพราะเขามีสินค้าที่เธอต้องการพอดี แต่จุดที่พลาดคือการไม่ได้ศึกษา

คู่แข่งในเรื่องของราคา
จุดนี้เองทำให้เพื่อนของผมรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ เพราะเธอเคยซื้อน้ำหอมชนิดเดียวกันในราคาขนาดนี้แล้ว

เธอจะได้เต็มขวด แต่ร้านนี้กลับได้มาแค่ครั้งหนึ่ง ซึ่งเธอใช้คำว่า "ไม่ได้ดั่งใจ" เธอเลย และจะไม่กลับมาใช้บริการอีก ดังนั้น...

สิ่งที่ร้านค้าควรจะทำคือพยายามทำให้ได้อย่างน้อย 2 ใจ ครับ คือ โดนใจ และดั่งใจ มิเช่นนั่้นก็จะเป็นเหมือนอย่างร้านขายน้ำหอมร้านนี้

ที่สามารถดึงดูดเงินจากเพื่อนของผมได้เพียงครั้งเดียว แล้วเธอก็จะจากคุณไปตลอดกาล แถมยังนำเรื่องแย่ๆนี้ไปบอกต่ออีก

อย่าลืมนะครับว่า "ผุ้หญิงมีอำนาจในการบอกต่อถึง 1:27" ซึ่งการทำพลาดครั้งนี้ของคุณ ทำให้เสียลูกค้าไปแล้วอย่างน้อย 27 คนแน่ๆ

สรุปง่ายๆคือ โดนใจอย่างเดียว... ยังไม่พอ ต้องได้ดั่งใจด้วยถึงจะ Work



แล้วคุณละคิดยังไง ^^

 

ถ้าสนใจเคสที่ตอบโจทย์โดนใจ"คุณผู้หญิง"แบบนี้ สามารถ หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่

>>> AI-Sheativity (จิตวิทยาการขอสำหรับผู้หญิง) <<<

หมายเลขบันทึก: 342218เขียนเมื่อ 6 มีนาคม 2010 01:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ความอยากได้ตอนนั้นทำให้เราซื้อค่ะ...แต่พอซื้อมาแล้ว

ปรากฏซ่าราคามันต่างกันเยอะ

แป้งว่าร้านนี้แป้งก็คงเข้าครั้งเดียวเหมือนกันค่ะ

ไม่มีทางได้เงินในกระเป๋าแป้งเป็นรอบที่สองแน่เลยค่ะ ^_^

อ่อนไหวต่อราคาเหมือนกันคะ

แต่.....สิ่งจำเป็นบางอย่าง รู้ทั้งรู้ว่ามันแพงกว่า หรือปริมาณได้น้อยกว่า ทั้งๆที่ก็คิดมาเยอะแ้ล้วว่าอะไรคุ้มไม่คุ้ม

แต่เพราะความอยากได้ ก็ยอมจ่ายนะคะ ณ จุดนั้น

ถ้าให้รอคงใจขาดแน่ๆ อิอิ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นครับ

@แป้ง >>> ครับ... โดนใจอย่างเดียวไม่พอจริงๆ ต้องได้ดั่งใจด้วยเนอะแป้ง โดยเฉพาะเรื่องราคาสำคัญนักแล ^^

@หนิง >>> จังหวะนั้นเพื่อนเอิร์ทคงคิดอย่างงั้นละครับ ถึงได้กลั้นใจซื้อมาทั้งๆที่มันแพงกว่ากัน 2 เท่า แต่อย่างที่บอกครับ คงได้เงินเพื่อนเอิร์ทครั้งเดียวเท่านั้นละครับ ไม่ใช่วิธีการที่จะทำให้ธุรกิจยั่งยืนแต่อย่างใด ^^

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านครับ แสดงความเห็น/แชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ทุกความเห็นเป็นประโยชน์เสมอ ^^

สวัสดีค่ะ คุณเอิร์ท

- อ่านหัวข้อแล้ว สนใจเข้ามาอ่านบันทึกมากเลยค่ะ พอได้อ่านเคสนี้แล้วเป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจ น่ารักมากค่ะ อิอิ.. เรื่องของผู้หญิง

- หุหุ.. นี่แหละค่ะผู้หญิง เป็นเหมือนกันนะค่ะ เป็นคนชอบซื้อเสื้อผ้า ซื้อรองเท้าบางทีซื้อมาแต่ก็ไม่ใส่นะค่ะ ชอบเพราะชอบ และสวยสะดุดตาก็เอาเลย เมื่อความต้องการของเราอยากได้บางทีก็ไม่สนเรื่องราคาเหมือนกัน ผลสุดท้ายก็บ่นเหมือนกันค่ะ ไม่ได้ใส่เลยจะซื้อมาทำไมก็ไม่รู้ แก้ไม่หายค่ะพฤติกรรมนี้ อิอิ..สำหรับตัวเองนะค่ะ

- ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีนะค่ะ

- เขียนอีกนะค่ะจะรออ่านค่ะ 

สวัสดีครับคุณRattanaporn Chaichon

ยินดีที่ได้รู้จักครับ และชอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านงานของผม ครับ... หลายๆครั้ง ความไม่มีเหตุผลของผู้หญิงทำให้โลกของธุรกิจสามารถเจริญเติบโต และเดินหน้าต่อไปได้ครับ ในความคิดของผม ผู้หญิงจะตัดสินใจซื้อ โดยใช้อารมณ์ และความอยากเป็นที่ตั้งเสมอครับ ยินดีที่จะนำเรื่องราวดีๆมานำเสนอครับ ติดตามอ่านได้ที่นี้ทุกวันครับผม ^^

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านครับ แสดงความเห็น/แชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ทุกความเห็นเป็นประโยชน์เสมอ ^^

สำหรับชาม ในกรณีนี้ จริงๆแล้ว จะซื้อเมื่อมันจำเป็นหรือขาดแคลนจริงๆเท่านั้นค่ะ และหลังจากนั้น เขาจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสทรัพยากรอันร่อยหรอของเราอีกแน่นอน (ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นหรือขาดแคลนขึ้นอีกรอบนะ หุหุ)

หลายครั้งเราก็ซื้อแม้จะรู้ว่าราคาเกินจริง ด้วยความจำเป็น.. ด้วยความอยากได้ ..

หรือ กลัวว่าร้านอื่นอาจไม่มี นี่แหละผู้หญิง

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ ^^

@น้องชาม >>> ใช้แล้วครับ... โอกาสที่พวกเขาจะได้เงินจากน้องชามอีกคงจะยากส์มากๆ นอกจากว่ามันจะหาไม่ได้จริงๆ แล้วร้านนี้เป็นตัวเลือกสุดท้ายเท่านั้น ^^

@คุณมณีวรรณ ตั้งขจรศักดิ์ >>> ครับ... บางทีเหตุผลก็เป็นอย่างงั้นครับ ซึ่งอารมณ์ และความอยากนี้ละครับ ที่ทำให้ร้านพวกนี้ขาดสินค้ากับผู้หญิงได้ แต่มันไม่ยั่งยืนแน่นอนครับ.. ถ้าราคายังทำให้พวกเธอรูปสึกไม่เป็นธรรมแบบนี้ ไม่ยั่งยืนแน่นอน ^^

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบ คุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านครับ แสดงความเห็น/แชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ทุกความเห็นเป็นประโยชน์เสมอ ^^

...สวัสดีค่ะ...คุณเอิร์ท...

...จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ตัวของผู้ซื้อเอง เพราะก่อนที่จะซื้ออะไรก็แล้วแต่ก็ควรที่จะพิจารณาก่อนว่า สินค้าชนิดนี้เป็นยังไง ราคาสมกับสินค้าที่เราต้องการหรือไม่ คูณภาพดีแค่ไหน แต่ปกติแล้วโดยส่วนตัว เวลาที่จะซื้อน้ำหอมใช้เองหรือจะซื้อให้เพื่อน ก็ต้องดูองค์ประกอบทั้งหมดนะ ถ้าเราชอบก็ซื้อเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็ปฎิเสธทันที เพราะเราเป็นผู้บริโภค อยู่ที่เราว่ารอบคอบในการซื้อแค่ไหน ถ้าดูไม่รอบคอบก็เป็นธรรดาสำหรับผู้หญิง บ่นไม่เลิกค่ะ ทั้งที่ตัวเราเองไม่รอบคอบเอง....

....แค่แสดงความคิดเห็นนะ อาจจะตรงไปหน่อย....

สวัสดีค่ะ คุณเอิร์ท

ผู้หญิงเรา สติจะหลุดลอย เมื่อเจอของที่อยากได้

ตอนนั้นจะไม่ทันคิดอะไร ตาลาย ฟ่ามัว ฮ่าๆ ๆ ๆ

แต่พอซื้อมาแล้ว ค่อย มาคิดทีหลัง ธรรมดาค่ะ

บุญรักษาค่ะ ^^

สวัสดีครับคุณสายลมที่หวังดี

ไม่ว่ากันครับ... ความคิดเห็นเป้นสิ่งที่ไม่เคยผิดครับ... สำหรับเคสนี้ ก็ใช่ครับที่ควรจะพิจารณาดูดีๆ แต่พอดีจังหวะนั้น เพื่อนผมต้องการใช้พอดีด้วยละครับ ไม่งั้นมันก็คงจะไม่ซื้อเหมือนกัน ถึงได้บ่นไม่หยุดซะขนาดนั้น อย่างที่บอกละครับ บางครั้งผู้หญิงก็ยอมที่จะจ่ายแพงกว่ากับสินค้าที่เธอต้องการ และอยากได้ ขอบคุณสำหรับความเห้นครับ ^^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สวัสดีครับคุณsOul_

ประมาณนั้นละครับเคสนี้ ไม่งั้นคงจะไม่บ่นงึมงมๆไม่หยุดอย่างงั้นแน่ๆ ^^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาครับ แสดงความเห็น/แชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ทุกความเห็นเป็นประโยชน์เสมอ ^^

รถเปิดท้ายขายของเขาไม่คิดลึกขนาดต้องวิเคราะห์ราคากับร้านอื่นๆหรอกคะ
ร้านเปิดท้ายขายของเป็นร้านที่ไม่ยั่งยืน เร่ขายไปเรื่อย การ Maximize Profit ต้องรีบทำ
ต้องฉกฉวยโอกาส เพราะลูกค้ามักเป็นขาจร ยังเกี่ยวเนื่องกับความต้องการอย่างยิ่งยวดของลูกค้าในขณะนั้น
พ่อค้ามือทองมักจะสังเกตความจำเป็นและความต้องการของลูกค้าได้
นี่ขนาดน้ำหอมพร่องไปครึ่งขวดยังสนใจหยิบดู ถามราคา แบบนี้ไปไม่รอดครับซื้อแน่ๆ
อีกอย่างพ่อค้าก็อาจรู้ว่าย่านนั้นในขณะนั้นไม่มีชนิดนี้ ถ้าต่อราคาเขาอาจให้เสียด้วยซ้ำ

การซื้อขายที่ร้านเปิดท้ายไม่มีใครคิดเรื่องใครเอาเปรียบใครหรอกนะคะ พอใจก็ซื้อ ไม่พอใจก็ไม่ซื้อ
สรุป อยู่ที่ความพอใจ และความต้องการในขณะนั้นคะ

 

 

สวัสดีครับคุณปาริชาติ

ถ้ามองในมุมนั้นก็ไม่ผิดครับ ผมก็เห็นด้วยนะ... แต่ร้านเปิดท้ายพวกนี้ เค้าก็มาขายที่เดิมประจำครับ ว่าง่ายๆคือ ปัจจุบันนี้ร้านค้า

ที่เข้ามาขายในเปิดท้าย มีไม่น้อยที่เดียวที่เขายึดเป็นอาชีพหลัก ซึ่งอย่างในเคสนี้ผมได้ยกตัวอย่างให้เห็นว่า เค้าสร้างความพึงพอใจ

ให้กับลูกค้าได้ครับ แต่... สิ่งที่เขาทำไม่ได้คือ ทำให้ลูกค้าได้ดั่งใจ จนถึงขั้นได้ใจ ซึ่งแบบนี้ไม่ปลอดภัยกับธุรกิจของเขาแน่นอน

ครับ เพราะว่าโอกาสกลับมาซื้อซ้ำแถบจะไม่มีเลย ลูกค้าต้องหน้าใหม่เรื่อยๆ เท่าที่ผมไปลองขายของกับเพื่อนๆ ลูกค้าประจำสำคัญ

ไม่ใช่น้อยครับสำหรับร้านเปิดท้าย เพราะก็มีไม่น้อยเหมือนกันที่จะขายกันไม่ดี พวกเขาก็จะได้ลูกประจำนี้ละครับ ที่แวะเวียนมาซื้อ

สินค้า... แต่จุดประสงค์หลักในเคสนี้ไม่ได้มุ้งเน้นร้านเปิดท้ายครับ... ผมแค่อยากเสนอไอเดียว่า ถ้าจะทำธุรกิจนั้น เราคงจะยึดหลัก

Maximize Profit ไม่ได้ เพราะว่าธุรกิจสมัยใหม่นี้ ฐานลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญครับ... เราต้องสร้างฐานลูกค้าประจำให้ได้มากที่สุดเท่าที่

จะทำได้ ธุรกิจถึงจะไปรอดครับ ถ้ายึดแค่เอากำไรสูงสุด มันก็จะกลายเป็นร้านค้าที่ถูกลืมไปในไม่ช้า เว้นเสียแต่ว่าสินค้าที่คุณขาย

นั้นมันจะเฉพาะเจาะจงจริงๆ ที่จะสามารถเรียกราคาสูงๆได้ อันนั้นก็อีกเรื่องครับ แต่ถ้าสินค้าคล้ายๆก็ต้องมองให้ละเอียดขึ้นครับ ว่า

จะทำยังไงให้ลูกค้าโดนใจเร่ิมกันตั้งแต่หน้าร้านเลย ต่อมาก็คิดต่อครับว่าทำยังไงให้ได้ดั่งใจในสินค้าทั้งในด้านราคา คุณภาพ และ

บริการ จนท้ายที่สุดคือได้ใจพวกเขาจนถึงขั้นเกิดการบอกต่อ และนี้ละครับเป้นการพัฒนาที่ยั่งยืน ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ ^^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาครับ แสดงความเห็น/แชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ทุกความเห็นเป็นประโยชน์เสมอ ^^

อยากรู้เหมือนกันว่าที่ขายตามเปิดท้ายมันจะกลิ่นหมอเหมือนกับตามขวดที่มียี่ห้อขายกันมั้ย ไม่เคยใช้ซักทียกเว้นไปเที่ยวแล้วจะขอเพื่อนฉีดซักหน่อย หุหุ

ขอบคุณที่โยที่แวะมาครับ

ผมก็ไม่เคยลองเหมือนกันครับพี่... แต่น่าจะโออยู่นะ ไม่งั้นเพื่อนผมมันคงไม่ซื้อมานั่งบ่นแบบนี้หรอก ^^

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบ คุณทุกท่านที่แวะเข้ามาครับ แสดงความเห็น/แชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ทุกความเห็นเป็นประโยชน์เสมอ ^^

สั้นๆ ง่ายๆ ค่ะ เคสนี้ "ได้ใจ" เหตุการณ์คล้ายๆ ขีวิตจริงเลยค่ะ ^^"

ขอบคุณเพลินเพลงที่แวะมานะ

อะฮะ... ได้ใจแบบนี้ อย่าลืมติดตามผลงานของผมต่อไปนะครับ ^^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาครับ แสดงความเห็น/แชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ^^

สวัสดีครับ

เก็บประสบการณ์การซื้อ ตามใจ ตามอยาก ไว้ปรับปรุงในการซื้อครั้งต่อไป อาจจะบ่นน้อยลง หรือ มากขึ้น เนื่องจากมีประสบการณ์อื่นๆเพิ่มเติม บ่นกับสติ ใครแน่กว่ากัน ครับ

สวัสดีครับผศ. เพชรากร หาญพานิชย์

ผมเห็นด้วยกับอาจารย์นะครับ... โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า "ประสบการณ์สร้างคน" ผมชอบที่อาจารย์บอกว่า "บ่นกับสติ ใครแน่กว่ากัน" มากๆเลยครับ... อันนี้ต้องดูกันยาวๆครับ ถ้าโดยธรรมชาติของมนุษย์ บ่นนี้เป็นพวกออกสตาทได้ดีครับ แต่วิ่งไม่เร็วเท่าไหร่ ส่วนสติไม่สันทัดเรื่องการออกสตาทเลย แต่เมื่อผ่านอุปสรรคต่างๆเพิ่มมากขึ้น สติจะยิ่งเพิ่มความเร็วได้เป็นทวีคูณครับ แล้วในท้ายที่สุดผมว่าสติคงจะเข้าเส้นชัยก่อนแน่ๆ แต่ต้องให้ระยะทางนานสักหน่อย ขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์กันครับ ^^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาครับ แสดงความเห็น/แชร์ประสบการณ์กันได้เต็มที่เลยนะครับ ^^

หวัดดีจ้า นายเอิร์ท

แต่สำหรับเราคิดว่า นั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายมี่ร้านนั้นจะได้เงินจากเรานะ

เพราะเราคิดว่า เอาเปรียบลูกค้าเกินไป

เสียความรู้สึกสุดๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท